สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ความยากของเรื่องนี้คือ เราคาดการณ์เงินเฟ้อไม่ได้ครับ (ย้อนหลัง40ปี มีค่าเฉลี่ยต่อปีใกล้เคียง3%)
และไม่แน่ใจว่า จขกท มีทักษะในการลงทุน หรือมีความคาดหวังในการใช้เงิน/เดือนเท่าไหร่
ผมจึงSimulate Caseง่ายๆมาดังนี้
1. ไม่ลงทุนเลย / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ72ครับ
2. ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน3%(หุ้นกู้เกรดA) / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ77ครับ
3. ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน5%(หุ้นกู้เกรดB) / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ84ครับ
จะเห็นว่า ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับการคำนวนนี้คือ เงินต้น / ฝีมือ(และความเสี่ยง)ในการลงทุน / รายจ่ายที่ต้องการใช้ / เงินเฟ้อ / ระยะเวลาที่เงินต้นหมด ถ้าเรากำหนดตัวเลขแต่ละตัวได้ ก็จะพอคำนวนตัวเลขที่เหลือได้ครับ
และไม่แน่ใจว่า จขกท มีทักษะในการลงทุน หรือมีความคาดหวังในการใช้เงิน/เดือนเท่าไหร่
ผมจึงSimulate Caseง่ายๆมาดังนี้
1. ไม่ลงทุนเลย / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ72ครับ
2. ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน3%(หุ้นกู้เกรดA) / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ77ครับ
3. ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน5%(หุ้นกู้เกรดB) / ใช้เดือนละ20,000 / เงินเฟ้อ3% = เงินจะหมดอายุ84ครับ
จะเห็นว่า ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับการคำนวนนี้คือ เงินต้น / ฝีมือ(และความเสี่ยง)ในการลงทุน / รายจ่ายที่ต้องการใช้ / เงินเฟ้อ / ระยะเวลาที่เงินต้นหมด ถ้าเรากำหนดตัวเลขแต่ละตัวได้ ก็จะพอคำนวนตัวเลขที่เหลือได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 22
ถ้าคุณบอกว่า อายุ 55 เกษียณนี่ขวางโลก แสดงว่าผมนี่เลือกเกษียณตัวเองตั้งแต่ 40 ปลาย ๆ นี่กลายเป็นพวกไม่เอาโลกเลยสิเนี่ย
ผมจะบอกให้ครับ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูอย่างล่าสุด ผู้ว่าหมูป่า อายุ58 เอง ท่านเสียชีวิตจากมะเร็งแล้ว หรืออย่างสตีฟจ็อบ หรือดารานักแสดงอีกหลายคน ก็เช่นกัน ใครเลือกที่จะทำงานหาเงินงก ๆ แบบคิดว่าการทำงานคือคุณค่าของชีวิต บางทีก็แอบสงสัยว่าคนที่พูดสุดท้ายก็ต้องแก่จนทำไม่ไหว แล้ววันนึงก็ต้องเกษียณตัวเองอยู่ดีไม่วันใดก็วันหนึ่ง คงไม่มีใครทำงานจนแก่ตายหรอกครับ ดังนั้นอายุมันเป็นแค่กรอบที่สังคมวางไว้ตามหลักเศรษฐศาสตร์เท่านั่นที่ว่าคนอายุเกิน 60 แล้วประสิทธภาพมันลดลงจนไม่คุ้มค่าก็เท่านั้นเอง
