ปิยะศรวางกล่องบุกำมะหยี่สีแดงลงบนโต๊ะ อนาคตทางการงานจะเบ่งบานเช่นไร แต่ถ้าภายในตัวคือเถาไม้ที่ตายแล้ว ไม่มีวันผลิใบ ออกหน่อออกกิ่ง ตัวเขาก็คือผู้ชายที่พิการใจ
ช่อกุหลาบขาวนวลคือสิ่งที่แทนความยินดีจากผู้ให้มิใช่หรือ สำหรับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองผู้จัดการฝ่ายผลิตอนาคตของเขายังอีกยาวไกล มีโอกาสได้ไต่เต้าขึ้นไปได้สูงกว่านี้ เนื่องจากเขาเป็นผู้สอบผ่านการคัดเลือกไปอบรมที่ต่างประเทศมาแล้ว
หากทว่านับแต่นี้ต่อไปเขาคงต้องเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง ปราศจาก เธอ รสลิน หญิงผู้เคยเป็นที่รัก
ชายหนุ่มกล้ำกลืนความรู้สึกอย่างยากเย็น ก่อนเปิดการ์ดสีแดงที่แนบมากับช่อดอกไม้
“ก่อนอื่น รสขอแสดงความยินดีด้วยกับปิยะ ที่ผ่านหลักสูตรการอบรมมาจากอเมริกา ต่อไปนี้ปิยะคงถูกเลื่อนตำแหน่งไปอยู่โรงงานฝ่ายผลิต รสเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณในข้อนี้ เพราะทำงานในออฟฟิศมันเติบโตยากจริงๆ อยู่ฝ่ายโรงงานถึงต้องระหกระเหินไปมาหลายจังหวัดแต่มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า
รสไปเข้า class ภาษาอังกฤษมาระหว่างที่ที่ปิยะไปเข้าอบรมสี่เดือนที่อเมริกา คงมีใครที่รู้จักคุณได้พูดให้ระแคะระคายแล้ว แต่รสอยากให้คุณได้รับรู้จากปากรสเอง
ใช่ค่ะ รสได้รู้จักกับครูสอนภาษาอังกฤษที่ชื่อ เดเนียล เป็นชาวอเมริกันรารู้จักและพบปะกันไม่นานก็จริง แต่แล้วเขาก็ขอรสแต่งงาน เขาติดต่อทนายเดินเรื่องขอใบเขียวให้รสทันที
รสเสียใจที่ทำให้ปิยะผิดหวัง แต่รสมีแม่กับน้องชายต้องดูแล แล้วเงินเดือนที่รสได้รับมันก็แทบจะเดือนชนเดือน ไหนจะค่ารักษาแม่ ค่าเล่าเรียนน้องชาย และค่าผ่อนบ้านที่เราอยู่อีก
รสไม่เคยลืมที่ปิยะได้ยื่นมือมาช่วยหลายครั้งหลายครา แต่รสจะหน้าทนให้ปิยะมาช่วยทุกครั้งไม่ได้ คุณเองก็มีเรื่องผ่อนบ้านที่ต้องดูแล
เดเนียลกำลังจะหมดสัญญาการสอนที่โรงเรียนอีกไม่นาน แล้วเราทั้งคู่จะเดินทางไปอเมริกา รสขอไม่บอกนะค่ะว่าวันไหน รสไม่อยากให้ปิยะมารับรู้และไม่สบายใจ
แต่มีอย่างหนึ่งคือปิยะ คนดีๆอย่างคุณไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังกับผู้หญิงอาภัพอย่างรสอีกแล้ว ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานและดูแลพ่อแม่คุณให้ดี
ใบเขียวจะเป็นประตูไปอนาคตของรส รสจะหางานทำที่นั้น ส่งเงินมาให้แม่กับน้อง และเมื่อรสสอบ Citizenship ได้ รสจะทำเรื่องให้แม่กับน้องชายมาอยู่ด้วย
สุดท้ายนี้ รสของอวยพรให้ปิยะสุขสมหวัง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต
ฉันยังรักคุณเสมอ ปิยะ จากรสลิน
