สิ่งที่ทำให้ผมชอบเรื่องนิโมนาคือ
ความสัมพันธ์ของบาลิสเตอร์และนิโมนาที่เรียกได้ว่าเหมือนกับพ่อและลูกสาว ทั้งบาลิสเตอร์และนิโมนาต่างมีสิ่งเดียวกันคือใฝ่หาความเป็นครอบครัว บาลิสเตอร์ก่อนมาเป็นอัศวินเคยเป็นเด็กกำพร้าจ้างถนนมาก่อน ส่วนนิโมนาก็ถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นปีศาจ
ในหนังปีศาจนิโมนาที่ผู้คนตราหน้าถ้าตีความหมายมันหมายถึง คนที่แตกต่างเพศ.  เพศที่สามหรือกลุ่มคนที่ถูกมองว่าแปลกแยก ซึ่งต้องถูกกำจัดถึงแม้คนๆนั้นจะไม่เคยไปเบียดเบียนใครมาก่อน แต่เพราะความกลัวทำให้ถูกผู้คนตามฆ่า

ฉากบาลิสเตอร์ ทะเลาะกับนิโมนาเมื่อรู้ว่านางคือปีศาจก็เปลียบได้กับพ่อที่รู้ว่าลูกทำตัวเป็นเพศที่สามหรือเลสเบี้ยน ทำให้เกิดการทะเลาะกัน

และฉากที่นิโมนาในร่างปีศาจจะเอาร่างเธอของไปให้ดาบรูปปั้นกอเร็ธแทง เพราะตอนนั้นนิโมนาโศกเศร้าขีดสุดที่โลกและผู้คนเกลียดนาง แต่บาลิสเตอร์มาห้ามพร้อมกับขอโทษนางด้วยน้ำตาที่อาบแก้มจากก้นบึ้งของหัวใจ ก็เปลียบได้กับลูกสาวกำลังจะฆ่าตัวตายแต่ผู้เป็นพ่อมาห้ามไว้และขอโทษจากใจที่รู้สึกผิดที่ไม่อาจเป็นพ่อที่ดี และรู้สึกผิดที่ไม่อาจทำความเข้าใจลูกสาวได้

บาลิสเตอร์และนิโมนา ความสัมพันธ์จากที่จะเป็นสหายจอมก่วน กลับกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่พยายามเรียนรู้และเข้าใจกัน

แต่ถ้าเล่นประเด็นว่าบาลิสเตอร์คือ กอเร๊ธ(เพื่อนสาวของนิโมนาเมื่อ 1000 ปีก่อนและเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรและสถาบัน)กลับชาติมาเกิดผมว่าเนื้อเรื่องจะสนุกและหน้าติดตามอย่างมาก

ทำไมเหรอเพราะว่าตัวละครอย่างบาริสเตอร์เรียกได้ว่าเผชิญทุกข์มามากมายทั้งเป็นเด็กกำพร่ำข้างถนน ถูกใส่ร้ายว่าฆ่าราชินีโดยฝีมือของผู้อำนวยการที่ไม่ชอบคนชั้นล่าง ถูกผู้คนสาปแช่งสารพัดว่าเลวกว่าปีศาจ เหมือนที่นางกล่าวใส่นิโมนา

