.. กว่าจะว่างมาเขียนให้ออก เล่นซะจะหมด มิถุนายน แล้ว 55
(ความเดิมตอนที่แล้ว)
ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/41968033
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/42005266
ซึ่งจริง ๆ มันต่อเนื่องกันกับ gravity ในตอนที่ 2 นะครับ เผื่อจะงง
มาถึงตอนนี้ ผมจะวาดภาพว่า สิ่งที่เรียกว่า แสง ในหัวผมมันทำงานยังไงนะครับ
ถ้าเราใช้ Newton's , General relativity และ Quantum พร้อม ๆ กัน
เราเริ่มจาก เหตุการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นั่นคือ คุณมองเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวคุณ นั้น..
อันนี้คือ ภาพแบบเก่าที่เราเรียนกัน ตั้งแต่สมัย ม.ต้น เรื่อง optical lensing หรือ เรียนเรื่อง lens นั่นแหละ
คือ เราติ๊งต่างว่ามี เม็ดแสงเล็ก ๆ (เล็กมากจนวัดขนาดแทบไม่ได้) วิ่งจาก แหล่งกำเนิดแสงมากระแทกดวงตา
แล้วเราก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ...
แต่ .. (ยังไม่มีใครคิดแบบนี้นะครับ อาจจะมีผมนี่แหละ คนแรก) คือ เม็ดแสงเนี่ยมันชนลูกตา หรือ detector
แสดงว่า particle ของแสง อยู่ที่ surface ของ detector หรือ อยู่ภายในลูกกะตาเรานี่แหละ แต่เราเห็น
แสงสว่างอยู่ที่ แหล่งกำเนิดแสง และเป็นภาพในอดีตเสมอ ...
ตอนนี้ ถ้าเราคิดดี ๆ ยิ่งคิดยิ่งไม่สมเหตุสมผลใช่มั้ยครับ เพราะ เม็ดที่ว่า อยู่ที่ลูกตา แต่ดันเห็น แสงสว่างอยู่ที่
แหล่งกำเนิดแสง ในอดีต
เพราะงั้น ผมทำแบบนี้
-------------------------------------
particle of light อยู่บน surface ของ แผ่นที่เรียกว่า space-time นะครับ
(เอา gravity ทดไว้ในใจก่อนนะ อย่าเพิ่งไปมองมัน)
ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity
+ light second , - ( light second), - 0
มองเห็นระยะทาง, เวลาเป็นอดีตเสมอ, gravity ติดลบ เพราะแสงพุ่งออกมาทุกทิศทาง
ถ้าเราเอามุมมองของนิวตัน คือ ผลรวม F=mA และ m1A1 = m2A2 มาใช้นะครับ
คิดแบบนี้ แสงประกอบด้วย ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity หลาย ๆ ชุดซ้อน กัน
แสดงว่า ถ้ากระแทกดวงตามันจะคายพลังงานตรงกันข้ามให้ดวงตา
เพราะงั้น แสงที่มากระแทกดวงตาจริง ๆ มี kinetic energy แบบนี้
-------------------------------------
quantum of light
ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity
- light second , + light second, + infinity
ลบระยะทางออก, เวลาเป็นอนาคคตเสมอ, มี gravity เหมือนหลุมดำ ดูดระยะทางรอบ ๆ ลงไปในตัวเอง
(logic เหมือน gravity ในความเดิมตอนที่แล้ว คือ วัตถุมองเห็นระยะทางสั้นลง เพราะ 1 unit ของระยะทาง
ขยาดตัวยาวขึ้น แต่ใน case ของแสง ระยะทาง 1 unit ยาวออกไป ถึงสุดระยะทาง 13.78 พันล้านปีแสงเลย
เพราะงั้น เหมือนกับ ลบระยะทางรอบตัวมันด้วยความเร็วแสง เมื่อแตะวัตถุ มันจะ teleport ไปที่
วัตถุที่ถูกดูดเข้ามาแตะแหล่งกำเนิดแสง แทน)
-------------------------------------
SuSy ของ แสง (SuSy คือ Supersymmetry)
แสงทั้งสองตัว มีผลรวม ทั้งหมด รวมกัน คือ ..
+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity
= 0, 0, ??