ส่วนตัวผมคิดว่า ชีวิตมีไว้เพื่อใช้ให้มีความสุขครับ ที่สำคัญความสุขมันไม่ได่ขึ้นกับจำนวนเงินทองว่ามีมาก ๆ ถึงจะมีความสุข อันนี้ไม่จริงเลยครับ บุฟเฟ่มื้อละพัน เทียบกับ ราดหน้าร้านอร่อยที่ถูกปากเรามันให้คุณค่าได้เท่า ๆ กันล่ะครับ แต่คนที่ยังไม่มีเงินก็คงยากที่จะเข้าใจครับ
ผมทำงานบ. ต่างชาติ รายได้ร่วมครึ่งล้านแต่ เลือกเกษียณตัวเอง เพราะเก็บเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ถึงจุดนั้นผมไม่รีรอเลยนะ ที่จะเลิกทำงาน แล้วเลือกใช้ชีวิตง่าย ๆ สงบ ๆ วัน ๆ ผมอยู่ที่บ้านสวน ปลูกต้นไม่เป็นงานอดิเรก เก็บพืชผักผลไม้กิน สนุกไปวัน ๆ โดยต่อวันผมใช้เงินแค่ร้อยกว่าบาทมันก็พอกินแล้ว ในขณะที่ผมมีสินทรัพย ระดับ 8-9 หลักเลยนะ อย่างที่บอกครับ ว่าถ้าคนเรามันมีความสุขในสิ่งที่ทำ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะครับ
จขกท. ลองชั่งน้ำหนักดูครับว่า ความสุขของ จขกท. คือการได้ทำอะไร แล้วอยากทำก็ทำำซะ เวลาชีวืตมันมีจำกัดนะ ผ่านแล้วย้อนกลับไปไม่ได้ซะด้วย อย่าไปฟังคนอื่นเขา เพราะชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตเรา และชีวิตเรามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา ส่วนคนที่คิดว่าทำงานแล้วมีความสุขก็ปล่อยเขาไปครับ ความสุขของใครของมัน
ผมจะบอกให้ครับ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูอย่างล่าสุด ผู้ว่าหมูป่า อายุ58 เอง ท่านเสียชีวิตจากมะเร็งแล้ว หรืออย่างสตีฟจ็อบ หรือดารานักแสดงอีกหลายคน ก็เช่นกัน ใครเลือกที่จะทำงานหาเงินงก ๆ แบบคิดว่าการทำงานคือคุณค่าของชีวิต บางทีก็แอบสงสัยว่าคนที่พูดสุดท้ายก็ต้องแก่จนทำไม่ไหว แล้ววันนึงก็ต้องเกษียณตัวเองอยู่ดีไม่วันใดก็วันหนึ่ง คงไม่มีใครทำงานจนแก่ตายหรอกครับ ดังนั้นอายุมันเป็นแค่กรอบที่สังคมวางไว้ตามหลักเศรษฐศาสตร์เท่านั่นที่ว่าคนอายุเกิน 60 แล้วประสิทธภาพมันลดลงจนไม่คุ้มค่าก็เท่านั้นเอง
ส่วนตัวผมคิดว่า ชีวิตมีไว้เพื่อใช้ให้มีความสุขครับ ที่สำคัญความสุขมันไม่ได่ขึ้นกับจำนวนเงินทองว่ามีมาก ๆ ถึงจะมีความสุข อันนี้ไม่จริงเลยครับ บุฟเฟ่มื้อละพัน เทียบกับ ราดหน้าร้านอร่อยที่ถูกปากเรามันให้คุณค่าได้เท่า ๆ กันล่ะครับ แต่คนที่ยังไม่มีเงินก็คงยากที่จะเข้าใจครับ
