สื่อนอกชี้ รมว.กต.อาเซียนเมินหารือเมียนมาในไทย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4035560
สื่อนอกชี้ รมว.กต.อาเซียนเมินหารือเมียนมาในไทย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของหลายชาติสมาชิกอาเซียนได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการ เพื่อพูดคุยถึงแผนสันติภาพในภูมิภาคอาเซียนร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลรักษาการของไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้
จนถึงขณะนี้ มีเพียงนาย
ปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาที่ยืนยันว่าจะเข้าร่วมการหารือดังกล่าว ขณะที่สมาชิกอาเซียนชาติอื่นๆ ปฏิเสธคำเชิญของไทยในการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผู้นำระดับสูงของเมียนมาถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงของอาเซียน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อเริ่มการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยนาง
ออง ซาน ซูจี ที่ขณะนี้ถูกจำคุกอยู่
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่ได้ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ของชาติสมาชิกอาเซียนใดจะเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนส่งจดหมายเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนทั้ง 10 ชาติให้มาร่วมวงพูดคุย
อย่างไรก็ดี นาย
ดอนให้สัมภาษณ์กับมติชนว่า ไม่ได้จัดประชุมอาเซียน แต่เชิญประเทศที่เป็นเพื่อนเมียนมาให้มารับทราบข้อมูลและพัฒนาการล่าสุดจากรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา และไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งที่ 3
จิตแพทย์ชี้ปัญหา 'หยก' บานปลาย ผู้ใหญ่ต้องฟัง อย่ากดดัน "พม.-สธ." ควรไกล่เกลี่ย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7720529
จิตแพทย์ชี้ปัญหา ‘หยก’ บานปลาย ทั้งความเห็นต่างการเมือง-ช่วงวัย แนะสร้างความเข้าใจ 3 ฝ่าย ดึงนักสังคมสงเคราะห์ พม. – นักจิตวิทยา สธ. เป็นคนกลาง
วันที่ 18 มิ.ย. 2566 นพ.
ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กถึงสังคมไทยเรียนรู้อะไรในเรื่องของ “หยก” ว่า
ปัญหาการเรียนต่อของ “หยก” เยาวชนไทยอายุ 15 ปี ได้ขยายบานปลายไปในสื่อสังคมต่างๆ จนเข้าไปอยู่ในวังวนของความรู้สึกที่รุนแรง หวาดกลัว หรือกระทั่งหวาดระแวงการแสดงออกของเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง สังคม และการศึกษา นับเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ทบทวนเพื่อก้าวต่อไปด้วยกัน เพราะคนรุ่นนี้จะมาเป็นหลักในการพัฒนาและสืบสานสังคมไทยในอนาคต
