สวัสดีชาวพันทิปทุกคนจ้า หายไปนานกับการรีวิวทริปท่องเที่ยว
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปใหญ่ทริปแรกหลังจากสถานการณ์โควิตคลี่คลาย หลังจากที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศในเดือนตุลาคม 2565 เราก็ได้ทำการจองตั๋ว เพื่อไปชมซากุระในช่วงไฮซีซั่นปี 2566 โดยทันที การไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการไปครั้งที่ 2 แล้ว ส่วนใครเริ่มต้นไปญี่ปุ่นแบบมือใหม่ เชิญเข้าไปอ่านรายละเอียดที่กระทู้เก่าได้จ้า
https://ppantip.com/topic/35291197
ปกติแล้วเราจะรีวิวทริปที่ราคาถูกแสนถูก แต่รอบนี้หลายคนเห็นงบอาจจะตกใจว่าทำไมแพงจัง คือมันแพงค่าตั๋วเครื่องบินนี่แหละ เนื่องจากว่าเรามีวอชเชอร์ที่โดนการบินไทยเททริปรัสเซียไป ก็เลยกะว่านี่แหละ นั่งการบินไทยให้มันจบๆกันไป ซึ่งหลังเปิดประเทศค่าตั๋วเครื่องบินก็พุ่งไม่หยุดเลยจ้า ขนาดเอาวอชเชอร์แลกก็แล้วยังต้องเพิ่มเงินอีกด้วย
ทริปนี้ขอแบ่งรีวิวออกเป็นหลาย Part เนื่องจากข้อมูลเยอะ แต่เนื้อหารีวิว ยังคงเน้นให้เที่ยวตามได้ง่ายเหมือนเดิมจ้า เมืองที่ไปคือโตเกียว กาล่ายูซาว่า คาวากูจิโกะ คาวาโกเอะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลย
ประมวลค่าใช้จ่ายในทริปนี้
อัตราแลกเปลี่ยนเราใช้ บัตร You Trip เป็นหลักซึ่งแลกเงินหลายรอบด้วยกัน เรทแต่ละรอบที่แลกจึงไม่เท่ากัน แต่อยู่ระหว่าง 0.253-0.259 เราเลยตีคร่าวๆที่ 0.26
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1. จองตั๋วเครื่องบินไปกลับ สุวรรณภูมิ-นาริตะ เดินทางวันที่ 2 เม.ย.66 กลับวันที่ 8 เม.ย.66 เดินทางผู้หญิง 3 คน เลือกบินตอนเช้าถึงตอนเย็น เพราะไปถึงจะเที่ยวนิดหน่อยแล้วพักเลย
2. ซื้อประกันการเดินทาง Sompo Travel Joy แผน Plan B+
3. ทำบัตร You trip และแลกเงินเยนเอาไว้ในบัตร ซึ่งเราสามารถกดเงินจากตู้ Seven Bank ในญี่ปุ่นได้ ตอนนั้นที่เราไปกดฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม ตู้หาไม่ยาก หาได้ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรือใน 7-11 ใหญ่ๆ
4. ลงทะเบียน Visit Japan อันนี้ขอข้ามเพราะมีคนรีวิวเยอะแล้ว
5. สมัครแพ็คเก็จ internet เราเลือก Dtac Go Travel 12G 10วัน เพราะไม่อยากเปลี่ยนซิม
6. จองโรงแรม
ตลอด 6 คืนเราเลือกนอนโรงแรมเดียวเลยคือ
Hotel Monday Premium Ueno Okachimachi