(ที่ Gravity ไม่เท่ากับ 0 ในตอนนี้เพราะ ของจริง มันมี 4 type นะครับ SuSy อีกชุดนึงคือ
(+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity) +
(-(+ light second , - light second, - 0)
-(- light second , + light second, + infinity))
===============================
+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity
- light second , + light second, + 0
+ light second , - light second, - infinity
จึงจะ
= 0, 0, 0
แต่เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นนะครับ ตอนต่อไป เดือน สิงหา คือ ผมมองว่า เราควรจะใช้ Richard feynman diagrams ยังไงนะครับ)
เพราะงั้น...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ แสงมีตัวนึงเดินทาง (แสงตัวแรก) อีกตัวนึงลบระยะทาง จาก source ไปที่ detector (แสงตัวที่สอง)
พร้อมกัน แสงมีตัวนึงกระแทกลูกตาด้วยมวล = 0 และ อีกตัวอยู่ที่ source ด้วยมวล > 0 พร้อมกัน
แสงตัวนึงแสดงคุณสมบัติ particle อีกตัวเป็น wave พร้อมกัน
อยู่ดี ๆ เราก็จะได้ นิวตัน กับ quantum มาอยู่ด้วยกัน ใช้พร้อมกัน เหตุการเดียวกัน แล้วนะครับ
เอาไปใช้ยังไง ??
ถ้าแนวคิดนี้ถูกจริง .. อยู่ดี ๆ เราก็จะได้ คำตอบ ของ ปัญหาที่เราไม่ได้ถาม คือ ไปแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
1. ปัญหา Quantums หลายข้อ เช่น การทดลอง double slit (แสงเป็นทั้ง คลื่นและอนุภาค)
2. หลุมดำ ควรจะมองเห็น สิ่งรอบตัวมัน เป็นอย่างไร (มองเหมือน แสงตัวที่สอง)
ว่าง ๆ จะมาเพิ่ม วิธีใช้ให้นะครับ ว่า logic นี้เอาไปใช้อะไรมั่ง ...
ผมคิดว่า แสง หรือ particle of light มันทำงานแบบนี้นะครับ (กระทู้ชวนคุย) ประจำเดือน มิถุนายน
(ความเดิมตอนที่แล้ว)
ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/41968033
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/42005266
ซึ่งจริง ๆ มันต่อเนื่องกันกับ gravity ในตอนที่ 2 นะครับ เผื่อจะงง
มาถึงตอนนี้ ผมจะวาดภาพว่า สิ่งที่เรียกว่า แสง ในหัวผมมันทำงานยังไงนะครับ
ถ้าเราใช้ Newton's , General relativity และ Quantum พร้อม ๆ กัน
เราเริ่มจาก เหตุการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นั่นคือ คุณมองเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวคุณ นั้น..
อันนี้คือ ภาพแบบเก่าที่เราเรียนกัน ตั้งแต่สมัย ม.ต้น เรื่อง optical lensing หรือ เรียนเรื่อง lens นั่นแหละ
คือ เราติ๊งต่างว่ามี เม็ดแสงเล็ก ๆ (เล็กมากจนวัดขนาดแทบไม่ได้) วิ่งจาก แหล่งกำเนิดแสงมากระแทกดวงตา
แล้วเราก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ...
แต่ .. (ยังไม่มีใครคิดแบบนี้นะครับ อาจจะมีผมนี่แหละ คนแรก) คือ เม็ดแสงเนี่ยมันชนลูกตา หรือ detector
แสดงว่า particle ของแสง อยู่ที่ surface ของ detector หรือ อยู่ภายในลูกกะตาเรานี่แหละ แต่เราเห็น
แสงสว่างอยู่ที่ แหล่งกำเนิดแสง และเป็นภาพในอดีตเสมอ ...
