เราก้าวล้ำคำว่าอิสระไปกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วหลายจุดหลายประเทศ ไม่ว่าจะญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา จีน ไม่ว่าจะเรื่องกฎระเบียบอะไรก็ตาม มันเป็นก้าวแรกของมนุษยชาติที่เรียนรู้จะให้อิสระ หรือมันเป็นแค่ความไร้ระเบียบที่ต่างชาติหลีกเลี่ยงหรือจำกัดไว้แค่ส่วนนึง ในขณะที่คนไทยเราเห็นแค่ส่วนนึงนั้นกลับคิดว่าคือความพัฒนาและเอามาใช้ทั้งหมดในประเทศ ทั้งที่แม้แต่ประเทศที่ยกมาก็ยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดซะด้วยซ้ำ โดยที่เราไม่เคยสงสัยเลยว่า "ทำไม" หรือ "ได้ยังไง" หยิบยกมาดื้อๆด้วยอุดมคติโดยไร้แผนและระเบียบ
ทุกวันนี้กัญชาก็เสรี แหกกฎระเบียบก็โทษผู้ดูแลกฎ ไม่ได้เปลี่ยนกฎอย่างถูกต้องก่อนแล้วค่อยทำ อ้างไม่ทำให้สุดโต่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่แค่มีคนเรียกร้องไม่ได้แปลว่าจะต้องเปลี่ยน เพราะมันก็มีคนเห็นต่าง ทำไมถึงคิดว่าแค่เพราะตัวเองกับคนที่ตัวเองเห็นอยากเปลี่ยนแล้วมันต้องเปลี่ยนเสมอ มันก็มีคนเห็นต่าง แค่เรียกร้องไม่ได้แปลว่าผลลัพธ์ต้องเปลี่ยน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำตัวแหกกฎ ถ้าอย่างเปลี่ยนก็เข้าไปเปลี่ยนตามระเบียบ ประเทศเรามันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเพราะรัฐบาล หรือมันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเพราะประชาชนเราไม่ได้เข้าใจประชาธิปไตยกันแน่ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าตัวเองคือความถูกต้อง คิดว่าคนส่วนใหญ่ต้องเห็นด้วยเพราะระบบเฟซบุ๊คมีแต่ปุ่มไลค์ เลิฟ ห่วงใจ และมีปุ่มแบนคนเห็นต่างในเพจ ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ประชาธิปไตยของรัฐบาลไม่ประชาธิปไตยแล้ว ประชาธิปไตยที่คนเรียกร้องกันกลับเป็นแค่เผด็จการรูปแบบใหม่ ที่เอาสื่อและจำนวนเป็นอำนาจใช้แทนปืน ไม่รับฟังเสียงคนอื่น อยู่แต่ในสังคมส่วนตัวที่เห็นๆอยู่ว่าคนที่ติดตามตัวเองอยู่ก็คือคนที่เห็นตรงกันอยู่แต่แรกแล้ว มันไม่น่าใช่การตั้งแบบสอบถามที่เหมาะสมสักเท่าไหร่ นั่นไง ขนาดเวลาเรียนมันยังมีเรื่อง Bias จากการเก็บข้อมูลเลย และยังมีใช้ระบบจำกัดคนเห็นต่างออก มันก็หมาหมู่ดีๆนี่เอง เผลอๆไม่หมาหมู่ด้วย แค่ประชากรส่วนนึงที่ไม่รู้ว่าเป็นส่วนใหญ่มั้ย แค่ก่อเรื่องมากกว่าก็ดังกว่า รุนแรงกว่าก็เด่นกว่า
จะทำอะไรก็ควรทำให้ถูกต้อง ถ้ามันจะกระทบคนอื่น พวกคุณถามใครอยู่ "ทำแบบนี้มันถูกต้อง" "ทำแบบนี้มันดี" "ที่ทำอยู่มันไม่ดี" มีแต่คนที่เป็นอุดมคติส่วนตัว ไม่ว่าจะใครก็เห็นแต่แบบนี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ก็มีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น ตั้งมั่นว่าตัวเองถูก ตั้งมั่นว่าคนอื่นต้องเห็นด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้ถามใคร ไม่ได้เข้าข้างใครเลย ไม่ต้องยกว่า "แล้วที่....." เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนก็พอกัน เท่าเทียมกัน คือเอาแต่ตัวเอง คนอีกกว่าแสนกว่าล้านกว่าสิบล้านเขายังไม่ได้เอ่ยปาก แต่ถูกคนหลักพันที่กดไลค์กันในเฟสบุ๊คที่มีแต่คนที่คิดเห็นตรงกันอยู่แล้วมัดมือชกว่าคนส่วนใหญ่คิดกันแบบนั้นแบบนี้ มีแต่คนสรุปผลโดยที่ไม่มีใครถามกันเลย ทั้งหมดคือเพื่อความถูกต้องจริงๆหรือเป็นแค่ชัยชนะ เพราะขนาดทำตามกฎยังไม่ทำ ไม่ได้ต่างจากรัฐประหารสักนิด ถ้าอยากเปลี่ยนก็ต้องสมัครเลือกตั้งเข้ามาเปลี่ยน ไอ้ที่ชื่นชมกันนี่คือแค่เปลือกหรืออะไร ทำไมเห็นเขาทำแล้วถึงดูกันแค่ฝ่ายไม่ใช่วิธีการ
เราอยากได้ประชาธิปไตยจริงๆที่ไม่ใช่ "แค่" เอากระดาษมากา แต่เป็นประชาธิปไตยที่มันตรงตามระบอบจริงๆ คนรับฟังความเห็น ทำตามกฎ ไม่ใช่แหกกฎโทษคนอื่น อยากเปลี่ยนก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่อย่างงั้นมันก็เผด็จการดีๆนี่เอง ก็แค่ฝ่ายตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า แล้วกดคนที่เห็นต่างไว้ด้วยอำนาจที่เรียกว่าจำนวน ไม่รู้สิ มันอาจจะสายไปแล้วกับประเทศนี้ก็ได้ ค่านิยมเราเละเทะไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็อยากมาลองดู เพราะนี่จะเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญ ไม่ใช่แค่ทำหรือไม่ทำ แต่เราจะทำยังไง ทำทำไม และจัดการคนผิดยังไง มันจะส่งผลต่อค่านิยมคนไปอีกนาน ถ้าการทำตัวเผด็จการที่ตัวเองชนะและได้ใจคนบางกลุ่มมันฝังหัวคนไปแบบนี้ มันจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกเยอะ และคำถามคือมันจะหยุดเมื่อไหร่ อิสระเป็นสิ่งที่ดี แต่มันจะดีเมื่อมันมีขอบเขต อิสระที่มีขอบเขตอาจจะไม่ใช่อิสระที่สมบูรณ์ แต่อิสระที่ไร้ขอบเขตก็ไม่ใช่อิสระที่ดีเลย
ไทแปลว่าอิสระ แต่อิสระแค่ไหนถึงจะพอ?
ทุกวันนี้กัญชาก็เสรี แหกกฎระเบียบก็โทษผู้ดูแลกฎ ไม่ได้เปลี่ยนกฎอย่างถูกต้องก่อนแล้วค่อยทำ อ้างไม่ทำให้สุดโต่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่แค่มีคนเรียกร้องไม่ได้แปลว่าจะต้องเปลี่ยน เพราะมันก็มีคนเห็นต่าง ทำไมถึงคิดว่าแค่เพราะตัวเองกับคนที่ตัวเองเห็นอยากเปลี่ยนแล้วมันต้องเปลี่ยนเสมอ มันก็มีคนเห็นต่าง แค่เรียกร้องไม่ได้แปลว่าผลลัพธ์ต้องเปลี่ยน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำตัวแหกกฎ ถ้าอย่างเปลี่ยนก็เข้าไปเปลี่ยนตามระเบียบ ประเทศเรามันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเพราะรัฐบาล หรือมันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเพราะประชาชนเราไม่ได้เข้าใจประชาธิปไตยกันแน่ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าตัวเองคือความถูกต้อง คิดว่าคนส่วนใหญ่ต้องเห็นด้วยเพราะระบบเฟซบุ๊คมีแต่ปุ่มไลค์ เลิฟ ห่วงใจ และมีปุ่มแบนคนเห็นต่างในเพจ ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ประชาธิปไตยของรัฐบาลไม่ประชาธิปไตยแล้ว