ผมทำงานบ. ต่างชาติ รายได้ร่วมครึ่งล้านแต่ เลือกเกษียณตัวเอง เพราะเก็บเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ถึงจุดนั้นผมไม่รีรอเลยนะ ที่จะเลิกทำงาน แล้วเลือกใช้ชีวิตง่าย ๆ สงบ ๆ วัน ๆ ผมอยู่ที่บ้านสวน ปลูกต้นไม่เป็นงานอดิเรก เก็บพืชผักผลไม้กิน สนุกไปวัน ๆ โดยต่อวันผมใช้เงินแค่ร้อยกว่าบาทมันก็พอกินแล้ว ในขณะที่ผมมีสินทรัพย ระดับ 8-9 หลักเลยนะ อย่างที่บอกครับ ว่าถ้าคนเรามันมีความสุขในสิ่งที่ทำ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะครับ
จขกท. ลองชั่งน้ำหนักดูครับว่า ความสุขของ จขกท. คือการได้ทำอะไร แล้วอยากทำก็ทำำซะ เวลาชีวืตมันมีจำกัดนะ ผ่านแล้วย้อนกลับไปไม่ได้ซะด้วย อย่าไปฟังคนอื่นเขา เพราะชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตเรา และชีวิตเรามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา ส่วนคนที่คิดว่าทำงานแล้วมีความสุขก็ปล่อยเขาไปครับ ความสุขของใครของมัน
ความคิดเห็นที่ 13
ก็ไม่ได้ขวางโลกอะไร ปกติเลย
เพียงแต่ เวลาที่เหลืออีก 5-6 ปี น่าจะเก็บเงินสะสมได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะภาระตาม ความคิดเห็นที่ 1-1 ที่หนักๆ หายไป
เพราะเดือนละ แสนกลางๆ ก็ไม่ลำบาก รวมกับ Provident fund ก็อยู่สบายๆ
ผมก็ทำงาน ในเมือง สอนหนังสือไป เที่ยวไป
ที่ผ่านมา บางช่วงที่ว่างๆ ไปพักอยู่บ้านนอก ผมใช้ไม่ถึงนะครับ 2 หมื่นต่อเดือน ==> https://ppantip.com/topic/41716916
เพราะเก็บเกี่ยวในสิ่งที่มำไว้ เช่น ปลาจากบ่อที่เลี้ยง , เก็บไข่เป็ด, ไข่ไก่แจ้กิน , พืชผัก ซื้อก็แค่เนื้อสัตว์อื่นๆ นิดหน่อย
หนักหน่อยคือ ไวน์ ฯลฯ 😃😄
มะนาวออก ผมเก็บคั้นไว้ใช้ ใส่ช่องน้ำแข็งกินทั้งปี สะเดาออก ก็เก็บมาลวก น๊อคน้ำเย็น แบ่งถุงเข้าช่องน้ำแข็ง กินได้ทั้งปี
ผมต้องไปสร้างอาณาจักรแบบนี้ใหม่ ก่อนเกษียณ 60 เพราะยกแปลงนี้ให้แม่ของลูกไปแล้ว
หน่วยงานผม ไม่มีเกษียณ ใครไหวก็ทำกันจนหมดแรงมา ผมก็ยังสอน Online ได้ ลูกๆ ก็โตแล้ว คนเล็กเกือบจบแล้ว แค่เอาตัวรอดกันได้
ผมต้องไปสร้างแหล่งเก็บเกี่ยวใหม่ ให้ทันสัก 2-3 ปี ก่อนเกษียณ แต่ดูท่าแล้ว แม้จะเกษียณก็คงต้องช่วยที่ทำงานไปสักพัก ผ่าน Online
มีที่รับเป็นที่ปรึกษาหน่วยงานอื่น 2-3 แห่ง ก็ไปเดือนละครั้ง ก็ไม่เหงา เรียกว่า เกษียณเหมือนไม่เกษียณ เน้นทำน้อยๆ ทำไปเที่ยวไป
เงินสำรองก็เอาไว้ ยามจำเป็น สำรองไว้ใกล้เคียงกับ จขกท. แต่มีสำรองสินทรัพย์อีกหน่อย หากจำเป็น ขายทิ้งก็ได้มาอีก 1 เท่าตัว
แบ่งสินทรัพย์ให้ลูกๆ แล้ว ไม่ต้องมาดูแลผม หากรายได้เยอะ จะแบ่งมาให้ก็เข้าบัญชีไว้ ผมมีส่งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ไม่ให้เป็น
ภาระใคร เกษียณแล้ว ก็อาจจะทำงานน้อยลง อาจจะเหลืองานที่ปรึกษา 1-2 บริษัท ก็ 7-8 หมื่น ก็พอใช้
อาจจะจ้างคนอยู่เป็นเพื่อน สักคนสองคน ช่วยงานสวน ส่งเสริมให้เขาเรียน มสธ.