ตอนที่เราจองนั้นเลือกให้ Booking เป็นคนตัดบัตรก่อนวันเข้าพัก ราคารวม 94,052 เยน ได้ส่วนลด7,524 เยน เหลือ 86,528 เยน หาร 3 ตกคนละ 28,843 เยน (ประมาณ 7400 บาท) โดยสามารถใส่บัตร You Trip ในการจองและตัดเงินได้ เพียงแต่ต้องมีเงินเยน ให้เพียงพอในวันกำหนดตัดเงินเท่านั้นเอง ซึ่งจะตัดเงินเป็นสกุลเยน ทำให้ได้เรทเงินตามที่เราแลกไว้เลย สะดวกมากๆ
จองห้องแบบ 3 คน ไม่รวมอาหารเช้า
ข้อดี ของโรงแรมนี้คือทำเล ดีมาก ดูจากแผนที่ด้านล่างนี้ประกอบ
จากรูปจะเห็นว่า จาก Keisei Ueno เดินไป 750 เมตร ผ่านตลาดอะเมโยโกะไป ก็จะถึงโรงแรม หน้าโรงแรมมี Subway สถานี Naka-Okachimachi Exit 1 ถ้าจะใช้ JR ก็เดินไปอีก 500 เมตร ก็ถึง JR Okachimachi จากโรงแรมเดิน 200 เมตร ถึงตึกม่วง Takeya 1 การเดินทางคือสะดวกมากๆ รอบๆโรงแรมก็มีร้านสะดวกซื้อต่างๆหลายที่
ของใช้ในห้องมีให้ครบ ที่ชั้น 2 มีห้องซักผ้าอบผ้า ไมโครเวฟ และตู้ขายน้ำ ใช้คีย์การ์ดในการขึ้นลิฟต์และเข้าห้องพัก ห้องพักสะอาดตามมาตรฐานทั่วไป
ข้อเสีย คงจะมีอย่างเดียวคือ ห้องสำหรับ 3 คนเล็กมาก แต่ก็สามารถอยู่ได้ เดี๋ยวจะมารีวิวเพิ่มเติมภายหลัง
7. Application ที่จำเป็นดังนี้
- Google Translate สำหรับแปลภาษา
- การบินไทย สำหรับจัดการตั๋วเครื่องบินและเช็คอินออนไลน์
- สำหรับจองโรงแรม และใช้เช็คอินที่โรงแรม
- Klook สำหรับซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินแบบเหมาจ่าย และตั๋ว Keisei Sky Liner สำหรับเข้าเมือง
- Tokyo Metro เราใช้สำหรับดูแผนที่รถไฟใต้ดินว่าต้องขึ้นชานชาลาไหน
- Japan Official Travel ใช้สำหรับดูขบวนรถไฟ รอบเวลาและการต่อรถไฟ JR และ Shinkansen
- You Trip ใช้แลกเงินเยนเข้าในบัตร เพื่อรูดตามร้านค้าหรือกดจากตู้เอทีเอ็ม
- Card Reader สำหรับตรวจสอบยอดเงินคงเหลือใน IC Card ที่ใช้ สามารถแตะบัตรที่หลังโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบยอดได้ทันที (โทรศัพท์ต้องรองรับ NFC)
8. จอง
JR Wide Pass 3 Day เราจองผ่านเว็บของ JR East โดยตรงเลย
https://www.eki-net.com/th/jreast-train-reservation/top/Index
ต้องมีการสมัครสมาชิกก่อน แล้วค่อยทำการจอง สามารถตัดผ่านบัตร You Trip ได้ จองได้หลายใบพร้อมกันเลย แต่ต้องกรอกรายละเอียดผู้เดินทางทุกคน หลังจากซื้อ JR Wide pass แล้ว เราสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าออนไลน์ในเว็บนี้ต่อได้เลย จองได้ ยกเลิกได้ และไปรับตั๋วที่ตู้อัตโนมัติตามสถานีใหญ่ๆได้เอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องพบเจ้าหน้าที่ใดๆเลย ส่วนวิธีการซื้อ JR Wide Pass ผ่านเว็บนั้น ขอข้ามไปเลยเพราะมีคนเคยเขียนไว้เยอะแล้ว ส่วนการรับตั๋วด้วยตัวเองจากตู้อัตโนมัติ อ่านต่อด้านล่าง
