แสงไม่ใช่ภาพจากอดีต แต่คือผลของพลังงานที่กระทบ ณ จุดรับรู้ในปัจจุบัน

คนทั่วไปมักเชื่อว่าเมื่อมองเห็นแสงจากดวงดาวหรือกาแลกซี่ เรากำลังเห็นอดีตของมัน เช่น เห็นแสงจากดวงอาทิตย์ที่เดินทางมา 8 นาที หรือแสงจากกาแลกซี่ที่ใช้เวลาหลายล้านปี แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เรารับรู้คือผลของพลังงานที่กระทบจุดรับรู้ ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่แสงเดิมที่ลอยมาจากต้นทางอย่างต่อเนื่อง

             โฟตอนไม่ใช่วัตถุที่คงตัวตลอดการเดินทาง แต่เป็นคลื่นความน่าจะเป็นที่กระทบระบบรับ เช่น เซ็นเซอร์หรือดวงตา ทำให้เกิดการดูดกลืนพลังงานและสร้างแสงใหม่ขึ้นตรงนั้น แสงที่เห็นจึงเพิ่งเกิดขึ้น ณ จุดรับรู้ ไม่ใช่ภาพจากอดีต

             พลังงานของแสงลดลงตามระยะทางจากการกระเจิง ดูดกลืน และการกระจาย เช่น จาก 100 หน่วยเหลือเพียง 5 หน่วยเมื่อถึงจุดรับ แสงที่เกิดขึ้นจากพลังงานที่หลงเหลือนั้นจึงไม่เหมือนกับแสงต้นทาง

            ในเชิงฟิสิกส์ แอมปลิจูดของคลื่นแสงสัมพันธ์โดยตรงกับพลังงาน (E ∝ A^2) เมื่อคลื่นเดินทาง แอมปลิจูดลดลง ส่งผลให้พลังงานลดลง แสงที่สร้างขึ้น ณ จุดรับจึงเป็นผลจากพลังงานที่ลดลง ไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่จากต้นทาง

           กล่าวได้ว่า สิ่งที่เราเห็นไม่ใช่โฟตอนดั้งเดิมโดยตรง แต่เป็นสิ่งที่มีลักษณะไม่เหมือนกับโฟตอนดั้งเดิม เป็นผลของพลังงานที่เหลืออยู่ซึ่งเพิ่งสร้างเหตุการณ์การรับรู้ขึ้น ณ ปัจจุบัน ภาพที่คิดว่าเป็นอดีตคือปัจจุบันของพลังงานที่กำลังอ่อนแรงลงและหมดลง ณ ที่ใดที่หนึ่ง

          แสงจึงไม่ใช่สิ่งเดิมที่เดินทางคงสภาพจากอดีตมายังปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นผลที่เกิดขึ้นเมื่อมีการรับรู้ ณ ตำแหน่งหนึ่งในเวลาปัจจุบัน และเมื่อพลังงานหมด แสงก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกในจุดนั้น

          แนวคิดนี้ยังตั้งคำถามกับสิ่งที่เราเรียกว่า "เวลา" ซึ่งฟิสิกส์ยุคใหม่ เช่น กลศาสตร์ควอนตัมและสัมพัทธภาพ พบว่าเวลาไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์ แต่เป็นพิกัดที่ใช้อธิบายลำดับเหตุการณ์ เมื่อไม่มีการรับรู้หรือปฏิสัมพันธ์ ณ ปัจจุบัน อดีตก็ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้

           แนวคิดนี้ยังสอดคล้องกับ Quantum Electrodynamics (QED) ซึ่งมองว่าโฟตอนคือการกระเพื่อมของสนามควอนตัม ไม่ใช่ก้อนพลังงานที่มีตัวตนถาวร เมื่อมันถูกตรวจจับ พลังงานจะถูกถ่ายโอนและเกิดแสงที่จุดรับเท่านั้น สิ่งที่เราวัดได้จึงเป็นผลของพลังงานที่ถูกส่งผ่านมา ไม่ใช่การรับเอาโฟตอนเดิมจากต้นทาง

           บทความนี้ไม่ได้ปฏิเสธว่าโฟตอนเดินทางจริงจากแหล่งกำเนิดมายังจุดรับรู้ หากแต่เสนอว่าการรับรู้หรือการเห็นแสงนั้น คือการตอบสนองต่อพลังงานที่เพิ่งกระทบ ณ จุดรับในปัจจุบัน แสงที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แสงดั้งเดิม แต่เป็นแสงใหม่ที่อ่อนลงตามพลังงานที่เหลืออยู่จากกระบวนการเดินทาง ซึ่งมองว่าโฟตอนคือการกระเพื่อมของสนามควอนตัม ไม่ใช่ก้อนพลังงานที่มีตัวตนถาวร เมื่อมันถูกตรวจจับ พลังงานจะถูกถ่ายโอนและเกิดแสงที่จุดรับเท่านั้น สิ่งที่เราวัดได้จึงเป็นผลของพลังงานที่ถูกส่งผ่านมา ไม่ใช่การรับเอาโฟตอนเดิมจากต้นทาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่