JJNY : 7in1 จนขั้นสุด│แฉวงการแพทย์│เศรษฐาถกทีมศก.พท.│‘เสรีพิศุทธ์’ถาม│สถานทูตมาเอง│ขุดผู้กองแคท│พรุ่งนี้เบนซินโซฮอล์ขึ้น

จนขั้นสุด ป่วยหนักไร้เงินหาหมอ สิ้นใจข้างบ้าน แม่กลับมาช็อก ร่ำไห้มีแค่ 7 บาท จะเอาจากไหนทำศพ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7707390
 
จนขั้นสุด หนุ่มป่วยหนักไร้เงินหาหมอ ก่อนสิ้นใจข้างบ้าน แม่กลับมาช็อก ร่ำไห้มีเงินแค่ 7 บาท จะเอาจากไหนทำศพ ถูกตัดไฟมา 10 ปี ตร.ช่วยออกเงินทำศพให้
 
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.66 พ.ต.ท.อภิรัฐ ทองฉิม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองจ.นครสรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิตที่บ้านพัก พื้นที่หมู่ 1 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจอบพร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง
 
ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายประเสริฐ คงตุ้ง อายุ 45 ปี อยู่บ้านหลังดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ข้างบ่อน้ำใต้ต้นมังคุดข้างบ้าน สภาพศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ โดยมี นางสาคร คงตุ้ง อายุ 65 ปี ผู้เป็นแม่ นั่งร่ำให้เสียใจอย่างน่าเวทนา
 
นางสาคร ให้การว่า ลูกชายป่วยเรื้อรังจากวัณโรค ได้ออกมาจากบ้าน เข้าใจว่ามาอาบน้ำที่บ่อน้ำ แล้วหายเงียบไปนาน ซึ่งอาจเกิดลื่นล้มศีรษะฟาดกับขอบบ่อที่เป็นคอนกรีต เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งเมื่อตนกลับมาจากบ้านญาติจึงได้พบศพลูกชายดังกล่าว
 
นางสาคร กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับลูกชายเพียง 2 คน ขณะที่ลูกชายอยู่ในสภาพป่วยหนัก ไม่ยอมไปหาหมอรักษา เพราะเกรงว่าจะต้องนอน รพ.กลัวแม่จะลำบาก จนร่างกายป่วยทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงจนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ก่อนมาเจอลูกเสียชีวิตมีเงินอยู่เพียง 37 บาท และได้ไปซื้อของกินให้ลูก 30 บาท เหลือเงินเพียง 7 บาท จึงไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจัดงานศพลูก
 
ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าบ้านของสองแม่ลูก อยู่ในสภาพแร้นแค้นเป็นอย่างมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากถูกตัดกระแสไฟ ยกมิเตอร์จากเสาไฟฟ้าออกไปนานนับ 10 ปี เพราะไม่มีเงินชำระค่าไฟ ในครัวทำอาหารใช้เตาไม้ฟืนที่หาได้จากบริเวณใกล้บ้านมาเป็นเชื้อเพลิง ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องอาหารสดในบางครั้ง สร้างความหดหู่แก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
 
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งงานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม และพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันควักกระเป๋าสมทบเงินสดให้ นางสาคร จำนวนหนึ่งเพื่อไปจัดการศพลูกชาย ขณะที่นางสาคร บอกว่า ลูกสั่งไว้ว่าถ้าตายไปให้เอาศพไปเผาเลยไม่ต้องจัดงาน เนื่องจากไม่มีเงิน ซึ่งเจ้าหน้าได้ให้กำลังและขอให้ทำบุญวาระสุดท้ายตามประเพณีสัก 1-2 วันก็ยังดี ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยประสานงานขอหีบศพมาช่วยสงเคราะห์บรรจุศพ นางสาคร ด้วย


 
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707285
 
ผุดอีกราย! แฉวงการแพทย์ คลั่งระบบอาวุโส แถมสภาพบ้านพักแทบอยู่ไม่ได้ ลั่น! ‘วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์’
 
กำลังเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมาก สำหรับประเด็นเดือดที่ ‘อินเทิร์น’ หรือ ‘แพทย์ใช้ทุน’ ลาออกจากระบบกันจำนวนมาก ล่าสุด ก็มีผู้ใช้บัญชี Facebook รายหนึ่ง ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์ตอนเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ที่ต้องไปออกชุมชนตอนปี 6
 
โดยเธอเล่าว่า ระบบอาวุโสของวงการนี้ เริ่มเห็นชัดเจนในช่วงขึ้นคลินิก (ปี4) โดยจะต้องทำตัวเองให้ลีบเล็กต่ำกว่าเสมอ ความเป็นผู้น้อย ‘ต้อง’ อ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินพอดี ทั้งหมดนี้สรุปได้ด้วยคำว่า ‘อยู่เป็น’ ซึ่งเธอนั้นอึดอัดมาก จึงตัดสินใจจ่ายเงินใช้ทุน ด้วยกำลังทรัพย์จากทางครอบครัว
 
ทั้งนี้เธอเผยเหตุผลที่ตัดสินใจไม่ไปใช้ทุนนั้น มาจากการไปออกชุมชนตอนปี 6 โดยเธอได้ เจอกับหัวหน้าแผนกที่ ‘คลั่ง’ ระบบอาวุโสมาก เช่น “ก็เพราะฉันพูดแบบนี้ ต้องทำแบบนี้” หรือ “ก็เขาทำแบบนี้กันมาตลอด” รวมไปถึงการมาหาถึงที่บ้านพักเพื่อ ‘สั่งสอน’ นอกเวลาจนดึก หรือการไม่ให้ลงจากรถ ให้นั่งเบียดกันทั้งกลุ่มเพื่อ ฟัง ‘อบรม’ เป็นชั่วโมง
 
ยิ่งไปกว่านั้นยังมี การห้ามขับรถ ทั้งที่อายุ 23-24 แล้ว และโรงพยาบาลอยู่ห่างจากชุมชนมาก ต้องขอติดท้ายรถกระบะเพื่อเข้าเมืองไปหาอะไรกิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของ สภาพบ้านพักในโรงพยาบาล ซึ่งสภาพบ้านที่เธอได้นั้นค่อนข้างดีแล้ว หากเทียบกับเพื่อนที่ไปที่อื่น
 
โดยเธอเล่ารายละเอียดบ้านว่า เป็นบ้านสองชั้น มีฟูก 3.5 ฟุต วางพื้น 3 อัน อันนึงขึ้นราดำทั้งแผ่นและตรงกลางแบนเป็นแอ่ง ต้องใช้ฟูก 2 อัน แบ่งกันนอน 5 คน ขยับไม่ได้นอนขดติดกันเป็นปลาทูในเข่ง ส่วนห้องที่มีฐานเตียง กำแพงมีรูกว้างนกบินเข้าออกสบาย และเชื้อราขึ้นรอบรู จึงตัดสินใจใช้ห้องที่ไม่มีฐานเตียงและเอาฟูกวางพื้นแทน
 
การจะขอฟูกใหม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีผ้าปูให้ แถมเพื่อนที่ย้ายไปนอนคืนแรกๆ ก็สีฟูกตกใส่ ขาเป็นสีน้ำเงินไปหลายวัน สุดท้ายต้องเอาผ้าห่มบางๆที่เหลือมาวางปูแทน
 
โดยนี่เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เธอแชร์ประสบการณ์ และเธอยังวิจารณ์กระแสในโลกโซเชียลที่มีหมอบางคนออกมาพูดในแนวว่า ‘ตัวเองยังผ่านมาได้ เด็กสมัยนี้ไม่อดทน รวมถึงคนไข้ที่ว่าหมอที่ไม่ทนในระบบแบบนี้ว่าไม่มีจรรยาบรรณ ไม่เสียสละ
 
เธอเสริมว่า “วันนี้กระแสสังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณต้องปรับตัว หรือไม่ก็รอวันหายไปตามกระแสเวลา คุณคิดว่าต้องอดทนต้องเสียสละ เราถามว่าทำไมต้องเสียสละแบบนี้ หมอไม่ได้พักเต็มที่ ไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ผลเสียก็ตกกับคนไข้ กับเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง
 
แทนที่คุณจะช่วยผลักดันให้วงการบ้านเราดีขึ้น คุณกับหวังให้มันอยู่ที่เดิม ด้วยเหตุผลว่า เพราะมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว

ก่อนจะทิ้งประโยคสุดเดือดว่า “วงการที่ขอให้มองคนไข้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคนทำงานเป็นมนุษย์” ด้านชาวเน็ตเข้ามากดถูกใจ กดแชร์ และคอมเมนต์แสดงความเห็นกันสนั่น วิพากษ์วิจารณ์วงการแพทย์กันยับ

ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ต :

• “สภาพห้อง สภาพแวดล้อมในการทำงานคือไม่ได้เลย”
• “เพิ่งเคยเห็นสภาพความเป็นอยู่ โหดมากๆ ความรู้ใหม่เลย อ่านจนจบตกใจมาก”
• “วงการครูก็เป็นค่ะ มันเป็นวัฒนธรรมองค์กรของประเทศไทยจริงๆ”
• “สงสารคนที่เข้าไปแล้วแต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ดูแล้วคงยากจริงๆบ้านเรา”
 


เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ชู 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7707099

เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะ ถกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ยก 5 แนวทาง สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ ทั้งด้านต่างประเทศ การเข้าถึงแหล่งทุน เกษตร พลังงาน ท่องเที่ยว
 
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ในฐานะกรรมการ เลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาและกรรมการด้านเศรษฐกิจ
 
โดยที่ประชุมหารือเพื่อเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหารือแนวทางสร้างรายได้ให้กับประเทศในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
 
1. ด้านการต่างประเทศ ที่ประชุมพิจารณาการสร้างความเชื่อมั่นและบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก การอำนวยความสะดวกด้านการศุลกากรแบบไร้รอยต่อ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็นไทย-EU ไทย-EFTA ไทย-GCC ไทย-UK และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และการรับมือนโยบายเน้นการบริโภคภายในของประเทศจีน การหาตลาดใหม่ในประเทศที่มีประชากรมาก แต่ปริมาณการค้ากับไทยยังน้อย เช่น ไนจีเรีย และความท้าทายภาคธุรกิจไทยและโอกาสใน BIMSTEC
 
2. ด้านภาวะหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุน ที่ประชุมหารือ 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน คือ 1) การขาดหลักประกันที่ตรงกับความต้องการของสถาบันการเงิน 2) การมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี และ 3) แนวทางประกอบธุรกิจไม่ตอบโจทย์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียของภาคเอกชนที่เป็นระเบิดเวลาที่จะเป็นปัญหาในระยะถัดไป
 
3. ด้านการเกษตร ที่ประชุมหารือแนวทางปฏิบัติต่อเนื่องจากแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลาดนำการผลิต การเพิ่มผลิตภาพของภาคการเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน การปรับพื้นที่เพาะปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนเงื่อนไขการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชนจากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม
 
4. ด้านพลังงาน ที่ประชุมหารือการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเรื่องราคาพลังงาน โดยการขยายเวลายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาพลังงานในระยะกลาง-ยาว โดยยึดหลักความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
 
5. ด้านการท่องเที่ยว ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงผ่านวีซ่าแบบเดินทางเข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบพักพิงระยะยาว ผู้สูงอายุ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ รวมถึงการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว


 
‘เสรีพิศุทธ์’ ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? สมาคมของ ‘ศรีสุวรรณ’ ถูกสั่งยุบแล้ว!
https://www.dailynews.co.th/news/2420681/
 
"เสรีพิศุทธ์" ถามชาวเน็ตควรฟันต่อไหม? หลังจากสมาคมฯ ของ "ศรีสุวรรณ" ถูกกรมการปกครองสั่งยุบแล้ว ควรดำเนินคดีต่อกดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อกดเลิฟ

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีอธิบดีกรมการปกครอง ได้ลงนามคำสั่งถอดสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนายศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า 
 
“ยุบแล้ว สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญของศรีสุวรรณ วันนี้กรมการปกครองได้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่ผมได้ดำเนินการไว้ หากมีช่องทางสามารถดำเนินคดีกับคุณศรีสุวรรณได้ ท่านคิดว่าควรดำเนินคดีต่อหรือไม่ ควรดำเนินคดีต่อ ควรดำเนินคดีต่อ กดไลก์ ไม่ควรดำเนินคดีต่อ กดเลิฟ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โพสต์ข้อความไปเพียง 30 นาที พบว่ามีชาวเน็ตกดไลก์ 14,000 คน และกดเลิฟ 357 คน.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่