หมายเหตุ ถ้าซื้อ JR Wide Pass พร้อมกันหลายใบในการจองที่นั่งต้องจองพร้อมกันทั้งหมดทุกคนเลย สมมติ จอง 3 ใบ เวลาจะจองที่นั่งก็จองรวด3 คน ถ้าที่นั่งเหลือไม่ถึง 3 คนก็คือเต็ม จะจองไม่ได้เลย และตอนจองจะต้องใส่วันที่จะไปรับตั๋วด้วย ให้เลือกเป็นวันแรกที่จะเริ่มใช้งาน หรือเราเดาว่าเลือกก่อนวันนึงก็น่าจะได้ แล้วรับพร้อมกันทีเดียวทั้งหมดทั้ง JR Wide Pass และบัตรจองที่นั่ง
ข้อดี ของการใช้ Pass เดินทางที่เหมาะสมคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก สะดวก ในกรณีที่หลงทาง ลงผิดสถานี ก็ไม่ต้องกังวล สามารถขึ้นขบวนใหม่ได้เลยเพราะเหมาจ่ายไปแล้ว และมีส่วนลดสำหรับบางสถานที่ด้วย
วีธีการรับตั๋วผ่านตู้อัตโนมัติ เราเกือบไม่รอดกับขั้นตอนนี้ ขออภัยเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะเรากดมั่วๆ ใช้เวลาถึงสองวันกว่าจะกดออกมาได้ คร่าวๆดังนี้
8.1 ต้องกดที่ตู้ที่มีเครื่องแสกนพาสปอร์ตได้ เท่านั้น ซึ่งมีตู้อยู่ในทางเข้า Office JR สถานีอูเอโนะ และฝั่งตรงข้ามออฟฟิศ 4 ตู้ซ้ายสุด ตู้หน้าตาเหมือนในรูปนี้
8.2 กดปุ่มเปลี่ยนภาษาเป็นอังกฤษ
8.3 กดปุ่มที่มีคำว่า Pick up อันนี้เราจำไม่ค่อยได้ว่าปุ่มเขียนแค่ Pick up หรือต่อด้วยอะไรอีกรึป่าว เอาเป็นว่าต้องหาคำว่า Pick up ให้เจอ
8.4 เสร็จแล้วจะมีปุ่ม อยู่ 4 ปุ่ม ให้เราเลือกว่าจองตั๋วมาจากที่ไหน เราเลือกปุ่มแรก JR East Reservation ปุ่มแรกบนสุด เพราะเราจองมาจากเว็บของ JR East โดยตรง
8.5 จากนั้นเครื่องจะให้เราแสกน Passport (ใช้ของคนที่เป็นคนจองคนเดียว) แล้วก็แสกน QR Code ที่ได้มา จากนั้นเครื่องจะแสดงรายการตั๋วที่เราจองมาทั้งหมด คือพอถึงตรงนี้เราไม่ได้อ่านเลย กด OK หรือ Next ไปเรื่อยๆจนจบเลย แล้วที่ช่องพิมพ์ตั๋วจะขึ้นตัวเลขตั๋วทั้งหมดที่จะพิมพ์ แล้วตั๋วก็ออกมาพร้อมกันหมดเลย ทั้ง ตั๋ว JR Wide Pass แล้วก็บัตรจองที่นั่ง และบัตรที่แสดง Term & Condition ด้วย ของทั้ง 3 คนออกมาพร้อมกันหมดมาเป็นปึก
8.6 อย่าทำหาย เก็บไว้ให้ดีตลอดช่วงของวันเดินทาง ถ้าทำหายซื้อใหม่เท่านั้น
8.7 บัตร JR Wide Pass ใช้สอดบัตรเข้าเครื่องกั้นอัตโนมัติตอนเข้าสถานีได้เลย ส่วนบัตรจองที่นั่งเก็บไว้เผื่อโดนตรวจแค่นั้น
8.8 เค้าท์เตอร์ JR ทีสถานีอูเอโนะเปิด 8.00 ปิด 17.00 น. ซึ่งเราออกเช้ากลับมึดไม่เคยทันเปิดซักที
9. ซื้อ