ปิยะพับการ์ดนั้นลง หย่อนลงบนโต๊ะอย่างอ่อนแรงข้างๆกับช่อดอกไม้ที่มาด้วยกัน โชคดีที่เป็นเวลาเลิกงานได้พักใหญ่ๆแล้ว มิแน่นั้นคงยากที่มีกะจิตกะใจจะทำงานจนลุล่วงเป็นแน่
ภูวนาทเดินออกมาจากห้องผู้จัดการ เขาไม่แปลกใจเลยที่เห็นลูกน้องชั้นดีคนนี้ยังอยู่ ปิยะพรอยู่ล่วงเวลางานเสมอ แม้เขาจะกินเงินเดือนไม่ได้กินรายชั่วโมง ขณะจะกล่าวชมเชยสักคำสองคำเพื่อให้กำลังใจ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นของบนโต๊ะเข้า
ผู้จัดการโรงงานรู้สาเหตุความผิดหวังของลูกน้องคนสนิทดี เพราะบรรดาพนักงานปากเสียแกมอิจฉาที่ปิยะศรได้เลื่อนขั้น ลือเรื่องเขากับอดีตพนักงานฝ่ายบัญชีให้กระฉ่อนไปหมด
ไอ้การที่จะพูดออกมาว่า ผมรู้เรื่องของคุณแล้วเพราะฟังจากคนที่นินทาเอามาเล่า ไม่ใช่วิสัยของคนที่มีวุฒิภาวะเป็นถึงหัวหน้าคนอย่างเขาแน่นอน
เขาจึงตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมาอย่างคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร
“ไงกัน ปิยะ เลิกงานแล้วอย่าทำหน้าเครียดอยู่เลย ออกไปกินเบียร์เย็นๆกับ
แกล้มอร่อยๆที่ร้านริมน้ำดีกว่าน่า ผมเลี้ยงคุณเอง ห้ามปฏิเสธนะ ผมใช้งานคุณเกินหน้าที่แล้วให้ผมได้ตอบแทนบ้างเถอะ”
จะด้วยความเกรงใจหรือจิตใจที่ซังกะตายก็ตาม ในที่สุดชายหนุ่มก็ตกลงด้วย
เสียงแบบไม่มีชีวิตชีวา
“ขอบคุณครับ ผู้จัดการ ขอผมเก็บของสักครู่”
แล้วเขาก็หันไปแตะช่อดอกไม้ที่วางไว้ กำลังสองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไรดี จะทิ้งก็เสียดาย จะวางไว้เฉยๆก็ใช่ที่
ภูวนาทเห็นดังนั้นจึงกระแอมพลางพูดขึ้น
“วางไว้นั่นแหละ เดี๋ยวผมสั่งให้แม่บ้านคนใหม่มาจัดการให้เอง หรือคุณจะถือช่อดอกไม้เดินไปขึ้นรถกับผมก็ตามใจถ้าไม่กลัวพวกคนงานมันเอาไปลือผิดๆว่าผมกับคุณมีนัดเดทกัน”
“ครับ” ปิยะสรรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเหือดแห้ง พลางเดินตามหัวหน้าออกไปอย่างว่าง่าย ทิ้งช่อดอกไม้กับการ์ดไว้บนโต๊ะ รวมถึงสร้อยคอในกล่องกำมะหยี่ที่เขาลืมนึกถึงไปเสียสนิท
“มื้อเช้า มื้อกลางวันพรุ่งนี้คุณไม่ต้องไปโรงอาหารแล้วนะ ปิยะ” หัวหน้าเขาบอกระหว่างทางขับรถไปยังร้านอาหาร
“ฝ่ายบริหารเขาจ้างแม่ครัวกับแม่บ้านมาโดยเฉพาะ เพื่อทำอาหารให้คุณกับผมและหัวหน้าแผนกกิน โดยที่เราจะไม่ต้องเสียเวลาไปกินที่อื่น จริงแล้วก็เพื่อความสะดวกของพวกเรานั่นแหละ แต่ระหว่างคุณกับผมสองคนนะ อย่าไปพูดกับใคร เขาทำระบบอย่างนี้เพื่อป้องกันระดับหัวหน้าที่กินเงินเดือนไม่ต้องตอกบัตรเข้าออกมากกว่า กลัวว่าจะออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วเถลไถลเข้างานช้า”
“ครับ” ถึงแม้สมองจะว่างเปล่า แต่ปิยะสรก็ทำความเข้าใจกับคำพูดหัวหน้า ไม่ใช่สักแต่รับคำไปผ่านๆ