บอกลูกๆ แล้ว คิดถึงก็มา ทำห้องไว้ เพื่อนๆ พรรคพวก คิดถึงก็มา ช่วงหมอกควัน เราก็ไปเที่ยว จังหวัดอื่นบ้าง ต่างประเทศบ้าง
ตายก็ไม่ต้องจัดงานศพ เพราะบริจาคหมดทุกส่วน แม้ว่าจะใช้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องจัดงาน เผาไปเลย ไม่ต้องมาบวชหน้าศพ หรือบวชเณรหน้าไฟ
เพื่อนๆ พรรคพวก ไม่ต้องมา ไม่รบกวนใคร อยากเจอ ก็เจอกันยามมีชีวิต ตายแล้ว ไม่รับรู้ มาเคาะโลงให้กินข้าวก็ไม่รู้แล้ว พระสวดมนต์ คน
ตาย ก็ฟังไม่รู้ ส่วนคนเป็นก็ไม่ฟัง เอาแต่คุยบ้าง นินทาบ้าง
บอกลูกให้แจ้ง เพื่อนๆ ป๊าทางสื่อโซเชียล ว่าป๊าไปแล้ว หรีดไม่ต้อง แล้วไม่ต้องมาให้เสียเวลาขับรถเดินทาง เสียพลังงานเชื้อเพลิง
ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก ตายไม่ตายเปล่า มาให้คนเป็นวุ่นวายอีก อย่างนี้ ไม่เอา ไม่ต้องเสียใจอะไร ชีวิตมนุษย์ก็เช่นนี้
บอกลูกไว้ ทำบันทึกไว้ ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์พยุงสังขาร หากคุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้นแล้วต้องเสียเงินรักษา ก็ให้ใช้
กองทุนสุดท้าย ไปเที่ยวกันใน Trip อำลา อาจไปจากลากันที่ Swiss ไปทำ Euthanasia เสร็จแล้วก็เผาเลย กรดูกก็ไปโรยในป่า กลับสู่ดิน
ผมกับลูกๆ สองคน คุยเรื่องความตายแบบปกติเลย ที่เลือกไปสวิส เพราะเขาจบปริญยาที่นั้น อาจจะคุ้นหน่อย และกฏหมายอำนวย ส่วนเรื่อง
ความเชื่อศาสนา ผมก็บอกลูกไป พระพุทธองค์ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ เพียงแต่เราไม่ควรอาวรณ์สังขาร ประกันทำไว้มี จากลาไปส่วนที่เหลือ
ก็แบ่งๆ กันไป คนดูแล ใครดูแลดีก็ให้ด้วย
ลูกๆ ก็เห็นด้วย พวกเขาก็จะช่วยในเรื่องการจัดการ ระบบ CCTV , คุยกับลูกๆ ผ่านสื่อ Online ให้พวกเขาประเมินคนดูแล
อายุมากขึ้น สิ่งที่อยากหาก็คือ ธรรมชาติ คุยกับต้นไม้ อย่าหงุดหงิดเมื่อมีใบไม้ร่วง เพราะมันคือ ตัวชีวัดสุขภาพของเรา ว่าเรา
ยังมีปัญญาเดินไปเก็บไปกวาดใบไม้ได้หรือไม่ อายุมากขึ้น ก็กินผักปลา กินของขม อยู่ง่ายๆ
อายุเยอะ ไม่อารมณ์ร้อน ไม่ไปในที่อโคจร ไปตบเด็ก แบบนี้ ผมไม่เอาเลย วัดก็ไม่ถนัด เพราะต้องดื่มน้ำอมฤตบ่อยๆ แต่ชอบดื่มแล้วทำโน้นนี้อยู่กับบ้าน ฟังข่าว นอน