ก่อนอื่นควรมาทำความเข้าใจในพื้นฐาน 2 ด้านของปัญหานี้ ด้านที่ 1 คือ ความเห็นต่างทางการเมือง อันที่จริงเราได้รับบทเรียนมากว่า 10 ปี ว่าการปฏิบัติต่อความเห็นต่างว่า เป็นเรื่องของความถูกผิด ดีเลว ทำให้สังคมไทยไม่มีทางออก จนเกิดความรุนแรงและกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับมาเปิดใจกว้างกับความเห็นต่างว่า เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพลเมือง ที่มีความปรารถนาดีต่อสังคม ทำให้เรามีทางเลือก มองเห็นปัญหาและทางออกที่หลากหลาย แทนความเกลียดชัง (เพราะไปเห็นว่า ถูกผิดดีเลว)
ความต่างด้านที่ 2 คือ เรื่องของวัย ที่จริงผู้ใหญ่ทุกคนก็เคยผ่านการเป็นวัยรุ่นมาแล้ว จึงไม่ยากที่จะเข้าใจได้ว่า เป็นวัยที่แสวงหาอัตลักษณ์และความเป็นตัวของตัวเอง จนอาจแสดงออกที่ไม่ถูกใจเราได้ แต่ด้วยการฟังและให้ความสำคัญกับความมีอยู่ของตัวตนและความคิดเห็นของเขา ก็จะมองข้ามการแสดงออกบางอย่างที่ดูเหมือนรุนแรงไปได้ ในที่สุดเขาก็จะกลับมามีบทบาทในทางสร้างสรรค์ ในทางตรงข้าม ถ้าฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ใช้วิธีไม่ยอมรับและกดดัน ความขัดแย้งก็จะไปในทางรุนแรงมากขึ้น
ยิ่งต่างฝ่ายมีสังคมและสื่อสังคมของตนเอง ก็ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเกลียดชังและข่าวลวงต่างๆ อย่างที่เราสัมผัสได้ในเวลานี้ จึงเสนอว่า ในสื่อสังคมเราต้องช่วยกัน 2 ไม่ คือ ไม่ผลิตและไม่ส่งต่อ และ 1 เตือน ด้วยเหตุผล เพื่อให้สังคมไทยกลับมาอยู่บนพื้นฐานของการเปิดรับความเห็นต่างโดยไม่เกลียดชัง เพื่อที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนการแก้ปัญหาความ “เห็นต่าง” กับเยาวชน สถานศึกษาควรใช้มาตรการเชิงป้องกัน ด้วยการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ ระหว่าง 3 ฝ่าย คือโรงเรียน ผู้ปกครอง และนักเรียน ผ่านกลไกต่างๆ เช่น home room ประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมนักเรียน นักศึกษาด้วยบรรยากาศของการเปิดรับและเคารพซึ่งกันและกัน
กรณีที่บานปลายไปแล้ว อย่างที่เป็นข่าวควรให้สายวิชาชีพ ที่จะทำงานโดยไม่มีอคติทางเมือง เข้ามาเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย สร้างความเข้าใจระหว่าง 3 ฝ่าย โดยเฉพาะนักสังคมสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนักวิชาชีพสุขภาพจิตของกระทรวงสาธารณสุข
สำคัญที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันคือ ช่วยกันอย่าปล่อยให้สื่อสังคมสร้างความเกลียดชัง ที่ทำให้สังคมไทยเสี่ยงต่อความรุนแรง ด้วยการไม่ส่งต่อ และช่วยเตือนการส่งข้อความที่รุนแรง และข่าวลวงด้วย
https://www.facebook.com/yongyud.wongpiromsarn/posts/pfbid0maPiUfYYikwd8tuVTfZV4x7H2MNqvo6cBt1djWtDnfoQ85fo1jFbMRiVVPWCEnMml
นักเขียนซีไรต์มองถึง ‘หยก’ เทียบสัมภาษณ์ม.ดัง ลั่นเด็กแบบนี้ที่โลกต้องการ
https://www.dailynews.co.th/news/2448383/
"วีรพร นิติประภา" นักเขียนดับเบิลรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความถึง "หยก" หลังแสดงออกเพื่อเสรีภาพตัวเองจนเกิดดราม่า ขอเทียบการสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยดัง ยกเป็นเด็กที่โลกต้องการ.
จากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ สำหรับ “
น้องหยก” นักเรียนหญิงวัย 15 อดีตผู้ต้องหา ม.112 ออกมาประกาศว่าถูกโรงเรียนไล่ออก และยังพยายามปีนรั้วเข้าโรงเรียนหลายครั้ง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาทางโรงเรียนก็ออกมาชี้แจ้งว่า ไม่เคยปฏิเสธการรับนักเรียนเข้าเรียน พร้อมดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. “
วีรพร นิติประภา” นักเขียนรางวัลซีไรต์ ถึง 2 ครั้ง ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ระบุว่า “
เวลาไปขอทุนเรียนต่อเมืองนอก ตอนสอบสัมภาษณ์นี่หลายมหาวิทยาลัยเจ๋งๆ ดีๆ นอกจากเขาจะดูความหลากหลายทางเชื้อชาติวัฒนธรรม เขาจะถามด้วยว่าเคยทำอะไรมาบ้าง”
เด็กที่เคยทำงานอาสาและงานการเมือง ผิดถูกชอบไม่ชอบเรื่องไหนๆ ไม่ใช่ประเด็น เขาไม่สนใจ เขาไม่ตัดสินหรอก แต่เด็กที่มีเจตจำนงเข้มแข็งตั้งแต่อายุน้อยๆ มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อโลกที่ดีกว่า ต่อต้านโลกใบเก่า ประท้วงรณรงค์โน่นนี่มาจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ หลายมหาวิทยาลัยถึงกับกันที่มีโควตาให้กับเด็กนักกิจกรรม “เด็กอย่างหยกนี่แหละที่โลกนี้มองหา นี่คือเด็กที่คนฉลาดๆ หวังจะฝากโลกเอาไว้ในมือ”
ทั้งนี้ สำหรับ “
วีรพร นิติประภา” เธอคือนักเขียนที่สร้างปรากฏการณ์ในแวดวงวรรณกรรมไทยด้วย การคว้ารางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (Southeast Asian Writers Award) หรือรางวัลซีไรต์ (S.E.A. Write) จากงานเขียนเรื่อง “
ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” นวนิยายเล่มแรกของเธอที่คว้ารางวัลซีไรต์ในปี 2558 ก่อนจะได้รับรางวัลอีกครั้งในปี2561 จากเรื่อง “
พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” จนสร้างประวัติศาสตรเป็นนักเขียนดับเบิลซีไรต์คนที่ 3 ของไทย และเป็นผู้หญิงคนแรกอีกด้วย.
https://www.facebook.com/veeraporn.nitiprapha/posts/pfbid02kiUw4pjP2UKLKz7ujBUXXpHH6WDj9C4kgJyKTLo5ybWjudCp8qTE1QKZgM6UiZezl
วิโรจน์ จับโป๊ะ ‘รักซ้อนหลายเส้า’ วังวนความสัมพันธ์ตบทรัพย์ มีแค่ ‘ผู้การชลบุรี-เป้’?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4035669
วิโรจน์ จับโป๊ะ ‘รักซ้อนหลายเส้า’ วังวนความสัมพันธ์ตบทรัพย์ มีแค่ ‘ผู้การชลบุรี-เป้’? ยังสงสัย ‘ผู้การไปแอบรักใครต่ออีกหรือเปล่า’
จากกรณีการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โดนแจ้งจับข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รีดเงินแก๊งเว็บพนันออนไลน์ โดยมี พล.ต.ต.
กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมพวก รวม 9 คน ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับพลเรือนที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 คน คือ นาย
ต้น นาย
บอย และภรรยาของนาย
บอย ใน 2 ข้อหา
เบื้องต้น นาย
อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.
ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.2 และ พ.ต.ท.
ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ซึ่งเป็น 2 นายตำรวจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในแก๊งตำรวจตบทรัพย์เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ มารับทราบข้อเท็จจริง ขณะที่ พล.ต.ต.
กัมพลจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาช่วงเย็นวันนี้ (18 มิถุนายน)
ส่วนประเด็นประโยคว่อนโซเชียลอย่าง “
เป้รักผู้การเท่าไร…เป้เขียนมา” พล.ต.ต.
กัมพลยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
ถ้าเป็นความจริง นี่อาจจะเป็น “รักซ้อนหลายเส้า” ก็ได้
1. เป้กับ #ผู้การชลบุรี อาจไม่ใช่รักแรก และไม่ใช่รักสุดท้าย เขารักกันมากี่ครั้งแล้ว
2. นอกจากเป้ มีใครบ้างที่แอบรักผู้การ
3. นอกจากผู้การแล้ว เป้แอบคบซ้อน รักผู้การคนอื่นอีกหรือเปล่า
4. แล้วผู้การ ไปแอบรักใครต่ออีกหรือเปล่า
https://twitter.com/wirojlak/status/1670373823286501377
JJNY : 5in1 สื่อนอกชี้เมินหารือ│ปัญหา'หยก'บานปลาย│นักเขียนซีไรต์ เทียบสัมภาษณ์ม.ดัง│วิโรจน์จับโป๊ะ│“ปูติน”ไม่พอใจข้อเสนอ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4035560
สื่อนอกชี้ รมว.กต.อาเซียนเมินหารือเมียนมาในไทย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของหลายชาติสมาชิกอาเซียนได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการ เพื่อพูดคุยถึงแผนสันติภาพในภูมิภาคอาเซียนร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลรักษาการของไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้
จนถึงขณะนี้ มีเพียงนายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาที่ยืนยันว่าจะเข้าร่วมการหารือดังกล่าว ขณะที่สมาชิกอาเซียนชาติอื่นๆ ปฏิเสธคำเชิญของไทยในการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผู้นำระดับสูงของเมียนมาถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงของอาเซียน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อเริ่มการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยนางออง ซาน ซูจี ที่ขณะนี้ถูกจำคุกอยู่
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่ได้ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ของชาติสมาชิกอาเซียนใดจะเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนส่งจดหมายเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนทั้ง 10 ชาติให้มาร่วมวงพูดคุย
อย่างไรก็ดี นายดอนให้สัมภาษณ์กับมติชนว่า ไม่ได้จัดประชุมอาเซียน แต่เชิญประเทศที่เป็นเพื่อนเมียนมาให้มารับทราบข้อมูลและพัฒนาการล่าสุดจากรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา และไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งที่ 3
จิตแพทย์ชี้ปัญหา 'หยก' บานปลาย ผู้ใหญ่ต้องฟัง อย่ากดดัน "พม.-สธ." ควรไกล่เกลี่ย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7720529
จิตแพทย์ชี้ปัญหา ‘หยก’ บานปลาย ทั้งความเห็นต่างการเมือง-ช่วงวัย แนะสร้างความเข้าใจ 3 ฝ่าย ดึงนักสังคมสงเคราะห์ พม. – นักจิตวิทยา สธ. เป็นคนกลาง
วันที่ 18 มิ.ย. 2566 นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กถึงสังคมไทยเรียนรู้อะไรในเรื่องของ “หยก” ว่า
ปัญหาการเรียนต่อของ “หยก” เยาวชนไทยอายุ 15 ปี ได้ขยายบานปลายไปในสื่อสังคมต่างๆ จนเข้าไปอยู่ในวังวนของความรู้สึกที่รุนแรง หวาดกลัว หรือกระทั่งหวาดระแวงการแสดงออกของเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง สังคม และการศึกษา นับเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ทบทวนเพื่อก้าวต่อไปด้วยกัน เพราะคนรุ่นนี้จะมาเป็นหลักในการพัฒนาและสืบสานสังคมไทยในอนาคต
