JJNY : เศรษฐาหนุนสมรสเท่าเทียม│‘วรวัจน์’ชี้คุณสมบัติปธ.สภาฯ│‘7สมาคมท่องเที่ยว’ขอแยกทาง│"ปูติน"เคือง-ขู่ลงโทษหน.แวกเนอร์

เศรษฐา ร่วม ‘จิบมิ้นต์ช็อก นอนดูหนังเดือนไพรด์’ ย้ำ หนุนสมรสเท่าเทียม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4045998
  
 
‘เศรษฐา’ ร่วมเสวนา ‘จิบมิ้นต์ช็อกนอนดูหนังเดือนไพรด์’ ย้ำ หนุนสมรสเท่าเทียม เชื่อ หากทุกภาคส่วนช่วยกันจะสำเร็จได้
 
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม ‘ชวนจิบมิ้นต์ช็อก นอนดูหนัง ฟังเสวนาเดือนไพรด์’ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายภาวิน มาลัยวงศ์ ผู้เขียนหนังสือ 6 ทศวรรษของเควียร์ในภาพยนตร์, น.ส.ชเนตตี ทินนาม อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กรรมการสมาคมเพศวิถีศึกษากรรมการมูลนิธิพิทักษ์สตรี และชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลาย ร่วมเสวนาเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความหลากหลายทางเพศ

โดยนายเศรษฐากล่าวว่า การเรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมกันเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลายคนยังไม่เข้าใจ และต่อต้าน คิดว่าเมื่อได้สิทธิแล้วจะได้มากกว่า หรือเป็นการลิดรอนสิทธิของตัวเอง อีกทั้งสังคมปัจจุบัน เมื่อมาอยู่ด้วยกันก็จะมีความหลากหลาย ซึ่งพรรค พท.ให้โอกาสและให้ความสำคัญตรงนี้ รวมถึงสมรสเท่าเทียม แน่นอนว่าการจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องพูดคุยถกเถียงกันเป็นวงกว้าง ส่วนเรื่องการปฏิบัติจะมีกฎหมายลูกมาควบคุม เช่น คำนำหน้า ซึ่งอยากให้มองข้ามตรงนี้ไปก่อน อย่าทำเรื่องเล็กมาทำให้เรื่องใหญ่ไม่เกิด เพื่อทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
 
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า เรื่องสมรสเท่าเทียมเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วที่พรรค พท.กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทันทีที่ได้จัดตั้งรัฐบาล มั่นใจว่า LGBTQ+ เป็นกลุ่มใหญ่ สเต็ปต่อมาที่จะทำให้ภาพยนตร์เกี่ยวกับกลุ่มความหลากหลายทางเพศได้รับการยอมรับจากทุกกลุ่มนั้น แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องการตลาดด้วย หากใช้เครื่องมือที่เรามีคือการบินไทย และถ้าเราผลักดันภาพยนตร์ LGBTQ+ ให้ไปฉายในการบินไทยได้ รวมถึงทำการประชาสัมพันธ์ สอดแทรกเนื้อหาสาระที่เราต้องการสื่อลงไปด้วย หากทุกภาคส่วนช่วยกันจะทำให้เรื่องสมรสเท่าเทียมสำเร็จได้
 
จากนั้นนายเศรษฐาร่วมชมภาพยนตร์เรื่อง Little Girl พร้อมร่วมชมภาพยนตร์เรื่อง Little Girl ซึ่งเป็นสารคดีฝรั่งเศส ที่พูดถึงครอบครัวหนึ่ง มีลูกเกิดมามีเพศสรีระเป็นผู้ชาย แต่อยากมีเพศสภาพเป็นผู้หญิง และต้องเผชิญกับสังคม และสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย



‘วรวัจน์’ ชี้คุณสมบัติประธานสภาฯ ต้องเจรจาดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายได้
 https://www.dailynews.co.th/news/2469416/

‘วรวัจน์’ ชี้คุณสมบัติประธานสภาฯ ต้องเจรจาดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายได้ เป้าหมายใหญ่คือทำให้ปชช.ได้นายกฯจากฝ่ายปชต. ชี้อย่ายึดติดว่าต้องเป็นของพรรคใด
 