ปล. สิ่งที่สำคัญ อายุเยอะ ต้องสำรองงบประมาณ นวดแผนไทยไว้ด้วย เดือนละ 3-4 ครั้ง กระตุ้นกล้ามเนื้อ งดการนวดหัว
งบ น้ำอมฤตเสกก็ต้องสำรองไว้ 🤤😋😃😄
คิดได้หมด ไม่มีอะไรแปลกครับ
เพียงแต่ เวลาที่เหลืออีก 5-6 ปี น่าจะเก็บเงินสะสมได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะภาระตาม ความคิดเห็นที่ 1-1 ที่หนักๆ หายไป
เพราะเดือนละ แสนกลางๆ ก็ไม่ลำบาก รวมกับ Provident fund ก็อยู่สบายๆ
ผมก็ทำงาน ในเมือง สอนหนังสือไป เที่ยวไป
ที่ผ่านมา บางช่วงที่ว่างๆ ไปพักอยู่บ้านนอก ผมใช้ไม่ถึงนะครับ 2 หมื่นต่อเดือน ==> https://ppantip.com/topic/41716916
เพราะเก็บเกี่ยวในสิ่งที่มำไว้ เช่น ปลาจากบ่อที่เลี้ยง , เก็บไข่เป็ด, ไข่ไก่แจ้กิน , พืชผัก ซื้อก็แค่เนื้อสัตว์อื่นๆ นิดหน่อย
หนักหน่อยคือ ไวน์ ฯลฯ 😃😄
มะนาวออก ผมเก็บคั้นไว้ใช้ ใส่ช่องน้ำแข็งกินทั้งปี สะเดาออก ก็เก็บมาลวก น๊อคน้ำเย็น แบ่งถุงเข้าช่องน้ำแข็ง กินได้ทั้งปี
ผมต้องไปสร้างอาณาจักรแบบนี้ใหม่ ก่อนเกษียณ 60 เพราะยกแปลงนี้ให้แม่ของลูกไปแล้ว
หน่วยงานผม ไม่มีเกษียณ ใครไหวก็ทำกันจนหมดแรงมา ผมก็ยังสอน Online ได้ ลูกๆ ก็โตแล้ว คนเล็กเกือบจบแล้ว แค่เอาตัวรอดกันได้
ผมต้องไปสร้างแหล่งเก็บเกี่ยวใหม่ ให้ทันสัก 2-3 ปี ก่อนเกษียณ แต่ดูท่าแล้ว แม้จะเกษียณก็คงต้องช่วยที่ทำงานไปสักพัก ผ่าน Online
มีที่รับเป็นที่ปรึกษาหน่วยงานอื่น 2-3 แห่ง ก็ไปเดือนละครั้ง ก็ไม่เหงา เรียกว่า เกษียณเหมือนไม่เกษียณ เน้นทำน้อยๆ ทำไปเที่ยวไป
เงินสำรองก็เอาไว้ ยามจำเป็น สำรองไว้ใกล้เคียงกับ จขกท. แต่มีสำรองสินทรัพย์อีกหน่อย หากจำเป็น ขายทิ้งก็ได้มาอีก 1 เท่าตัว
แบ่งสินทรัพย์ให้ลูกๆ แล้ว ไม่ต้องมาดูแลผม หากรายได้เยอะ จะแบ่งมาให้ก็เข้าบัญชีไว้ ผมมีส่งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ไม่ให้เป็น
ภาระใคร เกษียณแล้ว ก็อาจจะทำงานน้อยลง อาจจะเหลืองานที่ปรึกษา 1-2 บริษัท ก็ 7-8 หมื่น ก็พอใช้
อาจจะจ้างคนอยู่เป็นเพื่อน สักคนสองคน ช่วยงานสวน ส่งเสริมให้เขาเรียน มสธ.