ก่อนอื่นควรมาทำความเข้าใจในพื้นฐาน 2 ด้านของปัญหานี้ ด้านที่ 1 คือ ความเห็นต่างทางการเมือง อันที่จริงเราได้รับบทเรียนมากว่า 10 ปี ว่าการปฏิบัติต่อความเห็นต่างว่า เป็นเรื่องของความถูกผิด ดีเลว ทำให้สังคมไทยไม่มีทางออก จนเกิดความรุนแรงและกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับมาเปิดใจกว้างกับความเห็นต่างว่า เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพลเมือง ที่มีความปรารถนาดีต่อสังคม ทำให้เรามีทางเลือก มองเห็นปัญหาและทางออกที่หลากหลาย แทนความเกลียดชัง (เพราะไปเห็นว่า ถูกผิดดีเลว)
ความต่างด้านที่ 2 คือ เรื่องของวัย ที่จริงผู้ใหญ่ทุกคนก็เคยผ่านการเป็นวัยรุ่นมาแล้ว จึงไม่ยากที่จะเข้าใจได้ว่า เป็นวัยที่แสวงหาอัตลักษณ์และความเป็นตัวของตัวเอง จนอาจแสดงออกที่ไม่ถูกใจเราได้ แต่ด้วยการฟังและให้ความสำคัญกับความมีอยู่ของตัวตนและความคิดเห็นของเขา ก็จะมองข้ามการแสดงออกบางอย่างที่ดูเหมือนรุนแรงไปได้ ในที่สุดเขาก็จะกลับมามีบทบาทในทางสร้างสรรค์ ในทางตรงข้าม ถ้าฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ใช้วิธีไม่ยอมรับและกดดัน ความขัดแย้งก็จะไปในทางรุนแรงมากขึ้น
ยิ่งต่างฝ่ายมีสังคมและสื่อสังคมของตนเอง ก็ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเกลียดชังและข่าวลวงต่างๆ อย่างที่เราสัมผัสได้ในเวลานี้ จึงเสนอว่า ในสื่อสังคมเราต้องช่วยกัน 2 ไม่ คือ ไม่ผลิตและไม่ส่งต่อ และ 1 เตือน ด้วยเหตุผล เพื่อให้สังคมไทยกลับมาอยู่บนพื้นฐานของการเปิดรับความเห็นต่างโดยไม่เกลียดชัง เพื่อที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนการแก้ปัญหาความ “เห็นต่าง” กับเยาวชน สถานศึกษาควรใช้มาตรการเชิงป้องกัน ด้วยการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ ระหว่าง 3 ฝ่าย คือโรงเรียน ผู้ปกครอง และนักเรียน ผ่านกลไกต่างๆ เช่น home room ประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมนักเรียน นักศึกษาด้วยบรรยากาศของการเปิดรับและเคารพซึ่งกันและกัน
กรณีที่บานปลายไปแล้ว อย่างที่เป็นข่าวควรให้สายวิชาชีพ ที่จะทำงานโดยไม่มีอคติทางเมือง เข้ามาเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย สร้างความเข้าใจระหว่าง 3 ฝ่าย โดยเฉพาะนักสังคมสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนักวิชาชีพสุขภาพจิตของกระทรวงสาธารณสุข
สำคัญที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันคือ ช่วยกันอย่าปล่อยให้สื่อสังคมสร้างความเกลียดชัง ที่ทำให้สังคมไทยเสี่ยงต่อความรุนแรง ด้วยการไม่ส่งต่อ และช่วยเตือนการส่งข้อความที่รุนแรง และข่าวลวงด้วย
https://www.facebook.com/yongyud.wongpiromsarn/posts/pfbid0maPiUfYYikwd8tuVTfZV4x7H2MNqvo6cBt1djWtDnfoQ85fo1jFbMRiVVPWCEnMml
นักเขียนซีไรต์มองถึง ‘หยก’ เทียบสัมภาษณ์ม.ดัง ลั่นเด็กแบบนี้ที่โลกต้องการ
https://www.dailynews.co.th/news/2448383/
"วีรพร นิติประภา" นักเขียนดับเบิลรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความถึง "หยก" หลังแสดงออกเพื่อเสรีภาพตัวเองจนเกิดดราม่า ขอเทียบการสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยดัง ยกเป็นเด็กที่โลกต้องการ.
จากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ สำหรับ “น้องหยก” นักเรียนหญิงวัย 15 อดีตผู้ต้องหา ม.112 ออกมาประกาศว่าถูกโรงเรียนไล่ออก และยังพยายามปีนรั้วเข้าโรงเรียนหลายครั้ง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาทางโรงเรียนก็ออกมาชี้แจ้งว่า ไม่เคยปฏิเสธการรับนักเรียนเข้าเรียน พร้อมดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. “วีรพร นิติประภา” นักเขียนรางวัลซีไรต์ ถึง 2 ครั้ง ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ระบุว่า “เวลาไปขอทุนเรียนต่อเมืองนอก ตอนสอบสัมภาษณ์นี่หลายมหาวิทยาลัยเจ๋งๆ ดีๆ นอกจากเขาจะดูความหลากหลายทางเชื้อชาติวัฒนธรรม เขาจะถามด้วยว่าเคยทำอะไรมาบ้าง”
เด็กที่เคยทำงานอาสาและงานการเมือง ผิดถูกชอบไม่ชอบเรื่องไหนๆ ไม่ใช่ประเด็น เขาไม่สนใจ เขาไม่ตัดสินหรอก แต่เด็กที่มีเจตจำนงเข้มแข็งตั้งแต่อายุน้อยๆ มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อโลกที่ดีกว่า ต่อต้านโลกใบเก่า ประท้วงรณรงค์โน่นนี่มาจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ หลายมหาวิทยาลัยถึงกับกันที่มีโควตาให้กับเด็กนักกิจกรรม “เด็กอย่างหยกนี่แหละที่โลกนี้มองหา นี่คือเด็กที่คนฉลาดๆ หวังจะฝากโลกเอาไว้ในมือ”
ทั้งนี้ สำหรับ “วีรพร นิติประภา” เธอคือนักเขียนที่สร้างปรากฏการณ์ในแวดวงวรรณกรรมไทยด้วย การคว้ารางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (Southeast Asian Writers Award) หรือรางวัลซีไรต์ (S.E.A. Write) จากงานเขียนเรื่อง “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” นวนิยายเล่มแรกของเธอที่คว้ารางวัลซีไรต์ในปี 2558 ก่อนจะได้รับรางวัลอีกครั้งในปี2561 จากเรื่อง “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” จนสร้างประวัติศาสตรเป็นนักเขียนดับเบิลซีไรต์คนที่ 3 ของไทย และเป็นผู้หญิงคนแรกอีกด้วย.
https://www.facebook.com/veeraporn.nitiprapha/posts/pfbid02kiUw4pjP2UKLKz7ujBUXXpHH6WDj9C4kgJyKTLo5ybWjudCp8qTE1QKZgM6UiZezl
วิโรจน์ จับโป๊ะ ‘รักซ้อนหลายเส้า’ วังวนความสัมพันธ์ตบทรัพย์ มีแค่ ‘ผู้การชลบุรี-เป้’?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4035669
วิโรจน์ จับโป๊ะ ‘รักซ้อนหลายเส้า’ วังวนความสัมพันธ์ตบทรัพย์ มีแค่ ‘ผู้การชลบุรี-เป้’? ยังสงสัย ‘ผู้การไปแอบรักใครต่ออีกหรือเปล่า’
จากกรณีการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โดนแจ้งจับข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รีดเงินแก๊งเว็บพนันออนไลน์ โดยมี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมพวก รวม 9 คน ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับพลเรือนที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 คน คือ นายต้น นายบอย และภรรยาของนายบอย ใน 2 ข้อหา
เบื้องต้น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.2 และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ซึ่งเป็น 2 นายตำรวจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในแก๊งตำรวจตบทรัพย์เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ มารับทราบข้อเท็จจริง ขณะที่ พล.ต.ต.กัมพลจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาช่วงเย็นวันนี้ (18 มิถุนายน)
ส่วนประเด็นประโยคว่อนโซเชียลอย่าง “เป้รักผู้การเท่าไร…เป้เขียนมา” พล.ต.ต.กัมพลยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
ถ้าเป็นความจริง นี่อาจจะเป็น “รักซ้อนหลายเส้า” ก็ได้
1. เป้กับ #ผู้การชลบุรี อาจไม่ใช่รักแรก และไม่ใช่รักสุดท้าย เขารักกันมากี่ครั้งแล้ว
2. นอกจากเป้ มีใครบ้างที่แอบรักผู้การ
3. นอกจากผู้การแล้ว เป้แอบคบซ้อน รักผู้การคนอื่นอีกหรือเปล่า
4. แล้วผู้การ ไปแอบรักใครต่ออีกหรือเปล่า
https://twitter.com/wirojlak/status/1670373823286501377