ตอนนี้ ถ้าเราคิดดี ๆ ยิ่งคิดยิ่งไม่สมเหตุสมผลใช่มั้ยครับ เพราะ เม็ดที่ว่า อยู่ที่ลูกตา แต่ดันเห็น แสงสว่างอยู่ที่
แหล่งกำเนิดแสง ในอดีต
เพราะงั้น ผมทำแบบนี้
-------------------------------------
particle of light อยู่บน surface ของ แผ่นที่เรียกว่า space-time นะครับ
(เอา gravity ทดไว้ในใจก่อนนะ อย่าเพิ่งไปมองมัน)
ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity
+ light second , - ( light second), - 0
มองเห็นระยะทาง, เวลาเป็นอดีตเสมอ, gravity ติดลบ เพราะแสงพุ่งออกมาทุกทิศทาง
ถ้าเราเอามุมมองของนิวตัน คือ ผลรวม F=mA และ m1A1 = m2A2 มาใช้นะครับ
คิดแบบนี้ แสงประกอบด้วย ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity หลาย ๆ ชุดซ้อน กัน
แสดงว่า ถ้ากระแทกดวงตามันจะคายพลังงานตรงกันข้ามให้ดวงตา
เพราะงั้น แสงที่มากระแทกดวงตาจริง ๆ มี kinetic energy แบบนี้
-------------------------------------
quantum of light
ระยะทาง, ระยะเวลา , gravity
- light second , + light second, + infinity
ลบระยะทางออก, เวลาเป็นอนาคคตเสมอ, มี gravity เหมือนหลุมดำ ดูดระยะทางรอบ ๆ ลงไปในตัวเอง
(logic เหมือน gravity ในความเดิมตอนที่แล้ว คือ วัตถุมองเห็นระยะทางสั้นลง เพราะ 1 unit ของระยะทาง
ขยาดตัวยาวขึ้น แต่ใน case ของแสง ระยะทาง 1 unit ยาวออกไป ถึงสุดระยะทาง 13.78 พันล้านปีแสงเลย
เพราะงั้น เหมือนกับ ลบระยะทางรอบตัวมันด้วยความเร็วแสง เมื่อแตะวัตถุ มันจะ teleport ไปที่
วัตถุที่ถูกดูดเข้ามาแตะแหล่งกำเนิดแสง แทน)
-------------------------------------
SuSy ของ แสง (SuSy คือ Supersymmetry)
แสงทั้งสองตัว มีผลรวม ทั้งหมด รวมกัน คือ ..
+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity
= 0, 0, ??
(ที่ Gravity ไม่เท่ากับ 0 ในตอนนี้เพราะ ของจริง มันมี 4 type นะครับ SuSy อีกชุดนึงคือ
(+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity) +
(-(+ light second , - light second, - 0)
-(- light second , + light second, + infinity))
===============================
+ light second , - light second, - 0
- light second , + light second, + infinity
- light second , + light second, + 0
+ light second , - light second, - infinity
จึงจะ
= 0, 0, 0
แต่เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นนะครับ ตอนต่อไป เดือน สิงหา คือ ผมมองว่า เราควรจะใช้ Richard feynman diagrams ยังไงนะครับ)
เพราะงั้น...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ แสงมีตัวนึงเดินทาง (แสงตัวแรก) อีกตัวนึงลบระยะทาง จาก source ไปที่ detector (แสงตัวที่สอง)
พร้อมกัน แสงมีตัวนึงกระแทกลูกตาด้วยมวล = 0 และ อีกตัวอยู่ที่ source ด้วยมวล > 0 พร้อมกัน
แสงตัวนึงแสดงคุณสมบัติ particle อีกตัวเป็น wave พร้อมกัน
อยู่ดี ๆ เราก็จะได้ นิวตัน กับ quantum มาอยู่ด้วยกัน ใช้พร้อมกัน เหตุการเดียวกัน แล้วนะครับ
เอาไปใช้ยังไง ??
ถ้าแนวคิดนี้ถูกจริง .. อยู่ดี ๆ เราก็จะได้ คำตอบ ของ ปัญหาที่เราไม่ได้ถาม คือ ไปแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
1. ปัญหา Quantums หลายข้อ เช่น การทดลอง double slit (แสงเป็นทั้ง คลื่นและอนุภาค)
2. หลุมดำ ควรจะมองเห็น สิ่งรอบตัวมัน เป็นอย่างไร (มองเหมือน แสงตัวที่สอง)
ว่าง ๆ จะมาเพิ่ม วิธีใช้ให้นะครับ ว่า logic นี้เอาไปใช้อะไรมั่ง ...