ซึ่งถ้าบาลิสเตอร์คือกอเร๊ธกลับชาติมาเกิดผมว่ามันจะสาสมกับนางอย่างมาก นางคือคนที่ชี้ดาบใส่นิโมนา นางคือผู้สร้างอาณาจักรและขังคนไว้ในกำแพงด้วยการปลูกฝั่งว่าข้างนอกคือนรก สถาบันอัศวินและกำแพงคือปราการที่ปกป้องผู้คน และเมื่อนางตายพระเจ้าไม่อาจทนความโอหังและความเลวของกอเร๊ธได้จึ่งส่งวิญญาณนางมาเกิดในอาณาจักรของนางในอีก 1000 ปีต่อมา โดยให้มาเกิดในคนชั้นล่างอย่างเด็กข้างถนนที่ถูกผู้คนเหยียดหยามเมื่อไต่เต่ามาเป็นอัศวินก็ถูกทรยศและประนามว่าเลวยิ่งกว่าปีศาจ เหมือนที่นางเคยเรียกนิโมนาว่าปีศาจ ที่พระเจ้าหรือกรรมส่งให้นางมาเกิดในร่างบาลิสเตอร์ก็เพื่อให้นางเห็นว่าสิ่งที่นางสร้างขึ้นมานั้นมันแย่แค่ไหนสถาบันอัศวินที่ควรปกป้องประชาชนกลับกลายเป็นสถาบันเผด็จการของชนชั้นปกครองที่สร้างโฆษณาชวนเชื้อปลอมหลอกคน และยังมีการแบ่งแยกชนชั้นอย่างรุนแรง(เหมือนที่ผู้อำนวยการจัดฉากให้บาลิสเตอร์สังหารราชินีเพราะนางไม่อาจยอมรับที่คนธรรมดาจะมาเป็นอัศวิน) กอเร๊ธเชื่อว่าอัศวินควรมาจากชนชั้นสูงแต่สิ่งที่นางลืมไปคือ นางก็ไม่ได้มาจากชนชั้นสูง นางเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านที่ไต่เต่าขึ้นมาเท่านั้น

การที่นางมาเกิดเป็นบาลิสเตอร์ก็เพื่อให้นางสารสายใยกับนิโมนาและเข้าใจหัวอกของนางที่นางไม่เคยเข้าใจ  อย่างฉากที่นิโมนาจะเอากายให้ดาบรูปปั่นเสียบ ก่อนที่บาริสเตอร์จะมาห้ามว่าพร้อมกับกล่าวด้วยหัวใจที่สำนึกผิดจากก้นบึ่ง ซึ่งถ้าเขียนให้กอเร๊ธในร่างบาลิสเตอร์จำอดีตชาติได้นางจะพูดว่า

"ข้าขอโทษ" บาริสเตอร์กล่าวด้วยหัวใจที่เจ็บปวดและสำนึกผิดจากก้นบึงหัวใจ  "ตลอด 1000 ปีข้าตัดสินเจ้าด้วยใจมืดมอดโง่เขลา มองเจ้าว่าเป็นอสูรร้าย และตอนนี้ข้าได้รับบทลงโทษที่สาสมแล้ว ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัว ถูกผู้คนรังเกลียดถูกทรยศหักหลังเหมือนกับที่ข้าเคยทำกับเจ้า สิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาทั้งสถาบันและอาณาจักรจอมปลอมมันไม่มีอะไรเลยนอกจากการหลอกหลวง ข้าลิ่มรสแล้วถึงกรงขังที่ ข้าสร้างมาทรมานตัวเอง ข้าเข้าใจความหมายของมิตรภาพแล้ว นิโมนาข้าเห็นตัวตนที้แท้จริงของเจ้าแล้ว และเจ้าไม่ได้โดดเดี่ยว"

ถ้าบาลิสเตอร์คือกอเร๊ธกลับชาติมาเกิดมันสาสมกับนางอย่าง เพราะนางจะได้ลิ่มรสชาติอันข่มขืนที่นิโมนาเคยเผชิญไม่มีพ่อแม่ ผู้คนรังเกียจถูกทรยศหักหลัง โดยสถาบันที่ตัวเองสรรสร้างและเชื้อใจ ซึ่งผมว่ามาสามกับสิ่งที่กอเร๊ธเคยทำ และสิ่งเดียวที่จะล้างบาปให้นางได้คือ การขอโทษและสานสายใยที่ขาดดิ้นระหว่างนิโมนาและตัวเธอเอง 

เพราะตลอดที่ผมดูอนิเมชั่น ผมสังเกตุว่าตัวบทเนื้องเรื่องเหมื่อนกับมันสามารถต่อยอดและเล่นประเด็นอะไรได้เยอะกว่านี้