บอกลูกๆ แล้ว คิดถึงก็มา ทำห้องไว้ เพื่อนๆ พรรคพวก คิดถึงก็มา ช่วงหมอกควัน เราก็ไปเที่ยว จังหวัดอื่นบ้าง ต่างประเทศบ้าง
ตายก็ไม่ต้องจัดงานศพ เพราะบริจาคหมดทุกส่วน แม้ว่าจะใช้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องจัดงาน เผาไปเลย ไม่ต้องมาบวชหน้าศพ หรือบวชเณรหน้าไฟ
เพื่อนๆ พรรคพวก ไม่ต้องมา ไม่รบกวนใคร อยากเจอ ก็เจอกันยามมีชีวิต ตายแล้ว ไม่รับรู้ มาเคาะโลงให้กินข้าวก็ไม่รู้แล้ว พระสวดมนต์ คน
ตาย ก็ฟังไม่รู้ ส่วนคนเป็นก็ไม่ฟัง เอาแต่คุยบ้าง นินทาบ้าง
บอกลูกให้แจ้ง เพื่อนๆ ป๊าทางสื่อโซเชียล ว่าป๊าไปแล้ว หรีดไม่ต้อง แล้วไม่ต้องมาให้เสียเวลาขับรถเดินทาง เสียพลังงานเชื้อเพลิง
ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก ตายไม่ตายเปล่า มาให้คนเป็นวุ่นวายอีก อย่างนี้ ไม่เอา ไม่ต้องเสียใจอะไร ชีวิตมนุษย์ก็เช่นนี้
บอกลูกไว้ ทำบันทึกไว้ ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์พยุงสังขาร หากคุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้นแล้วต้องเสียเงินรักษา ก็ให้ใช้
กองทุนสุดท้าย ไปเที่ยวกันใน Trip อำลา อาจไปจากลากันที่ Swiss ไปทำ Euthanasia เสร็จแล้วก็เผาเลย กรดูกก็ไปโรยในป่า กลับสู่ดิน
ผมกับลูกๆ สองคน คุยเรื่องความตายแบบปกติเลย ที่เลือกไปสวิส เพราะเขาจบปริญยาที่นั้น อาจจะคุ้นหน่อย และกฏหมายอำนวย ส่วนเรื่อง
ความเชื่อศาสนา ผมก็บอกลูกไป พระพุทธองค์ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ เพียงแต่เราไม่ควรอาวรณ์สังขาร ประกันทำไว้มี จากลาไปส่วนที่เหลือ
ก็แบ่งๆ กันไป คนดูแล ใครดูแลดีก็ให้ด้วย
ลูกๆ ก็เห็นด้วย พวกเขาก็จะช่วยในเรื่องการจัดการ ระบบ CCTV , คุยกับลูกๆ ผ่านสื่อ Online ให้พวกเขาประเมินคนดูแล
อายุมากขึ้น สิ่งที่อยากหาก็คือ ธรรมชาติ คุยกับต้นไม้ อย่าหงุดหงิดเมื่อมีใบไม้ร่วง เพราะมันคือ ตัวชีวัดสุขภาพของเรา ว่าเรา
ยังมีปัญญาเดินไปเก็บไปกวาดใบไม้ได้หรือไม่ อายุมากขึ้น ก็กินผักปลา กินของขม อยู่ง่ายๆ
อายุเยอะ ไม่อารมณ์ร้อน ไม่ไปในที่อโคจร ไปตบเด็ก แบบนี้ ผมไม่เอาเลย วัดก็ไม่ถนัด เพราะต้องดื่มน้ำอมฤตบ่อยๆ แต่ชอบดื่มแล้วทำโน้นนี้อยู่กับบ้าน ฟังข่าว นอน
ปล. สิ่งที่สำคัญ อายุเยอะ ต้องสำรองงบประมาณ นวดแผนไทยไว้ด้วย เดือนละ 3-4 ครั้ง กระตุ้นกล้ามเนื้อ งดการนวดหัว
งบ น้ำอมฤตเสกก็ต้องสำรองไว้ 🤤😋😃😄
คิดได้หมด ไม่มีอะไรแปลกครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เดี๋ยวมีเงินบำนาญจากประกันสังคมเข้ามาสมบทแต่ละเดือนอีกนะครับน่าจะราวๆ5-6000แต่เงินเก็บ5ล้านก็ดูไม่เยอะนะครับ ถ้าอายุยืนขึ้นมา ปลายๆน่าจะมีปัญหาได้นะครับ