Tokyo Subway 24 hr. จาก Klook สามารถใช้นั่ง Metro และ Toei Line ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวและระยะทาง มีให้เลือก 24 ,48, 72 ชั่วโมง ซื้อตอนไหนก็ได้ อยู่ญี่ปุ่นแล้วก็ซื้อได้ ซื้อผ่าน App แล้วจะได้ QR Code มา สามารถนำไป scan ที่ตู้ตามสถานีรถไฟใต้ดิน ทำตามขั้นตอนก็จะได้ตั๋วออกมาเลยจ้า
หมายเหตุ บัตรสามารถใช้ได้ 24 Hr. เต็ม เช่น เราเริ่มใช้วันนี้เวลา 8.00 น. ถ้าพรุ่งนี้เราเข้าสถานีก่อน 8.00 น.บัตรก็ยังใช้ได้อยู่จ้า
10. ซื้อ Keisei Sky Liner จากสนามบินไปอูเอโนะ และจากอูเอโนะกลับสนามบิน จองผ่าน Klook จะได้ QR Code มา สามารถนำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ที่เค้าท์เตอร์ Keisei ก็จะได้ตั๋วมาเลย ง่ายนิดเดียว
เพิ่มอีกนิด Klook มีแพ็คเก็จ Keisei skyliner ไปกลับ พ่วงบัตร Subway 24 hr. ซื้อแบบนี้ราคาถูกกว่าด้วย
11. แผนการเดินทาง
Day 1 ลงเครื่องก็เย็นแล้ว ใช้ Keisei Skyliner เข้าโรงแรมที่อูเอโนะ หลังจากนั้นการเดินทางใช้บัตร IC Card จ่ายเป็นเที่ยวเอา
Day 2 เที่ยวในโตเกียวเท่านั้น เนื่องจากปีนี้ซากุระบานเร็ว ต้องรีบดูในโตเกียวก่อนจะร่วงหมด การเดินทางวันนี้ ใช้ บัตร Subway เหมาไปเลย 24 ชม.
Day 3 เริ่มใช้ Tokyo wide Pass วันแรก เดินทางไปเล่นหิมะที่ Gala Yuzawa
Day 4 ใช้ Tokyo Wide Pass วันที่สอง เดินทางไป Kawaguchiko
*** หมายเหตุ จริงๆแล้ว มีรถไฟวิ่งตรงจาก Shinjuku ยาวไปถึง Kawaguchiko ได้เลย แต่เราจองไม่ทันค่ะ ที่นั่งเต็ม หรือใครจะไม่จองก็ได้ แต่ช่วงไฮซีซั่นไม่มีที่นั่งแน่นอน ถ้ายืนสองชั่วโมงไหวก็ไปได้ แต่เรายืนไม่ไหว ขอนั่งซักครึ่งทาง เลยจองไปแค่ Otsuki แล้วไปเปลี่ยนขบวนเอาข้างหน้า ซึ่ง JR Wide Pass ครอบคลุมเส้นทางนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว
Day 5 ใช้ Tokyo Wide Pass วันที่สาม เดินทางไป Kawagoe
Day 6 เที่ยวเฉพาะในโตเกียวเหมือนเดิม ใช้ บัตร Subway เหมา 24 ชม. 200 บาท
Day 7 นั่ง Keisei Skyliner จากอูเอโนะเข้าสนามบิน
ในส่วนของการเตรียมตัวเป็นอันจบเท่านี้ (Day 1 อยู่คห.ถัดไปค่ะ)
[CR] Review Japan 2023 ซากุระ หิมะ ฟูจิ 7 วัน 6 คืน งบ 50,000(การบินไทย) Day 1
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปใหญ่ทริปแรกหลังจากสถานการณ์โควิตคลี่คลาย หลังจากที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศในเดือนตุลาคม 2565 เราก็ได้ทำการจองตั๋ว เพื่อไปชมซากุระในช่วงไฮซีซั่นปี 2566 โดยทันที การไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการไปครั้งที่ 2 แล้ว ส่วนใครเริ่มต้นไปญี่ปุ่นแบบมือใหม่ เชิญเข้าไปอ่านรายละเอียดที่กระทู้เก่าได้จ้า https://ppantip.com/topic/35291197
