JJNY : ‘ฐปณีย์’ ไม่พัก!│‘ทนายรัชพล’ แจ้งความ ‘คิมห์-เรืองไกร’│‘อสังหาฯ’หวังไอทีวีไม่สะท้าน│รัสเซียถล่มอพาร์ตเมนต์ยูเครน

‘ฐปณีย์’ ไม่พัก! ลุยสืบเพิ่มปมไอทีวี ‘มีเรื่องต้องตามอีกเยอะ’ เผย สายแปลกๆ โทรหาอื้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4026411
 
 
แยม ฐปณีย์ เดินหน้าสืบข่าวไอทีวีต่อ เผยสายแปลกโทรหาเพียบ แต่ไม่ได้รับ ยกย่องแหล่งข่าวให้คลิปกล้าหาญ อุบตอบคือใคร?
 
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย หรือ แยม ผู้สื่อข่าวจากข่าว 3 มิติ ให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ว่าตั้งแต่วันที่ข่าวเรื่องการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี (itv) ออกไป โดยข่าว 3 มิตินำเสนอว่าในที่ประชุมระบุว่าไอทีวีไม่ได้ทำงานด้านสื่อจนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมอย่างหนักนั้น ส่วนของตนแล้วมีคนโทรศัพท์เข้ามาหามากมายหลายสิบสาย แต่ตนไม่รับเบอร์แปลก สายแปลก จะคุยเฉพาะเพื่อนที่คุ้นเคย สนิทสนมกันเท่านั้น

สำหรับชีวิตส่วนตัวอื่นๆ ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าใจดี ไม่ว่าจะเป็น คุณกิตติ สิงหาปัด คุณจตุรงค์ สุขเอียด และ คุณอลงกรณ์ เหมือนดาว ที่เห็นขั้นตอนการทำงานทั้งหมดและรู้ดีว่าการทำข่าวครั้งนี้และทุกๆ ครั้งไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น แต่เป็นการทำข่าวเพื่อสืบเสาะหาความจริงมานำเสนอประชาชน ส่วนความคิดเห็นที่ออกมาต่างๆ นานาถือเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคน” น.ส.ฐปณีย์กล่าว
 
เมื่อถามว่าบอกได้หรือไม่ว่านำคลิปที่ประชุมผู้ถือหุ้นมาจากไหน น.ส.ฐปณีย์กล่าวว่า เป็นแหล่งข่าวที่ให้มา บอกได้มากที่สุดเท่านี้ เพราะต้องเซฟแหล่งข่าวคนที่ให้ตัวคลิปมาด้วย ถือเป็นความกล้าหาญของแหล่งข่าวคนดังกล่าวมากที่ให้คลิปชิ้นนี้มา
 
เมื่อถามอีกว่าตั้งแต่วันนั้นได้คุยกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือสมาชิกคนอื่นๆ ในพรรคบ้างหรือไม่ น.ส.ฐปณีย์กล่าวว่า ตัวเองไม่ได้คุยกับใครเลย เพราะเมื่อวานทำข่าวอยู่ที่ จ.ปัตตานี จนวันนี้ก็ยังไม่ได้คุย แต่สำหรับความต่อเนื่องของข่าว ทีมงาน น้องๆ ในช่องก็ทำหน้าที่ ทำข่าวต่อไปตามปกติ
 
เมื่อถามอีกว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ น.ส.ฐปณีย์กล่าวว่า ส่งผลอย่างเดียวคือไม่ได้ทำงานอื่นๆ ต้องมาอธิบายและตอบคำถามเพื่อนๆ เรื่องเครียด หรือท้อแท้ไม่มีเลย เพราะเข้าใจในสถานการณ์ทุกอย่างดี และยืนยันว่าจะตามเรื่องนี้ต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมานำเสนอ
 
มีเรื่องที่ต้องตามอีกมาก มีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในมือตอนนี้ก็ต้องไปไล่ตรวจสอบและสืบค้นเพิ่มเติม ก่อนจะนำมาเสนออีก ขอบคุณทุกกำลังใจ” น.ส.ฐปณีย์กล่าว
 


‘ทนายรัชพล’ มาแล้ว แจ้งความ ‘คิมห์-เรืองไกร’ เอกสารประชุมผู้ถือหุ้น itv เข้าข่ายปลอมแปลง?
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4026327