ประชาธิปไตยที่คนเรียกร้องกันกลับเป็นแค่เผด็จการรูปแบบใหม่ ที่เอาสื่อและจำนวนเป็นอำนาจใช้แทนปืน ไม่รับฟังเสียงคนอื่น อยู่แต่ในสังคมส่วนตัวที่เห็นๆอยู่ว่าคนที่ติดตามตัวเองอยู่ก็คือคนที่เห็นตรงกันอยู่แต่แรกแล้ว มันไม่น่าใช่การตั้งแบบสอบถามที่เหมาะสมสักเท่าไหร่ นั่นไง ขนาดเวลาเรียนมันยังมีเรื่อง Bias จากการเก็บข้อมูลเลย และยังมีใช้ระบบจำกัดคนเห็นต่างออก มันก็หมาหมู่ดีๆนี่เอง เผลอๆไม่หมาหมู่ด้วย แค่ประชากรส่วนนึงที่ไม่รู้ว่าเป็นส่วนใหญ่มั้ย แค่ก่อเรื่องมากกว่าก็ดังกว่า รุนแรงกว่าก็เด่นกว่า
จะทำอะไรก็ควรทำให้ถูกต้อง ถ้ามันจะกระทบคนอื่น พวกคุณถามใครอยู่ "ทำแบบนี้มันถูกต้อง" "ทำแบบนี้มันดี" "ที่ทำอยู่มันไม่ดี" มีแต่คนที่เป็นอุดมคติส่วนตัว ไม่ว่าจะใครก็เห็นแต่แบบนี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ก็มีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น ตั้งมั่นว่าตัวเองถูก ตั้งมั่นว่าคนอื่นต้องเห็นด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้ถามใคร ไม่ได้เข้าข้างใครเลย ไม่ต้องยกว่า "แล้วที่....." เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนก็พอกัน เท่าเทียมกัน คือเอาแต่ตัวเอง คนอีกกว่าแสนกว่าล้านกว่าสิบล้านเขายังไม่ได้เอ่ยปาก แต่ถูกคนหลักพันที่กดไลค์กันในเฟสบุ๊คที่มีแต่คนที่คิดเห็นตรงกันอยู่แล้วมัดมือชกว่าคนส่วนใหญ่คิดกันแบบนั้นแบบนี้ มีแต่คนสรุปผลโดยที่ไม่มีใครถามกันเลย ทั้งหมดคือเพื่อความถูกต้องจริงๆหรือเป็นแค่ชัยชนะ เพราะขนาดทำตามกฎยังไม่ทำ ไม่ได้ต่างจากรัฐประหารสักนิด ถ้าอยากเปลี่ยนก็ต้องสมัครเลือกตั้งเข้ามาเปลี่ยน ไอ้ที่ชื่นชมกันนี่คือแค่เปลือกหรืออะไร ทำไมเห็นเขาทำแล้วถึงดูกันแค่ฝ่ายไม่ใช่วิธีการ
เราอยากได้ประชาธิปไตยจริงๆที่ไม่ใช่ "แค่" เอากระดาษมากา แต่เป็นประชาธิปไตยที่มันตรงตามระบอบจริงๆ คนรับฟังความเห็น ทำตามกฎ ไม่ใช่แหกกฎโทษคนอื่น อยากเปลี่ยนก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่อย่างงั้นมันก็เผด็จการดีๆนี่เอง ก็แค่ฝ่ายตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า แล้วกดคนที่เห็นต่างไว้ด้วยอำนาจที่เรียกว่าจำนวน ไม่รู้สิ มันอาจจะสายไปแล้วกับประเทศนี้ก็ได้ ค่านิยมเราเละเทะไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็อยากมาลองดู เพราะนี่จะเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญ ไม่ใช่แค่ทำหรือไม่ทำ แต่เราจะทำยังไง ทำทำไม และจัดการคนผิดยังไง มันจะส่งผลต่อค่านิยมคนไปอีกนาน ถ้าการทำตัวเผด็จการที่ตัวเองชนะและได้ใจคนบางกลุ่มมันฝังหัวคนไปแบบนี้ มันจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกเยอะ และคำถามคือมันจะหยุดเมื่อไหร่ อิสระเป็นสิ่งที่ดี แต่มันจะดีเมื่อมันมีขอบเขต อิสระที่มีขอบเขตอาจจะไม่ใช่อิสระที่สมบูรณ์ แต่อิสระที่ไร้ขอบเขตก็ไม่ใช่อิสระที่ดีเลย