จริงๆ เราสนับสนุนให้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำอะไรตามใจตัวเอง ออกกำลังกายให้ร่างกายไม่เสื่อมถอยเร็วเกินไปนะครับ ซึ่งตามที่จขกท.วางไว้ก็โอเคนะครับ
จริงๆ เราสนับสนุนให้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำอะไรตามใจตัวเอง ออกกำลังกายให้ร่างกายไม่เสื่อมถอยเร็วเกินไปนะครับ ซึ่งตามที่จขกท.วางไว้ก็โอเคนะครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ทำมาแล้วค่ะ บริบทใกล้เคียงกัน แพลนที่คิดไว้แต่แรกคือ early ที่อายุ 55 ไม่มีภาระอะไรแล้ว (โสด พ่อแม่เสียหมดแล้ว) มีบ้านที่กรุงเทพและที่จังหวัดทางภาคเหนือ มีเงินเก็บพอกินพอใช้สบายๆ ตอนที่ไปบอกนายว่าจะ early นายขอให้อยู่ช่วยต่อ เราก็เลยยืดให้อีกปีนึง ตอนนี้ก็ได้ early มาแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพบ้างบ้านที่ภาคเหนือบ้าง ก็อยู่ที่ละ 2-3 เดือน สลับกันไปมา
เรื่องเงินเก็บคุณ 5 ล้าน คงต้องมาดูว่าใช้เงินในชีวิตประจำวันเดือนละเท่าไหร่ และจะมี passive income อะไรเข้ามาเพิ่มไหมหลังเกษียณ ค่าบำรุงรักษาบ้านสองหลังก็มีค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกันค่ะ ถ้าคุณคนเดียวอาจจะพอนะ แต่เห็นว่าต้องดูแลอาที่เลี้ยงดูมา อาจทำให้เงินเหลือไม่พอจนคุณแก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าแฟนคุณสนับสนุนแพลนคุณ เราว่าก็ไปโลดดดค่ะ
ออกจากงานแล้วเรา happy มาก อาจมีเบื่อบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องปกติของคนเราแหละค่ะ ตอนทำงานทั้งเบื่อทั้งเครียด ตอนนี้เหลือแต่เบื่อบ้างเป็นบางที แต่ยังดีที่ไม่มีเรื่องเครียดปวดประสาทแล้ว เมื่อตอนทำงานปวดคอบ่าไหล่ ต้องนวดทุกอาทิตย์ ตอนนี้หายปลิดทิ้งไม่ต้องไปนวดอีกต่อไปค่ะ 5555
เรื่องเงินเก็บคุณ 5 ล้าน คงต้องมาดูว่าใช้เงินในชีวิตประจำวันเดือนละเท่าไหร่ และจะมี passive income อะไรเข้ามาเพิ่มไหมหลังเกษียณ ค่าบำรุงรักษาบ้านสองหลังก็มีค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกันค่ะ ถ้าคุณคนเดียวอาจจะพอนะ แต่เห็นว่าต้องดูแลอาที่เลี้ยงดูมา อาจทำให้เงินเหลือไม่พอจนคุณแก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าแฟนคุณสนับสนุนแพลนคุณ เราว่าก็ไปโลดดดค่ะ
ออกจากงานแล้วเรา happy มาก อาจมีเบื่อบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องปกติของคนเราแหละค่ะ ตอนทำงานทั้งเบื่อทั้งเครียด ตอนนี้เหลือแต่เบื่อบ้างเป็นบางที แต่ยังดีที่ไม่มีเรื่องเครียดปวดประสาทแล้ว เมื่อตอนทำงานปวดคอบ่าไหล่ ต้องนวดทุกอาทิตย์ ตอนนี้หายปลิดทิ้งไม่ต้องไปนวดอีกต่อไปค่ะ 5555
แสดงความคิดเห็น
แพลนชีวิตบั้นปลายแบบนี้ ผมคิดแบบขวางโลกไปมั้ย คิดอะไรสั้นๆไปรึป่าว
หลังจากอายุครบ 55 ปี ผมประมาณการเงินเก็บที่มีน่าจะประมาณเกือบ 5 ล้านบาท (เงินเกษียณ + Provident fund)