ปกติแล้วเราจะรีวิวทริปที่ราคาถูกแสนถูก แต่รอบนี้หลายคนเห็นงบอาจจะตกใจว่าทำไมแพงจัง คือมันแพงค่าตั๋วเครื่องบินนี่แหละ เนื่องจากว่าเรามีวอชเชอร์ที่โดนการบินไทยเททริปรัสเซียไป ก็เลยกะว่านี่แหละ นั่งการบินไทยให้มันจบๆกันไป ซึ่งหลังเปิดประเทศค่าตั๋วเครื่องบินก็พุ่งไม่หยุดเลยจ้า ขนาดเอาวอชเชอร์แลกก็แล้วยังต้องเพิ่มเงินอีกด้วย
ทริปนี้ขอแบ่งรีวิวออกเป็นหลาย Part เนื่องจากข้อมูลเยอะ แต่เนื้อหารีวิว ยังคงเน้นให้เที่ยวตามได้ง่ายเหมือนเดิมจ้า เมืองที่ไปคือโตเกียว กาล่ายูซาว่า คาวากูจิโกะ คาวาโกเอะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลย
ประมวลค่าใช้จ่ายในทริปนี้
อัตราแลกเปลี่ยนเราใช้ บัตร You Trip เป็นหลักซึ่งแลกเงินหลายรอบด้วยกัน เรทแต่ละรอบที่แลกจึงไม่เท่ากัน แต่อยู่ระหว่าง 0.253-0.259 เราเลยตีคร่าวๆที่ 0.26
1. จองตั๋วเครื่องบินไปกลับ สุวรรณภูมิ-นาริตะ เดินทางวันที่ 2 เม.ย.66 กลับวันที่ 8 เม.ย.66 เดินทางผู้หญิง 3 คน เลือกบินตอนเช้าถึงตอนเย็น เพราะไปถึงจะเที่ยวนิดหน่อยแล้วพักเลย
3. ทำบัตร You trip และแลกเงินเยนเอาไว้ในบัตร ซึ่งเราสามารถกดเงินจากตู้ Seven Bank ในญี่ปุ่นได้ ตอนนั้นที่เราไปกดฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม ตู้หาไม่ยาก หาได้ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรือใน 7-11 ใหญ่ๆ
4. ลงทะเบียน Visit Japan อันนี้ขอข้ามเพราะมีคนรีวิวเยอะแล้ว
5. สมัครแพ็คเก็จ internet เราเลือก Dtac Go Travel 12G 10วัน เพราะไม่อยากเปลี่ยนซิม
6. จองโรงแรม
ตลอด 6 คืนเราเลือกนอนโรงแรมเดียวเลยคือ Hotel Monday Premium Ueno Okachimachi
ตอนที่เราจองนั้นเลือกให้ Booking เป็นคนตัดบัตรก่อนวันเข้าพัก ราคารวม 94,052 เยน ได้ส่วนลด7,524 เยน เหลือ 86,528 เยน หาร 3 ตกคนละ 28,843 เยน (ประมาณ 7400 บาท) โดยสามารถใส่บัตร You Trip ในการจองและตัดเงินได้ เพียงแต่ต้องมีเงินเยน ให้เพียงพอในวันกำหนดตัดเงินเท่านั้นเอง ซึ่งจะตัดเงินเป็นสกุลเยน ทำให้ได้เรทเงินตามที่เราแลกไว้เลย สะดวกมากๆ
ข้อดี ของโรงแรมนี้คือทำเล ดีมาก ดูจากแผนที่ด้านล่างนี้ประกอบ
ของใช้ในห้องมีให้ครบ ที่ชั้น 2 มีห้องซักผ้าอบผ้า ไมโครเวฟ และตู้ขายน้ำ ใช้คีย์การ์ดในการขึ้นลิฟต์และเข้าห้องพัก ห้องพักสะอาดตามมาตรฐานทั่วไป
