คือ ไม่ฟัง ไม่สนเหตุผล ไม่รับข้อเท็จจริงอะไรทั้งนั้น
ต้องเป็นไปอย่างที่สลิ่มอยากให้เป็นอย่างเดียว
ทุกเรื่อง
อย่างเรื่องหุ้นพิธา ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่ซับซ้อนเลย
แต่สลิ่มทำยังไงก็ไม่ยอมรับ เอาแต่ปาว ๆ ต้องเป็นอย่างที่อยากให้เป็นให้ได้
ถ่วงบ้านถ่วงเมือง ถ่วงความเจริญจริง ๆ
.
พิธา ไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องหุ้นสื่อ ไม่ขาดคุณสมบัติหัวหน้าพรรค ส.ส. และนายกรัฐมนตรี
หุ้นไอทีวี พิธาไม่ได้เป็นเจ้าของ เป็นแค่ "ผู้จัดการมรดก" ซึ่งตำแหน่งนี้ ศาลเป็นผู้แต่งตั้ง
ผู้จัดการมรดก ตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ดังนั้น พิธาจึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นไอทีวี
ไอทีวี เลิกเป็นสื่อไปตั้งแต่ปี 2550 สลิ่มรู้ สามัญสำนึกรับรู้ แต่ไม่ยอมรับ โกหกแม้กระทั่งสามัญสำนึกตัวเอง
พิธาโอนหุ้นให้ญาติ เพื่อจบเรื่อง เพราะตอนนี้ นายเรืองไกรกำลังหาเรื่องว่า ไอทีวีกำลังจะชนะคดีกลับมาเป็นสื่อได้อีก
ซึ่งจะเข้ากับคำวินิจฉัย ที่ศาล รธน. เคยวินิจฉัยธนาธร ว่า แม้วีลัคมีเดียไม่ได้ทำสื่อแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเลิก
วีลัคมีเดียอาจกลับมาทำสื่อเมื่อใดก็ได้ ชี้ว่าธนาธรผิด พิธาจึงโอนหุ้นให้จบเรื่องในอนาคตที่จะปลุกผีไอทีวีขึ้นมามีตัวตนเอาผิด
ไอทีวี ยังอยู่ ไม่เลิกบริษัท เพราะมีคดีความที่ไอทีวีฟ้องร้อง สปน. อยู่ แต่ไม่มีสภาพเป็นสื่อแล้ว มีแค่สภาพเป็นบริษัท
เรื่องนี้ เทียบให้เห็นได้ชัด ๆ ว่า บุคคล หากมีคดีความ หากคู่ความ (บุคคล) เสียชีวิตระหว่างคดี คดีก็เป็นอันสิ้นสุด
ไอทีวี มีฐานะเป็นนิติบุคคล หากเลิกบริษัท ความเป็นนิติบุคคลก็จะหาย เหมือนบุคคลเสียชีวิต คดีฟ้องร้องก็จะสิ้นสุดไปด้วย
ทั้งหมดทั้งมวล มันเข้าใจยากตรงไหนฟร่ะ ตะแบงหาเรื่องเขาอยู่ได้
งึดสลิ่ม
ข้อยล่ะงึดสลิ่มประเทศนี้อีหลี งึดคัก
คือ ไม่ฟัง ไม่สนเหตุผล ไม่รับข้อเท็จจริงอะไรทั้งนั้น
ต้องเป็นไปอย่างที่สลิ่มอยากให้เป็นอย่างเดียว
ทุกเรื่อง
อย่างเรื่องหุ้นพิธา ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่ซับซ้อนเลย
แต่สลิ่มทำยังไงก็ไม่ยอมรับ เอาแต่ปาว ๆ ต้องเป็นอย่างที่อยากให้เป็นให้ได้
ถ่วงบ้านถ่วงเมือง ถ่วงความเจริญจริง ๆ