หารู้ไม่ว่าวันของพรุ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ถึงฟ้าจะกั้น โดย Furryjit
ช่อกุหลาบขาวนวลคือสิ่งที่แทนความยินดีจากผู้ให้มิใช่หรือ สำหรับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองผู้จัดการฝ่ายผลิตอนาคตของเขายังอีกยาวไกล มีโอกาสได้ไต่เต้าขึ้นไปได้สูงกว่านี้ เนื่องจากเขาเป็นผู้สอบผ่านการคัดเลือกไปอบรมที่ต่างประเทศมาแล้ว
หากทว่านับแต่นี้ต่อไปเขาคงต้องเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง ปราศจาก เธอ รสลิน หญิงผู้เคยเป็นที่รัก
ชายหนุ่มกล้ำกลืนความรู้สึกอย่างยากเย็น ก่อนเปิดการ์ดสีแดงที่แนบมากับช่อดอกไม้
“ก่อนอื่น รสขอแสดงความยินดีด้วยกับปิยะ ที่ผ่านหลักสูตรการอบรมมาจากอเมริกา ต่อไปนี้ปิยะคงถูกเลื่อนตำแหน่งไปอยู่โรงงานฝ่ายผลิต รสเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณในข้อนี้ เพราะทำงานในออฟฟิศมันเติบโตยากจริงๆ อยู่ฝ่ายโรงงานถึงต้องระหกระเหินไปมาหลายจังหวัดแต่มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า
รสไปเข้า class ภาษาอังกฤษมาระหว่างที่ที่ปิยะไปเข้าอบรมสี่เดือนที่อเมริกา คงมีใครที่รู้จักคุณได้พูดให้ระแคะระคายแล้ว แต่รสอยากให้คุณได้รับรู้จากปากรสเอง
ใช่ค่ะ รสได้รู้จักกับครูสอนภาษาอังกฤษที่ชื่อ เดเนียล เป็นชาวอเมริกันรารู้จักและพบปะกันไม่นานก็จริง แต่แล้วเขาก็ขอรสแต่งงาน เขาติดต่อทนายเดินเรื่องขอใบเขียวให้รสทันที
รสเสียใจที่ทำให้ปิยะผิดหวัง แต่รสมีแม่กับน้องชายต้องดูแล แล้วเงินเดือนที่รสได้รับมันก็แทบจะเดือนชนเดือน ไหนจะค่ารักษาแม่ ค่าเล่าเรียนน้องชาย และค่าผ่อนบ้านที่เราอยู่อีก
รสไม่เคยลืมที่ปิยะได้ยื่นมือมาช่วยหลายครั้งหลายครา แต่รสจะหน้าทนให้ปิยะมาช่วยทุกครั้งไม่ได้ คุณเองก็มีเรื่องผ่อนบ้านที่ต้องดูแล
เดเนียลกำลังจะหมดสัญญาการสอนที่โรงเรียนอีกไม่นาน แล้วเราทั้งคู่จะเดินทางไปอเมริกา รสขอไม่บอกนะค่ะว่าวันไหน รสไม่อยากให้ปิยะมารับรู้และไม่สบายใจ
แต่มีอย่างหนึ่งคือปิยะ คนดีๆอย่างคุณไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังกับผู้หญิงอาภัพอย่างรสอีกแล้ว ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานและดูแลพ่อแม่คุณให้ดี
ใบเขียวจะเป็นประตูไปอนาคตของรส รสจะหางานทำที่นั้น ส่งเงินมาให้แม่กับน้อง และเมื่อรสสอบ Citizenship ได้ รสจะทำเรื่องให้แม่กับน้องชายมาอยู่ด้วย
สุดท้ายนี้ รสของอวยพรให้ปิยะสุขสมหวัง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต
ฉันยังรักคุณเสมอ ปิยะ จากรสลิน
ปิยะพับการ์ดนั้นลง หย่อนลงบนโต๊ะอย่างอ่อนแรงข้างๆกับช่อดอกไม้ที่มาด้วยกัน โชคดีที่เป็นเวลาเลิกงานได้พักใหญ่ๆแล้ว มิแน่นั้นคงยากที่มีกะจิตกะใจจะทำงานจนลุล่วงเป็นแน่