ข้อเสีย คงจะมีอย่างเดียวคือ ห้องสำหรับ 3 คนเล็กมาก แต่ก็สามารถอยู่ได้ เดี๋ยวจะมารีวิวเพิ่มเติมภายหลัง
7. Application ที่จำเป็นดังนี้
- การบินไทย สำหรับจัดการตั๋วเครื่องบินและเช็คอินออนไลน์
- สำหรับจองโรงแรม และใช้เช็คอินที่โรงแรม
- Klook สำหรับซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินแบบเหมาจ่าย และตั๋ว Keisei Sky Liner สำหรับเข้าเมือง
- Tokyo Metro เราใช้สำหรับดูแผนที่รถไฟใต้ดินว่าต้องขึ้นชานชาลาไหน
- Japan Official Travel ใช้สำหรับดูขบวนรถไฟ รอบเวลาและการต่อรถไฟ JR และ Shinkansen
- You Trip ใช้แลกเงินเยนเข้าในบัตร เพื่อรูดตามร้านค้าหรือกดจากตู้เอทีเอ็ม
- Card Reader สำหรับตรวจสอบยอดเงินคงเหลือใน IC Card ที่ใช้ สามารถแตะบัตรที่หลังโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบยอดได้ทันที (โทรศัพท์ต้องรองรับ NFC)
8. จอง JR Wide Pass 3 Day เราจองผ่านเว็บของ JR East โดยตรงเลย
https://www.eki-net.com/th/jreast-train-reservation/top/Index
ต้องมีการสมัครสมาชิกก่อน แล้วค่อยทำการจอง สามารถตัดผ่านบัตร You Trip ได้ จองได้หลายใบพร้อมกันเลย แต่ต้องกรอกรายละเอียดผู้เดินทางทุกคน หลังจากซื้อ JR Wide pass แล้ว เราสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าออนไลน์ในเว็บนี้ต่อได้เลย จองได้ ยกเลิกได้ และไปรับตั๋วที่ตู้อัตโนมัติตามสถานีใหญ่ๆได้เอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องพบเจ้าหน้าที่ใดๆเลย ส่วนวิธีการซื้อ JR Wide Pass ผ่านเว็บนั้น ขอข้ามไปเลยเพราะมีคนเคยเขียนไว้เยอะแล้ว ส่วนการรับตั๋วด้วยตัวเองจากตู้อัตโนมัติ อ่านต่อด้านล่าง
หมายเหตุ ถ้าซื้อ JR Wide Pass พร้อมกันหลายใบในการจองที่นั่งต้องจองพร้อมกันทั้งหมดทุกคนเลย สมมติ จอง 3 ใบ เวลาจะจองที่นั่งก็จองรวด3 คน ถ้าที่นั่งเหลือไม่ถึง 3 คนก็คือเต็ม จะจองไม่ได้เลย และตอนจองจะต้องใส่วันที่จะไปรับตั๋วด้วย ให้เลือกเป็นวันแรกที่จะเริ่มใช้งาน หรือเราเดาว่าเลือกก่อนวันนึงก็น่าจะได้ แล้วรับพร้อมกันทีเดียวทั้งหมดทั้ง JR Wide Pass และบัตรจองที่นั่ง
ข้อดี ของการใช้ Pass เดินทางที่เหมาะสมคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก สะดวก ในกรณีที่หลงทาง ลงผิดสถานี ก็ไม่ต้องกังวล สามารถขึ้นขบวนใหม่ได้เลยเพราะเหมาจ่ายไปแล้ว และมีส่วนลดสำหรับบางสถานที่ด้วย