ทนายรัชพล แจ้งความ ‘คิมห์-เรืองไกร’ สน.ทุ่งสองห้อง ปมเอกสาร itv เข้าข่ายแจ้งความเท็จ ปลอมแปลงเอกสาร
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.อนุชิต ชาติชูเหลี่ยม สว.(สอบสวน)  สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับ นายคิมห์ สิริทวีชัย และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรณีบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นขัดแย้งกับคลิปวิดีโอ เข้าข่ายเรื่องแจ้งความเท็จ ปลอมเอกสาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบหากพบว่ากระทำผิดจริงขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
 
นายรัชพลกล่าวว่า ในเรื่องนี้มีคนจำนวนมากกล่าวถึงว่าเป็นการกระทำผิดในเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร และความผิดอีกหลายมาตราจนเป็นข่าวอยู่ตามหน้าสื่อต่างๆ แต่ยังไม่มีผู้ใดเข้าดำเนินการแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง ในฐานะประชาชนคนหนึ่งจึงขอเป็นตัวแทนเข้าแจ้งความกล่าวโทษเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี
 
นายรัชพลกล่าวว่า ตนพบความผิดปกติอยู่ 3 ประการ 
ประการแรกคือ คลิปภาพกับเอกสารมีข้อความบางส่วนไม่ตรงกัน 
ประการที่ 2 ตามที่เพจของ คุณจตุรงค์ สุขเอียด มีการระบุว่า คลิปดังกล่าวได้มีการลบไฟล์ทิ้ง แต่จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง 
และ 3 คือนายคิมห์ได้ออกหนังสือให้ทำการตรวจสอบ แต่จริงๆ แล้วตัวนายคิมห์ต้องเป็นผู้ออกมาชี้แจง เพราะนายคิมห์เป็นประธานในที่ประชุม และเอกสารก็เป็นคนเซ็นเอง ซึ่งในส่วนนี้มองว่าน่าจะเป็นการถ่วงเวลา โดยออกเอกสารเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและไม่ได้ระบุเวลาว่าเรื่องราวดังกล่าวจะตรวจสอบเสร็จเมื่อไหร่
 
นายรัชพลกล่าวอีกว่า ส่วนนายเรืองไกรจะพูดอะไรก็ได้ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้เป็นคนยื่นเอกสารการประชุมให้แก่ กกต. แต่ในความเป็นจริงก็ไม่มีใครรู้ว่ายื่นหรือไม่ เพราะเอกสารอยู่ที่ กกต. ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเรียกเอกสารมาตรวจสอบได้ หากมีการยื่นจริงและพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ยื่นเอกสารอันเป็นเท็จก็สามารถดำเนินคดีได้ ในส่วนนี้เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนต่อไปว่าเข้าข่ายกระทำการกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนที่บางคนอาจมองว่าเป็นกระบวนการกลั่นแกล้ง เท่าที่ดูพยานหลักฐานในตอนนี้มันอาจจะยังไปไม่ถึง
 
นายรัชพลกล่าวด้วยว่า ที่นายเรืองไกรบอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้ไปยื่นเอกสารบันทึกให้กับ กกต. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่ายื่นหรือไม่ยื่น อยากให้ตำรวจตรวจสอบว่ายื่นจริงหรือไม่ หากมีการยื่นจริงมองว่าเป็นเจตนากลั่นแกล้งให้คนอื่นได้รับโทษหรือไม่ อยากให้ตำรวจตรวจสอบเช่นกัน
 
ความผิดที่มาแจ้งความในวันนี้ว่าเป็นการแจ้งความเท็จเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหรือไม่ และอยากให้ตำรวจไปตรวจสอบว่าเอกสารบันทึกการประชุมเป็นเท็จหรือไม่ และเข้าข่ายความผิดผู้ที่ทำเอกสารปลอมจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายรัชพลระบุ
 
นายรัชพลกล่าวต่อว่า การนำกฎหมายมาใช้กลั่นแกล้งกัน หรือที่การพูดถึงคำว่า “นิติสงคราม” มองว่าตัวกฎหมายมันก็อยู่ของมัน แต่คนที่ทำผิดต่างหากคือคนที่มีจิตใจสกปรกมากกว่า และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ทุกคนก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่กฎหมายก็ยังคงอยู่แบบนี้ ใครที่ทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย
 
นายรัชพลระบุว่า หลังจากนี้หากนายคิมห์ หรือนายเรืองไกรจะฟ้องกลับตนก็ไม่กลัว เพราะเป็นสิทธิของพลเมืองที่พบเห็นสิ่งผิดปกติและอยากให้มีการตรวจสอบ ส่วนที่ไม่ไปยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ มองว่าเป็นการทำงานที่ล่าช้า เพราะหาก กกต.ตรวจสอบพบความผิดก็ต้องมาแจ้งความที่ สน.เช่นกัน
 

 
‘อสังหาฯ’ หวังพิษหุ้นไอทีวีไม่สะท้าน รบ.พิธา เห็นด้วยขึ้นค่าแรง-ค่อยเป็นค่อยไป ชี้ศก.ยังเปราะบาง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4026437

‘อสังหาฯ’ หวังพิษหุ้นไอทีวีไม่สะท้าน ‘รัฐบาลพิธา’ เห็นด้วยขึ้นค่าแรง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ชี้ ศก.ยังเปราะบาง
 
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า

ไม่ว่าผลการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะออกมาอย่างไร ในมุมของภาคเอกชนถ้าผิดก็ว่าไปตามข้อกฎหมาย แต่ถ้าไม่ผิดก็เร่งให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว และให้ทั้ง 8 พรรคทำนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อที่เอกชนจะได้เดินหน้าลงทุน โดยคาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ไม่เกิดการชุมนุมหรือความขัดแย้งที่รุนแรง
 
การที่ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวนในปัจจุบันเพราะความไม่แน่นอน ซึ่งทุกนโยบายเชื่อว่ามีทั้งส่งผลดีและผลกระทบต่อภาคธุรกิจ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท มีผลดีต่อแรงงาน แต่มีผลกระทบต่อธุรกิจ ตรงนี้ก็ต้องชัดเจนเช่นกัน” นายอิสระกล่าว
 
นายอิสระกล่าวว่า สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่ผลประกอบการชะลอตัว 10-20% สะท้อนว่าตลาดได้รับผลกระทบจากการที่ยกเลิกการผ่อนปรนมาตรการ LTV การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะหนี้ครังเรือนที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง เมื่อเทียบกับปี 2565 แม้จะมีโควิดแต่เพราะยังมีมาตรการต่างๆ ทำให้ตลาดโดยรวมไม่ชะลอตัวมาก
 
ตอนนี้ปัญหาของผู้ประกอบการคือ ยอดปฏิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท หรือคนมีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนลงมา อย่างของกานดาเจออยู่ประมาณ 30% มีหลายสาเหตุ เช่น ลูกค้าเปลี่ยนใจไปดูโครงการอื่น หรือแบงก์ไม่ปล่อยกู้ เพราะความสามารถในการผ่อนไม่ถึงจากภาระหนี้ต่างๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต รถยนต์ เป็นต้น” นายอิสระกล่าว
 
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อยากให้มีการเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว และอัดฉีดเม็ดเงินการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากปัจจุบันเกิดสภาวะอึมครึม เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งมองว่าจะกลับมาในทันทีหากมีการจัดตั้งรัฐบาล
 
ตอนนี้ยังลุ้นและกังวลอยู่ว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นได้เร็วหรือไม่ หากตั้งได้เร็วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องค่าแรง 450 บาท เห็นด้วยที่จะปรับขึ้น แต่ขอให้รอจังหวะและทยอยขึ้น ควบคู่กับพัฒนาฝีมือแรงงาน และต้องดูประเทศที่อยู่รอบๆ เราด้วย เพราะจะกระทบการแข่งขัน ขีดความสามารถของประเทศ เพราะถ้าขึ้นทันทีมีผลกระทบมากต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ขณะที่ต่างชาติอาจจะย้ายฐานการผลิตก็ได้ และคนที่ได้ประโยชน์คือแรงงานต่างด้าว ผมกังวลค่าแรงมากกว่าค่าไฟ เพราะค่าแรงคิดเป็น 30% ของงานก่อสร้าง ถ้าขึ้น 450 บาท จะกระทบต้นทุนบ้านเพิ่มขึ้นประมาณ 10%” นายปิยะกล่าว
 
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขอให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้โดยเร็ว อย่าให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและให้เศรษฐกิจเดินหน้า
 
ผมเห็นด้วยนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะเศรษฐกิจยังเปราะบาง และคนที่จะได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคือแรงงานต่างด้าว ต้องปรับขึ้นเฉพาะแรงงานที่มีฝีมือ อย่าสาดไปทั้งหมด ซึ่งระหว่างค่าแรงกับค่าไฟ ผมห่วงค่าแรงมากกว่า เพราะเป็นต้นทุนของทุกธุรกิจ จะส่งผลกระทบมากกว่าค่าไฟเยอะ โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างที่ใช้แรงงานมาก” นายประเสริฐกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่