ทรัพย์สินที่มี มีแค่ รถเก่าๆ 1 คัน (ผ่อนหมดแล้ว คิดจะเปลี่ยนตอนใกล้ๆเกษียณ) กับบ้านที่ต่างจังหวัดทางเหนือ 1 หลัง (ปลอดภาระ)
กับทองอีก 10 กว่าบาท ไม่รวมเงินเก็บ (ถ้ามี) นับจากนี้ จนกว่าจะอายุ 55 ปี
ส่วนตัวไม่มีบุตร แฟนมีฐานะกว่ามาก เลี้ยงตัวเองได้ แม้ไม่มีผม
นิสัยส่วนตัว ผมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์เท่าไหร่
การงาน ของแฟน เค้าแพลนว่า จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าบริษัทจะไม่จ้าง บนพื้นฐานคิด ที่ว่า " งาน คือ คุณค่าของชีวิต "
ส่วนงานผม ทำงาน mgmt. + specialist เป็นงานที่หาคนมาทำแทนยาก จน HR ยังคิดว่า ถ้าผมไม่ทำต่อ จะ Split JD งาน
ผมออกมาเป็นงานของคนทำงาน 2 คนให้แยกกันรับผิดชอบ งานที่ทำอยู่มั่นคงทั้งอาชีพและองค์กร นายชอบ ไว้ใจ
ถามใครๆ ก็บอกว่า นายคงไม่ยอมให้ไป และให้ต่อสัญญาเรื่อยๆหลังเกษียณ
แพลนชีวิต คือ
ผมอยากเลิกทำงานตอน 55 ปี ต่อให้ต่อสัญญาทำงานต่อ คงทำเต็มที่แค่ปีเดียว
ส่วนตัว คิดว่า ตัวเองเป็นคนขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน อยากมีชีวิตแบบว่า ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร อยากไปไหนไป อยากทำไรทำ
เช้ามาอยากออกกำลังกาย ใส่บาตร เข้าวัดเข้าวา อยู่แบบสงบๆ ตกปลา เล่นหมากรุก ไปในที่ๆไม่เคยไป ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
มีคิดว่า อาจจะไปสอนหนังสือที่ตัวเองมีความรู้เฉพาะทาง ความรู้เชิงวิชาชีพ เป็นวิทยาทาน แถวบ้านที่ต่างจังหว้ดบ้างเมื่อมีโอกาส
อยู่บ้านที่ กทม. บ้าง อยู่ที่เหนือบ้าง ใช้ชีวิตบั้นปลายแบบสงบๆ ไม่วุ่นวายกับใคร
ถ้าอยู่ กทม. กับแฟน อยากมี moment แบบว่า เช้าส่งไปทำงาน กลับมาทำงานบ้าน ทำกับข้าวรอ ไปซื้อกับข้าว โน่นนี่นั่น แนวๆนี้
(ปัจจุบัน เราไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน)
พอบอกใครว่า ผมคิดแบบนี้ ต่างบอกว่า
1. เงินแค่นี้ พอใช้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเหรอ เกิดอายุยืนขึ้นมาทำไง
2. เบื่อแย่เลย ไม่มีงานทำ ชีวิตไม่มีคุณค่า (ประเด็นที่ว่า "งานคือ คุณค่าของชีวิต" ใช้กับผมไม่ได้นะครับ ผมขี้เกียจ 555)
3. ถ้าบริษัทต่อสัญญาจ้างให้ (ซึ่งเค้าคงขอต่ออยู่แล้ว) ก็ทำๆไปเถอะ มีเงินกินเงินใช้ เดือนๆนึงแสนกลางๆ
3. บลาๆๆ
แต่ใครพูดไง ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่มีความคิดจะเปลี่ยนแผนการใช้ชีวิตบั้นปลายเลย บางครั้งบางการตัดสินใจ ผมเป็นคนขวางโลก
เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกอยู่เหมือนกัน เลยไม่รู้ว่า ผมคิดแบบนี้ มันแปลกไปรึป่าว
เลยอยากรู้ว่า ถ้าเป็นท่านอื่น มีใครจะคิดแบบผมมั้ย หรือ ผมคิดแบบนี้อยู่คนเดียวครับ ขอบคุณครับ