วีธีการรับตั๋วผ่านตู้อัตโนมัติ เราเกือบไม่รอดกับขั้นตอนนี้ ขออภัยเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะเรากดมั่วๆ ใช้เวลาถึงสองวันกว่าจะกดออกมาได้ คร่าวๆดังนี้
8.1 ต้องกดที่ตู้ที่มีเครื่องแสกนพาสปอร์ตได้ เท่านั้น ซึ่งมีตู้อยู่ในทางเข้า Office JR สถานีอูเอโนะ และฝั่งตรงข้ามออฟฟิศ 4 ตู้ซ้ายสุด ตู้หน้าตาเหมือนในรูปนี้
8.3 กดปุ่มที่มีคำว่า Pick up อันนี้เราจำไม่ค่อยได้ว่าปุ่มเขียนแค่ Pick up หรือต่อด้วยอะไรอีกรึป่าว เอาเป็นว่าต้องหาคำว่า Pick up ให้เจอ
8.4 เสร็จแล้วจะมีปุ่ม อยู่ 4 ปุ่ม ให้เราเลือกว่าจองตั๋วมาจากที่ไหน เราเลือกปุ่มแรก JR East Reservation ปุ่มแรกบนสุด เพราะเราจองมาจากเว็บของ JR East โดยตรง
8.5 จากนั้นเครื่องจะให้เราแสกน Passport (ใช้ของคนที่เป็นคนจองคนเดียว) แล้วก็แสกน QR Code ที่ได้มา จากนั้นเครื่องจะแสดงรายการตั๋วที่เราจองมาทั้งหมด คือพอถึงตรงนี้เราไม่ได้อ่านเลย กด OK หรือ Next ไปเรื่อยๆจนจบเลย แล้วที่ช่องพิมพ์ตั๋วจะขึ้นตัวเลขตั๋วทั้งหมดที่จะพิมพ์ แล้วตั๋วก็ออกมาพร้อมกันหมดเลย ทั้ง ตั๋ว JR Wide Pass แล้วก็บัตรจองที่นั่ง และบัตรที่แสดง Term & Condition ด้วย ของทั้ง 3 คนออกมาพร้อมกันหมดมาเป็นปึก
8.6 อย่าทำหาย เก็บไว้ให้ดีตลอดช่วงของวันเดินทาง ถ้าทำหายซื้อใหม่เท่านั้น
8.7 บัตร JR Wide Pass ใช้สอดบัตรเข้าเครื่องกั้นอัตโนมัติตอนเข้าสถานีได้เลย ส่วนบัตรจองที่นั่งเก็บไว้เผื่อโดนตรวจแค่นั้น
8.8 เค้าท์เตอร์ JR ทีสถานีอูเอโนะเปิด 8.00 ปิด 17.00 น. ซึ่งเราออกเช้ากลับมึดไม่เคยทันเปิดซักที
9. ซื้อ Tokyo Subway 24 hr. จาก Klook สามารถใช้นั่ง Metro และ Toei Line ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวและระยะทาง มีให้เลือก 24 ,48, 72 ชั่วโมง ซื้อตอนไหนก็ได้ อยู่ญี่ปุ่นแล้วก็ซื้อได้ ซื้อผ่าน App แล้วจะได้ QR Code มา สามารถนำไป scan ที่ตู้ตามสถานีรถไฟใต้ดิน ทำตามขั้นตอนก็จะได้ตั๋วออกมาเลยจ้า
10. ซื้อ Keisei Sky Liner จากสนามบินไปอูเอโนะ และจากอูเอโนะกลับสนามบิน จองผ่าน Klook จะได้ QR Code มา สามารถนำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ที่เค้าท์เตอร์ Keisei ก็จะได้ตั๋วมาเลย ง่ายนิดเดียว
เพิ่มอีกนิด Klook มีแพ็คเก็จ Keisei skyliner ไปกลับ พ่วงบัตร Subway 24 hr. ซื้อแบบนี้ราคาถูกกว่าด้วย
Day 1 ลงเครื่องก็เย็นแล้ว ใช้ Keisei Skyliner เข้าโรงแรมที่อูเอโนะ หลังจากนั้นการเดินทางใช้บัตร IC Card จ่ายเป็นเที่ยวเอา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้