ภูวนาทเดินออกมาจากห้องผู้จัดการ เขาไม่แปลกใจเลยที่เห็นลูกน้องชั้นดีคนนี้ยังอยู่ ปิยะพรอยู่ล่วงเวลางานเสมอ แม้เขาจะกินเงินเดือนไม่ได้กินรายชั่วโมง ขณะจะกล่าวชมเชยสักคำสองคำเพื่อให้กำลังใจ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นของบนโต๊ะเข้า
ผู้จัดการโรงงานรู้สาเหตุความผิดหวังของลูกน้องคนสนิทดี เพราะบรรดาพนักงานปากเสียแกมอิจฉาที่ปิยะศรได้เลื่อนขั้น ลือเรื่องเขากับอดีตพนักงานฝ่ายบัญชีให้กระฉ่อนไปหมด
ไอ้การที่จะพูดออกมาว่า ผมรู้เรื่องของคุณแล้วเพราะฟังจากคนที่นินทาเอามาเล่า ไม่ใช่วิสัยของคนที่มีวุฒิภาวะเป็นถึงหัวหน้าคนอย่างเขาแน่นอน
เขาจึงตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมาอย่างคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร
“ไงกัน ปิยะ เลิกงานแล้วอย่าทำหน้าเครียดอยู่เลย ออกไปกินเบียร์เย็นๆกับ
แกล้มอร่อยๆที่ร้านริมน้ำดีกว่าน่า ผมเลี้ยงคุณเอง ห้ามปฏิเสธนะ ผมใช้งานคุณเกินหน้าที่แล้วให้ผมได้ตอบแทนบ้างเถอะ”
จะด้วยความเกรงใจหรือจิตใจที่ซังกะตายก็ตาม ในที่สุดชายหนุ่มก็ตกลงด้วย
เสียงแบบไม่มีชีวิตชีวา
“ขอบคุณครับ ผู้จัดการ ขอผมเก็บของสักครู่”
แล้วเขาก็หันไปแตะช่อดอกไม้ที่วางไว้ กำลังสองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไรดี จะทิ้งก็เสียดาย จะวางไว้เฉยๆก็ใช่ที่
ภูวนาทเห็นดังนั้นจึงกระแอมพลางพูดขึ้น
“วางไว้นั่นแหละ เดี๋ยวผมสั่งให้แม่บ้านคนใหม่มาจัดการให้เอง หรือคุณจะถือช่อดอกไม้เดินไปขึ้นรถกับผมก็ตามใจถ้าไม่กลัวพวกคนงานมันเอาไปลือผิดๆว่าผมกับคุณมีนัดเดทกัน”
“ครับ” ปิยะสรรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเหือดแห้ง พลางเดินตามหัวหน้าออกไปอย่างว่าง่าย ทิ้งช่อดอกไม้กับการ์ดไว้บนโต๊ะ รวมถึงสร้อยคอในกล่องกำมะหยี่ที่เขาลืมนึกถึงไปเสียสนิท
“มื้อเช้า มื้อกลางวันพรุ่งนี้คุณไม่ต้องไปโรงอาหารแล้วนะ ปิยะ” หัวหน้าเขาบอกระหว่างทางขับรถไปยังร้านอาหาร
“ฝ่ายบริหารเขาจ้างแม่ครัวกับแม่บ้านมาโดยเฉพาะ เพื่อทำอาหารให้คุณกับผมและหัวหน้าแผนกกิน โดยที่เราจะไม่ต้องเสียเวลาไปกินที่อื่น จริงแล้วก็เพื่อความสะดวกของพวกเรานั่นแหละ แต่ระหว่างคุณกับผมสองคนนะ อย่าไปพูดกับใคร เขาทำระบบอย่างนี้เพื่อป้องกันระดับหัวหน้าที่กินเงินเดือนไม่ต้องตอกบัตรเข้าออกมากกว่า กลัวว่าจะออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วเถลไถลเข้างานช้า”
“ครับ” ถึงแม้สมองจะว่างเปล่า แต่ปิยะสรก็ทำความเข้าใจกับคำพูดหัวหน้า ไม่ใช่สักแต่รับคำไปผ่านๆ
หารู้ไม่ว่าวันของพรุ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล