จนขั้นสุด ป่วยหนักไร้เงินหาหมอ สิ้นใจข้างบ้าน แม่กลับมาช็อก ร่ำไห้มีแค่ 7 บาท จะเอาจากไหนทำศพ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7707390
จนขั้นสุด หนุ่มป่วยหนักไร้เงินหาหมอ ก่อนสิ้นใจข้างบ้าน แม่กลับมาช็อก ร่ำไห้มีเงินแค่ 7 บาท จะเอาจากไหนทำศพ ถูกตัดไฟมา 10 ปี ตร.ช่วยออกเงินทำศพให้
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.66 พ.ต.ท.
อภิรัฐ ทองฉิม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองจ.นครสรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิตที่บ้านพัก พื้นที่หมู่ 1 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจอบพร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นาย
ประเสริฐ คงตุ้ง อายุ 45 ปี อยู่บ้านหลังดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ข้างบ่อน้ำใต้ต้นมังคุดข้างบ้าน สภาพศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ โดยมี นาง
สาคร คงตุ้ง อายุ 65 ปี ผู้เป็นแม่ นั่งร่ำให้เสียใจอย่างน่าเวทนา
นาง
สาคร ให้การว่า ลูกชายป่วยเรื้อรังจากวัณโรค ได้ออกมาจากบ้าน เข้าใจว่ามาอาบน้ำที่บ่อน้ำ แล้วหายเงียบไปนาน ซึ่งอาจเกิดลื่นล้มศีรษะฟาดกับขอบบ่อที่เป็นคอนกรีต เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งเมื่อตนกลับมาจากบ้านญาติจึงได้พบศพลูกชายดังกล่าว
นาง
สาคร กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับลูกชายเพียง 2 คน ขณะที่ลูกชายอยู่ในสภาพป่วยหนัก ไม่ยอมไปหาหมอรักษา เพราะเกรงว่าจะต้องนอน รพ.กลัวแม่จะลำบาก จนร่างกายป่วยทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงจนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ก่อนมาเจอลูกเสียชีวิตมีเงินอยู่เพียง 37 บาท และได้ไปซื้อของกินให้ลูก 30 บาท เหลือเงินเพียง 7 บาท จึงไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจัดงานศพลูก
ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าบ้านของสองแม่ลูก อยู่ในสภาพแร้นแค้นเป็นอย่างมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากถูกตัดกระแสไฟ ยกมิเตอร์จากเสาไฟฟ้าออกไปนานนับ 10 ปี เพราะไม่มีเงินชำระค่าไฟ ในครัวทำอาหารใช้เตาไม้ฟืนที่หาได้จากบริเวณใกล้บ้านมาเป็นเชื้อเพลิง ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องอาหารสดในบางครั้ง สร้างความหดหู่แก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งงานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม และพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันควักกระเป๋าสมทบเงินสดให้ นาง
สาคร จำนวนหนึ่งเพื่อไปจัดการศพลูกชาย ขณะที่นางสาคร บอกว่า ลูกสั่งไว้ว่าถ้าตายไปให้เอาศพไปเผาเลยไม่ต้องจัดงาน เนื่องจากไม่มีเงิน ซึ่งเจ้าหน้าได้ให้กำลังและขอให้ทำบุญวาระสุดท้ายตามประเพณีสัก 1-2 วันก็ยังดี ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยประสานงานขอหีบศพมาช่วยสงเคราะห์บรรจุศพ นางสาคร ด้วย
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707285
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้ ลั่น! ‘วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์’
กำลังเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมาก สำหรับประเด็นเดือดที่ ‘อินเทิร์น’ หรือ ‘แพทย์ใช้ทุน’ ลาออกจากระบบกันจำนวนมาก ล่าสุด ก็มีผู้ใช้บัญชี Facebook รายหนึ่ง ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์ตอนเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ที่ต้องไปออกชุมชนตอนปี 6
โดยเธอเล่าว่า ระบบอาวุโสของวงการนี้ เริ่มเห็นชัดเจนในช่วงขึ้นคลินิก (ปี4) โดยจะต้องทำตัวเองให้ลีบเล็กต่ำกว่าเสมอ ความเป็นผู้น้อย ‘
ต้อง’ อ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินพอดี ทั้งหมดนี้สรุปได้ด้วยคำว่า ‘
อยู่เป็น’ ซึ่งเธอนั้นอึดอัดมาก จึงตัดสินใจจ่ายเงินใช้ทุน ด้วยกำลังทรัพย์จากทางครอบครัว
ทั้งนี้เธอเผยเหตุผลที่ตัดสินใจไม่ไปใช้ทุนนั้น มาจากการไปออกชุมชนตอนปี 6 โดยเธอได้ เจอกับหัวหน้าแผนกที่ ‘
คลั่ง’ ระบบอาวุโสมาก เช่น “
ก็เพราะฉันพูดแบบนี้ ต้องทำแบบนี้” หรือ “
ก็เขาทำแบบนี้กันมาตลอด” รวมไปถึงการมาหาถึงที่บ้านพักเพื่อ ‘
สั่งสอน’ นอกเวลาจนดึก หรือการไม่ให้ลงจากรถ ให้นั่งเบียดกันทั้งกลุ่มเพื่อ ฟัง ‘
อบรม’ เป็นชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมี การห้ามขับรถ ทั้งที่อายุ 23-24 แล้ว และโรงพยาบาลอยู่ห่างจากชุมชนมาก ต้องขอติดท้ายรถกระบะเพื่อเข้าเมืองไปหาอะไรกิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของ สภาพบ้านพักในโรงพยาบาล ซึ่งสภาพบ้านที่เธอได้นั้นค่อนข้างดีแล้ว หากเทียบกับเพื่อนที่ไปที่อื่น
โดยเธอเล่ารายละเอียดบ้านว่า เป็นบ้านสองชั้น มีฟูก 3.5 ฟุต วางพื้น 3 อัน อันนึงขึ้นราดำทั้งแผ่นและตรงกลางแบนเป็นแอ่ง ต้องใช้ฟูก 2 อัน แบ่งกันนอน 5 คน ขยับไม่ได้นอนขดติดกันเป็นปลาทูในเข่ง ส่วนห้องที่มีฐานเตียง กำแพงมีรูกว้างนกบินเข้าออกสบาย และเชื้อราขึ้นรอบรู จึงตัดสินใจใช้ห้องที่ไม่มีฐานเตียงและเอาฟูกวางพื้นแทน
การจะขอฟูกใหม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีผ้าปูให้ แถมเพื่อนที่ย้ายไปนอนคืนแรกๆ ก็สีฟูกตกใส่ ขาเป็นสีน้ำเงินไปหลายวัน สุดท้ายต้องเอาผ้าห่มบางๆที่เหลือมาวางปูแทน
โดยนี่เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เธอแชร์ประสบการณ์ และเธอยังวิจารณ์กระแสในโลกโซเชียลที่มีหมอบางคนออกมาพูดในแนวว่า ‘
ตัวเองยังผ่านมาได้ เด็กสมัยนี้ไม่อดทน รวมถึงคนไข้ที่ว่าหมอที่ไม่ทนในระบบแบบนี้ว่าไม่มีจรรยาบรรณ ไม่เสียสละ’
เธอเสริมว่า “
วันนี้กระแสสังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณต้องปรับตัว หรือไม่ก็รอวันหายไปตามกระแสเวลา คุณคิดว่าต้องอดทนต้องเสียสละ เราถามว่าทำไมต้องเสียสละแบบนี้ หมอไม่ได้พักเต็มที่ ไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ผลเสียก็ตกกับคนไข้ กับเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง”
“
แทนที่คุณจะช่วยผลักดันให้วงการบ้านเราดีขึ้น คุณกับหวังให้มันอยู่ที่เดิม ด้วยเหตุผลว่า เพราะมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว”
ก่อนจะทิ้งประโยคสุดเดือดว่า “
วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์” ด้านชาวเน็ตเข้ามากดถูกใจ กดแชร์ และคอมเมนต์แสดงความเห็นกันสนั่น วิพากษ์วิจารณ์วงการแพทย์กันยับ
ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ต :
• “สภาพห้อง สภาพแวดล้อมในการทำงานคือไม่ได้เลย”
• “เพิ่งเคยเห็นสภาพความเป็นอยู่ โหดมากๆ ความรู้ใหม่เลย อ่านจนจบตกใจมาก”
• “วงการครูก็เป็นค่ะ มันเป็นวัฒนธรรมองค์กรของประเทศไทยจริงๆ”
• “สงสารคนที่เข้าไปแล้วแต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ดูแล้วคงยากจริงๆบ้านเรา”
เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ชู 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707099
เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะ ถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ยก 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ ทั้งด้านต่างประเทศ การเข้าถึงแหล่งทุน เกษตร พลังงาน ท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ในฐานะกรรมการ เลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค นำโดย นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ นาย
พันศักดิ์ วิญญรัตน์ นาย
ศุภวุฒิ สายเชื้อ นาย
ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาและกรรมการด้านเศรษฐกิจ
โดยที่ประชุมหารือเพื่อเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหารือแนวทางสร้างรายได้ให้กับประเทศในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1. ด้านการต่างประเทศ ที่ประชุมพิจารณาการสร้างความเชื่อมั่นและบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก การอำนวยความสะดวกด้านการศุลกากรแบบไร้รอยต่อ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็นไทย-EU ไทย-EFTA ไทย-GCC ไทย-UK และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และการรับมือนโยบายเน้นการบริโภคภายในของประเทศจีน การหาตลาดใหม่ในประเทศที่มีประชากรมาก แต่ปริมาณการค้ากับไทยยังน้อย เช่น ไนจีเรีย และความท้าทายภาคธุรกิจไทยและโอกาสใน BIMSTEC
2. ด้านภาวะหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุน ที่ประชุมหารือ 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน คือ 1) การขาดหลักประกันที่ตรงกับความต้องการของสถาบันการเงิน 2) การมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี และ 3) แนวทางประกอบธุรกิจไม่ตอบโจทย์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียของภาคเอกชนที่เป็นระเบิดเวลาที่จะเป็นปัญหาในระยะถัดไป
3. ด้านการเกษตร ที่ประชุมหารือแนวทางปฏิบัติต่อเนื่องจากแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลาดนำการผลิต การเพิ่มผลิตภาพของภาคการเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน การปรับพื้นที่เพาะปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนเงื่อนไขการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชนจากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม
4. ด้านพลังงาน ที่ประชุมหารือการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเรื่องราคาพลังงาน โดยการขยายเวลายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาพลังงานในระยะกลาง-ยาว โดยยึดหลักความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
5. ด้านการท่องเที่ยว ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงผ่านวีซ่าแบบเดินทางเข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบพักพิงระยะยาว ผู้สูงอายุ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ รวมถึงการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว
‘เสรีพิศุทธ์’ ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? สมาคมของ ‘ศรีสุวรรณ’ ถูกสั่งยุบแล้ว!
https://www.dailynews.co.th/news/2420681/
"เสรีพิศุทธ์" ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? หลังจากสมาคมฯ ของ "ศรีสุวรรณ" ถูกกรมการปกครองสั่งยุบแล้ว ควรดำเนินคดีต่อกดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อกดเลิฟ
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีอธิบดีกรมการปกครอง ได้ลงนามคำสั่งถอดสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนาย
ศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า
“ยุบแล้ว สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญของศรีสุวรรณ วันนี้กรมการปกครองได้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่ผมได้ดำเนินการไว้ หากมีช่องทางสามารถดำเนินคดีกับคุณศรีสุวรรณได้ ท่านคิดว่าควรดำเนินคดีต่อหรือไม่ ควรดำเนินคดีต่อ ควรดำเนินคดีต่อ กดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อ กดเลิฟ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โพสต์ข้อความไปเพียง 30 นาที พบว่ามีชาวเน็ตกดไลก์ 14,000 คน และกดเลิฟ 357 คน.
JJNY : 7in1 จนขั้นสุด│แฉวงการแพทย์│เศรษฐาถกทีมศก.พท.│‘เสรีพิศุทธ์’ถาม│สถานทูตมาเอง│ขุดผู้กองแคท│พรุ่งนี้เบนซินโซฮอล์ขึ้น
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7707390
จนขั้นสุด หนุ่มป่วยหนักไร้เงินหาหมอ ก่อนสิ้นใจข้างบ้าน แม่กลับมาช็อก ร่ำไห้มีเงินแค่ 7 บาท จะเอาจากไหนทำศพ ถูกตัดไฟมา 10 ปี ตร.ช่วยออกเงินทำศพให้
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.66 พ.ต.ท.อภิรัฐ ทองฉิม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองจ.นครสรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิตที่บ้านพัก พื้นที่หมู่ 1 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจอบพร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายประเสริฐ คงตุ้ง อายุ 45 ปี อยู่บ้านหลังดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ข้างบ่อน้ำใต้ต้นมังคุดข้างบ้าน สภาพศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ โดยมี นางสาคร คงตุ้ง อายุ 65 ปี ผู้เป็นแม่ นั่งร่ำให้เสียใจอย่างน่าเวทนา
นางสาคร ให้การว่า ลูกชายป่วยเรื้อรังจากวัณโรค ได้ออกมาจากบ้าน เข้าใจว่ามาอาบน้ำที่บ่อน้ำ แล้วหายเงียบไปนาน ซึ่งอาจเกิดลื่นล้มศีรษะฟาดกับขอบบ่อที่เป็นคอนกรีต เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งเมื่อตนกลับมาจากบ้านญาติจึงได้พบศพลูกชายดังกล่าว
นางสาคร กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับลูกชายเพียง 2 คน ขณะที่ลูกชายอยู่ในสภาพป่วยหนัก ไม่ยอมไปหาหมอรักษา เพราะเกรงว่าจะต้องนอน รพ.กลัวแม่จะลำบาก จนร่างกายป่วยทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงจนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ก่อนมาเจอลูกเสียชีวิตมีเงินอยู่เพียง 37 บาท และได้ไปซื้อของกินให้ลูก 30 บาท เหลือเงินเพียง 7 บาท จึงไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจัดงานศพลูก
ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าบ้านของสองแม่ลูก อยู่ในสภาพแร้นแค้นเป็นอย่างมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากถูกตัดกระแสไฟ ยกมิเตอร์จากเสาไฟฟ้าออกไปนานนับ 10 ปี เพราะไม่มีเงินชำระค่าไฟ ในครัวทำอาหารใช้เตาไม้ฟืนที่หาได้จากบริเวณใกล้บ้านมาเป็นเชื้อเพลิง ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องอาหารสดในบางครั้ง สร้างความหดหู่แก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งงานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม และพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันควักกระเป๋าสมทบเงินสดให้ นางสาคร จำนวนหนึ่งเพื่อไปจัดการศพลูกชาย ขณะที่นางสาคร บอกว่า ลูกสั่งไว้ว่าถ้าตายไปให้เอาศพไปเผาเลยไม่ต้องจัดงาน เนื่องจากไม่มีเงิน ซึ่งเจ้าหน้าได้ให้กำลังและขอให้ทำบุญวาระสุดท้ายตามประเพณีสัก 1-2 วันก็ยังดี ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยประสานงานขอหีบศพมาช่วยสงเคราะห์บรรจุศพ นางสาคร ด้วย
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707285
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้ ลั่น! ‘วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์’
กำลังเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมาก สำหรับประเด็นเดือดที่ ‘อินเทิร์น’ หรือ ‘แพทย์ใช้ทุน’ ลาออกจากระบบกันจำนวนมาก ล่าสุด ก็มีผู้ใช้บัญชี Facebook รายหนึ่ง ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์ตอนเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ที่ต้องไปออกชุมชนตอนปี 6
โดยเธอเล่าว่า ระบบอาวุโสของวงการนี้ เริ่มเห็นชัดเจนในช่วงขึ้นคลินิก (ปี4) โดยจะต้องทำตัวเองให้ลีบเล็กต่ำกว่าเสมอ ความเป็นผู้น้อย ‘ต้อง’ อ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินพอดี ทั้งหมดนี้สรุปได้ด้วยคำว่า ‘อยู่เป็น’ ซึ่งเธอนั้นอึดอัดมาก จึงตัดสินใจจ่ายเงินใช้ทุน ด้วยกำลังทรัพย์จากทางครอบครัว
ทั้งนี้เธอเผยเหตุผลที่ตัดสินใจไม่ไปใช้ทุนนั้น มาจากการไปออกชุมชนตอนปี 6 โดยเธอได้ เจอกับหัวหน้าแผนกที่ ‘คลั่ง’ ระบบอาวุโสมาก เช่น “ก็เพราะฉันพูดแบบนี้ ต้องทำแบบนี้” หรือ “ก็เขาทำแบบนี้กันมาตลอด” รวมไปถึงการมาหาถึงที่บ้านพักเพื่อ ‘สั่งสอน’ นอกเวลาจนดึก หรือการไม่ให้ลงจากรถ ให้นั่งเบียดกันทั้งกลุ่มเพื่อ ฟัง ‘อบรม’ เป็นชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมี การห้ามขับรถ ทั้งที่อายุ 23-24 แล้ว และโรงพยาบาลอยู่ห่างจากชุมชนมาก ต้องขอติดท้ายรถกระบะเพื่อเข้าเมืองไปหาอะไรกิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของ สภาพบ้านพักในโรงพยาบาล ซึ่งสภาพบ้านที่เธอได้นั้นค่อนข้างดีแล้ว หากเทียบกับเพื่อนที่ไปที่อื่น
โดยเธอเล่ารายละเอียดบ้านว่า เป็นบ้านสองชั้น มีฟูก 3.5 ฟุต วางพื้น 3 อัน อันนึงขึ้นราดำทั้งแผ่นและตรงกลางแบนเป็นแอ่ง ต้องใช้ฟูก 2 อัน แบ่งกันนอน 5 คน ขยับไม่ได้นอนขดติดกันเป็นปลาทูในเข่ง ส่วนห้องที่มีฐานเตียง กำแพงมีรูกว้างนกบินเข้าออกสบาย และเชื้อราขึ้นรอบรู จึงตัดสินใจใช้ห้องที่ไม่มีฐานเตียงและเอาฟูกวางพื้นแทน
การจะขอฟูกใหม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีผ้าปูให้ แถมเพื่อนที่ย้ายไปนอนคืนแรกๆ ก็สีฟูกตกใส่ ขาเป็นสีน้ำเงินไปหลายวัน สุดท้ายต้องเอาผ้าห่มบางๆที่เหลือมาวางปูแทน
โดยนี่เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เธอแชร์ประสบการณ์ และเธอยังวิจารณ์กระแสในโลกโซเชียลที่มีหมอบางคนออกมาพูดในแนวว่า ‘ตัวเองยังผ่านมาได้ เด็กสมัยนี้ไม่อดทน รวมถึงคนไข้ที่ว่าหมอที่ไม่ทนในระบบแบบนี้ว่าไม่มีจรรยาบรรณ ไม่เสียสละ’
เธอเสริมว่า “วันนี้กระแสสังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณต้องปรับตัว หรือไม่ก็รอวันหายไปตามกระแสเวลา คุณคิดว่าต้องอดทนต้องเสียสละ เราถามว่าทำไมต้องเสียสละแบบนี้ หมอไม่ได้พักเต็มที่ ไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ผลเสียก็ตกกับคนไข้ กับเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง”
“แทนที่คุณจะช่วยผลักดันให้วงการบ้านเราดีขึ้น คุณกับหวังให้มันอยู่ที่เดิม ด้วยเหตุผลว่า เพราะมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว”
ก่อนจะทิ้งประโยคสุดเดือดว่า “วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์” ด้านชาวเน็ตเข้ามากดถูกใจ กดแชร์ และคอมเมนต์แสดงความเห็นกันสนั่น วิพากษ์วิจารณ์วงการแพทย์กันยับ
ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ต :
• “สภาพห้อง สภาพแวดล้อมในการทำงานคือไม่ได้เลย”
• “เพิ่งเคยเห็นสภาพความเป็นอยู่ โหดมากๆ ความรู้ใหม่เลย อ่านจนจบตกใจมาก”
• “วงการครูก็เป็นค่ะ มันเป็นวัฒนธรรมองค์กรของประเทศไทยจริงๆ”
• “สงสารคนที่เข้าไปแล้วแต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ดูแล้วคงยากจริงๆบ้านเรา”
เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ชู 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707099
เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะ ถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ยก 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ ทั้งด้านต่างประเทศ การเข้าถึงแหล่งทุน เกษตร พลังงาน ท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ในฐานะกรรมการ เลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาและกรรมการด้านเศรษฐกิจ
โดยที่ประชุมหารือเพื่อเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหารือแนวทางสร้างรายได้ให้กับประเทศในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1. ด้านการต่างประเทศ ที่ประชุมพิจารณาการสร้างความเชื่อมั่นและบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก การอำนวยความสะดวกด้านการศุลกากรแบบไร้รอยต่อ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็นไทย-EU ไทย-EFTA ไทย-GCC ไทย-UK และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และการรับมือนโยบายเน้นการบริโภคภายในของประเทศจีน การหาตลาดใหม่ในประเทศที่มีประชากรมาก แต่ปริมาณการค้ากับไทยยังน้อย เช่น ไนจีเรีย และความท้าทายภาคธุรกิจไทยและโอกาสใน BIMSTEC
2. ด้านภาวะหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุน ที่ประชุมหารือ 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน คือ 1) การขาดหลักประกันที่ตรงกับความต้องการของสถาบันการเงิน 2) การมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี และ 3) แนวทางประกอบธุรกิจไม่ตอบโจทย์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียของภาคเอกชนที่เป็นระเบิดเวลาที่จะเป็นปัญหาในระยะถัดไป
3. ด้านการเกษตร ที่ประชุมหารือแนวทางปฏิบัติต่อเนื่องจากแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลาดนำการผลิต การเพิ่มผลิตภาพของภาคการเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน การปรับพื้นที่เพาะปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนเงื่อนไขการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชนจากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม
4. ด้านพลังงาน ที่ประชุมหารือการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเรื่องราคาพลังงาน โดยการขยายเวลายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาพลังงานในระยะกลาง-ยาว โดยยึดหลักความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
5. ด้านการท่องเที่ยว ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงผ่านวีซ่าแบบเดินทางเข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบพักพิงระยะยาว ผู้สูงอายุ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ รวมถึงการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว
‘เสรีพิศุทธ์’ ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? สมาคมของ ‘ศรีสุวรรณ’ ถูกสั่งยุบแล้ว!
https://www.dailynews.co.th/news/2420681/
"เสรีพิศุทธ์" ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? หลังจากสมาคมฯ ของ "ศรีสุวรรณ" ถูกกรมการปกครองสั่งยุบแล้ว ควรดำเนินคดีต่อกดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อกดเลิฟ
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีอธิบดีกรมการปกครอง ได้ลงนามคำสั่งถอดสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนายศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า
“ยุบแล้ว สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญของศรีสุวรรณ วันนี้กรมการปกครองได้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่ผมได้ดำเนินการไว้ หากมีช่องทางสามารถดำเนินคดีกับคุณศรีสุวรรณได้ ท่านคิดว่าควรดำเนินคดีต่อหรือไม่ ควรดำเนินคดีต่อ ควรดำเนินคดีต่อ กดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อ กดเลิฟ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โพสต์ข้อความไปเพียง 30 นาที พบว่ามีชาวเน็ตกดไลก์ 14,000 คน และกดเลิฟ 357 คน.