คงไม่ได้มีทุกวันที่มีคนโพสแบบนี้นะครับ แล้วผมก็ไม่ได้เข้า pantip นานมากก เจิมซะหน่อย

อันนี้เป็นเหตุผลของผมนะครับ ภาพที่ผมเห็นนะครับ particle ของแสง จริง ๆ มี สองตัว
คือ แบบ classic particle อยู่ที่ ผิวของ แหล่งกำเนิดแสง เพราะมีมวล
อีกตัว เป็นคลื่น แบบ quantum ไม่มีมวล มีมวลจะไม่เคลื่อนที่ เพราะมี momentum
เพราะงั้น ตัวไม่มีมวล เดินทางใน space-time-gravity เมื่อชนกับ detector
มันจะเปิด teleport gate ให้ตัวที่มีมวล teleport มาจาก แหล่งกำเนิดแสง เมื่อชน
กับ detector ระยะทาง = 0 ใส่สูตร classic ไป F = 0 ด้วย เหมือนไม่ได้ชน 

มันจะใช้พลังงานในการเดินทาง และ เปิด portal เพื่อ teleport ไปชน detector พร้อมกัน
เมื่อเดินทางไกลขึ้น พลังงานถูกใช้ไปมากขึ้น จน Red Shift เหลือ แค่ 1Hz ใน อวกาศ
แล้วมาชน detector ของกล้องดูดาวในอวกาศ จะเริ่มต้น
Zone ที่เรียกว่า dark age เมื่อ red shift ไปถึง 0Hz แสงจะไม่สามารถ teleport ไกล
กว่านั้นได้ มันจะ ถูกบีบให้ แสงแบบ classic particle teleport มาชนกับ แสงแบบ
คลื่น quantum เราจะได้ virtual particle ที่เรียกว่า pion (เกิดจากการคำนวนดิบ ของใครซักคน)
แล้วจะได้ ตามนี้

Pion ควรจะมี 12 มิติ ที่ Spin ตรงกันข้ามกันทั้ง 12 มิติ เรียกว่าตัวนึง Spin in ตัวนึง Spin out หรือ เรียกว่า Pion +, Pion -
เมื่อ Pion Decay จะได้ Z (6 มิติ) , W (6 มิติ) แล้ว W Decay เป็น W+, W- แบบ 3 มิติ แต่ Z ไม่ Dacay
มันจะอยู่ระหว่างมิติจักรวาล (Quantum Fields) เหมือนมันแปะอยู่ทั้งสองด้าน ด้านนึงจะเป็นแค่ 3 มิติ ทั้งสองด้าน
หลังจากนั้น เราจะได้ 
[W+ , Z , W-] Spin in = t, Tv + [c, Uv] + e, + d
[W-, Z , W+ ] Spin out = T, b, [U, s], u, ev
t = top, b = bottom, c = charm, s = strange, u = up, d = down
T= tau, Tv = tau-neutriono, U = muon, Uv = muon-neutriono, e = electron, ev = electron-neutriono
ถ้าเราแยกออกมาแบบนี้

[Z , W-] Spin in + [W+ ] Spin out ชุดนี้ อยู่ Space ที่วิ่งไปทาง เดียวกัน
----------------------------------
t, Tv + [c, Uv]
T, b
ชุดนี้จะได้ : top + tau-neutriono + charm + muon-neutriono + tau +  bottom หรือก็คือ 
= up + neutriono + up + neutriono + electron + down หรือก็คือ 
= up + up + down + electron + neutriono + neutriono หรือก็คือ 
= Newton + electron + neutriono + free neutriono 

[W+] Spin in + [W-, Z ] Spin out ชุดนี้ อยู่ Space ที่วิ่งไปทาง เดียวกัน
----------------------------------
e, + d
[U, s], u, ev
ชุดนี้จะได้ : electron + down + muon + strange + up + electron-neutriono หรือก็คือ 
= electron + down + electron + down + up + neutriono หรือก็คือ 
= down + down + up + electron + electron + neutriono  หรือก็คือ 
= Proton + electron + neutriono + free electron
----------------------------------
เราจะพบว่า ชุดที่ Decay มาจาก Z จะมี Spin = 2/3 ชุดที่ Decay มาจาก W Spin = 1/3  
และเมื่อนำทั้งหมดมารวมกัน 
= [Newton + (Anti)electron + (Anti)neutriono + free neutriono] + [Proton + electron + neutriono + free electron]
= Newton + Proton + (Anti)electron +  electron + (Anti) neutriono + neutriono + free neutriono + free electron
= Newton + Proton + free neutriono + free electron
= Standard Model พอเด๊ะ

เราจึงมองเห็น ที่ระยะ CMB เป็น sub-particle และ by product ที่อยู่ติดกล้องดูดาว
เราจะได้ hydrogen atom ออกมา เหมือนมันกระจายทั่ว อวกาศเลย
ในเมื่อ ระยะ 13.78 พันล้านปีแสง เกิดจาก คุณสมบัติ ของแสง ที่มีมิติมากว่า 3 เพราะงั้น 
Big Bang ก็ไม่มีอยู่จริง เมื่อไม่มีอยู่จริง จักรวาลควรมีอายุมากกว่า 13.8 พันล้านปีแสง ไปอีกเยอะมาก
เพราะ ถ้าเรากล้าพูดว่า เราควรวัดอายุ หลุมดำทุกหลุม ได้ อายุ คือ 13.8 พันล้านปีแสง แต่ เมื่อส่องกล้องไปที่ ขอบจักรวาล 
deep fields image อะไรนั่น ระยะ 300 ล้านปีแสงจาก big bang ดันเจอ Galaxy ที่ตรงกลาง ต้องมี หลุมดำ ...
จริง ๆ ควรคิดได้ตั้งนานแล้วว่า ระยะ 13.8 พันล้านปีแสง มันสั้นเกินไป

แค่ไม่กล้าพูดเฉย ๆ นะครับ นั่นแหละครับโผม อ่านช้า ๆ นะครับ มันจะกระโดดไป ๆ มา ๆ ระหว่าง
sub-paricle กับ space-time-gravity นะคร้าบ