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงบุคคลที่เหมาะสมดำรงจำแหน่งประธานสภาผู้แทนราฎรว่า ประธานสภาฯจะต้องเป็นคนที่มีบารมีสูง สามารถประนีประนอม และเมื่อประธานสภาฯขึ้นนั่งเป็นประมุขทำหน้าที่ทั้ง 2 สภาฯแล้ว ต้องเป็นผู้ที่สามารถชี้แจงและโน้มน้าวให้เห็นถึงความจำเป็นในการที่จะให้ทุกคนลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจากฝ่ายประชาธิปไตยให้เป็นไปตามความต้องการของพี่น้องประชาชน ประธานสภาฯไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากพรรคการเมืองใด แต่ต้องเป็นคนที่มีคุณลักษณะที่สามารถคุยกับทุกฝ่ายได้เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความต้องการของพี่น้องประชาชน นี่คือสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าเพราะนี่คือความสำเร็จของฝ่ายประชาธิปไตย 

นายวรวัจน์ กล่าวว่า เราไม่ควรไปมองว่าประธานสภาฯอยู่พรรคไหน แล้วต้องทำงานให้พรรคไหนแต่ประธานสภาจะต้องเป็นบุคคลที่วางตัวเป็นกลางระหว่างทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร และส.ว. เราต้องการคนที่มีความยืดหยุ่น ประณีประนอม ใช้เหตุและผลในการที่จะพูดคุยให้ทุกฝ่ายเห็นถึงสถานการณ์ของประเทศ วันนี้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ความต้องการของประชาชนสำเร็จให้ได้ในที่สุดโดยไม่ยึดติดว่าประธานสภาจะเป็นคนของพรรคการเมืองใด 

เมื่อถามว่า พรรค พท. เป็นกังวลเรื่องการขอเสียงจาก ส.ว.ใช่หรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า เราต้องดูว่าพรรคใดมีบุคลากรที่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้จนบรรลุผลสำเร็จ เพราะความสำเร็จนี้นั้นไม่ได้อยู่แค่เพียงการนั่งทำหน้าที่ประธานสภาฯ แต่ต้องบรรลุผลในการเจรจากับทุกฝ่ายให้ได้นายกฯจากฝ่ายประชาธิปไตย ผลสำเร็จอยู่ตรงนี้ต่างหาก ดังนั้นตนจึงบอกว่าอย่าไปมองว่าต้องเป็นคนนั้นหรือคนนี้ แต่ควรมองว่าใครที่จะทำภารกิจตรงนี้ให้สำเร็จได้เพื่อความสำเร็จร่วมกันของฝ่ายประชาธิปไตย 

ต้องบอกว่าตำแหน่งประธานสภานไม่ใช่หัวหน้าอย่างตำแหน่ง นายกฯ ที่สั่งการคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ แต่ประมุขนิติบัญญัติไม่สามารถสั่งการใครได้ ไม่สามารถให้คุณให้โทษหรือปลดใครออกจากตำแหน่งได้ ดังนั้นหน้าที่สำคัญของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติคือ การทำหน้าที่อย่างเป็นกลางเพื่อให้ทุกคนเชื่อใจและยอมรับ เพราะเราจะต้องทำงานกันในสภาฯในระยะยาว” นายวรวัจน์ กล่าว
 


 
เปิดรายชื่อ ‘7สมาคมท่องเที่ยว’ ขอแยกทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ จับตา 28 มิ.ย.
https://www.dailynews.co.th/news/2468298/
 
จับตา 28 มิ.ย. นี้ 7 สมาคมท่องเที่ยว แถลงออกจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมฟื้นสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย FETTA ขึ้นมาใหม่.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ระบุว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา 7 สมาคมท่องเที่ยวรายใหญ่ของไทยจากส่วนกลาง ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. เพื่อที่จะผลักดันให้การทำงานด้านการท่องเที่ยวมีความคล่องตัว มีเอกภาพและอิสระในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย พร้อมประกาศรวมตัวตั้งสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ FETTA เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการสะท้อนปัญหา และผลักดันการขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวของประเทศ

สำหรับ 7 สมาคมท่องเที่ยวรายใหญ่ของไทย จากส่วนกลาง ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (PGAT) และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.)

ทั้งนี้ “สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย” หรือ FETTA เป็นสมาพันธ์ที่มีอยู่แล้วเดิม แต่ที่ผ่านมาหายไป เพราะเอกชนท่องเที่ยวไปรวมตัวกันอยู่ใน สทท. ดังนั้นเมื่อมีการลาออกจาก สทท. ทั้ง 7 สมาคมก็มาร่วมกันฟื้น FETTA ขึ้นมาใหม่ โดยทุกคนจะเป็นทีมทำงาน ไม่ได้มีนายกหรือกรรมการ ไม่ได้จดทะเบียนในนามสมาคม แต่ทุกคนจะร่วมกันทำงาน เพื่อสะท้อนปัญหาที่แท้จริง แก่ภาครัฐ เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ โดยจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 28 มิ.ย. 2566 นี้ เวลา 13.30 ณ ณ โรงแรม เดอะสุโกศล.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่