สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ตอบในมุมผู้ชายนะครับ
ก่อนมีลูกเคยคุยกันว่า พ่อทำงานเต็มที่
แม่ลาออกจากงาน เป็นแม่บ้านฟูลไทม์ ดูแลครอบครัวอย่างเดียว
จุดเริ่มต้นน่าจะคล้ายๆ ทุกบ้านทุกครอบครัว
แต่พอมีลูกจริงๆ ช่วงลูกเพิ่งคลอดแรกๆ
เห็นชัดมากว่าภรรยาไม่ไหวแล้ว มีทั้งอาการเครียด
อ่อนเพลีย ที่สำคัญ เริ่มมีพฤติกรรมคล้ายซึมเศร้า
เข้าใจทันทีว่าภรรยาต้องการความช่วยเหลือ
โชคดีที่ครอบครัวเราวางแผนทางการเงินไว้ดี
ผมหยุดทำงานชั่วคราว เพื่อมาเรียนรู้การเลี้ยงลูก
ทำทุกอย่างยกเว้นมีเต้าให้นม (ใช้นมผงเป็นหลัก
ช่วงนั้นภรรยามีปัญหาน้ำนมไม่พอด้วย)
แบ่งภาระกันคนละ 12 ชั่วโมง ผมรับกะกลางคืน
ให้ภรรยาได้นอนเต็มอิ่ม
ผ่านไปสามเดือนทุกอย่างถึงเริ่มเข้าที่ ภรรยาดูดีขึ้นมาก
เริ่มยิ้มได้ กลับมาแข็งแรง และน่าจะฮอร์โมนเข้าที่ด้วย
อาการซึมเศร้าหายไป
แต่โดยรวมๆ ที่อยากจะสื่อถึงทุกครอบครัว
โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ก็คือ การเลี้ยงลูกเป็นงานกลุ่ม
ตอนทำ ช่วยกันทำ ตอนเลี้ยงก็ต้องช่วยกันเลี้ยง
อย่าหลงผิดว่าผู้หญิงอยู่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานแล้วจะสบาย
หรือแม้แต่จะไหว
ส่วนฝ่ายหญิง อย่ายอมให้สังคมหรือวัฒนธรรมปิดปากครับ
ไม่ไหวรีบสื่อสาร รีบบอกแต่แรก อย่า "ยอม" เพราะถ้าคุณยอม
แล้วมาขอความช่วยเหลือทีหลัง คุณจะโดนมองว่าขี้เกียจแทน
ใครที่ยอมมาจนใกล้จะไม่ไหว ก็ต้องพยายามสื่อสารแบบจริงจัง
คนอื่นไม่เข้าใจช่างเขา แต่สามีเราหรือภรรยาเราต้องเข้าใจครับ
ลองทิ้งให้เขาเลี้ยงเองดูจริงจังสองสามวัน น่าจะรู้เรื่องทุกบ้าน
เค้าจะอ้างว่าไม่ไหวก็ช่าง อย่ากลัวลูกอดตายหรือลำบากครับ
ต้องแข็งใจทิ้งให้สัมผัสเอง
ส่วนตัวถ้าผมไม่หยุดทำงานมาลองเองผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีโอกาสหรือปรับตัวได้แบบบ้านผม
ดังนั้นต้องสื่อสารแบบจริงจังมากๆ ครับ อย่าใช้วิธีบ่นลอยๆ
หรือขอให้ช่วยเป็นครั้งคราว ให้จับเข่าคุยจริงจัง
การไปทำงานนอกบ้านไม่ใช่ข้ออ้างว่ากลับบ้านมาเหนื่อย อยากพักผ่อน
สำหรับที่บ้านผมทุกวันนี้ หลังผมเลิกงาน คือเวลาที่ภรรยาได้พักผ่อน
แล้วหลังลูกเข้านอน ผมถึงได้พักผ่อนแทนครับ
ก่อนมีลูกเคยคุยกันว่า พ่อทำงานเต็มที่
แม่ลาออกจากงาน เป็นแม่บ้านฟูลไทม์ ดูแลครอบครัวอย่างเดียว
จุดเริ่มต้นน่าจะคล้ายๆ ทุกบ้านทุกครอบครัว
แต่พอมีลูกจริงๆ ช่วงลูกเพิ่งคลอดแรกๆ
เห็นชัดมากว่าภรรยาไม่ไหวแล้ว มีทั้งอาการเครียด
อ่อนเพลีย ที่สำคัญ เริ่มมีพฤติกรรมคล้ายซึมเศร้า
เข้าใจทันทีว่าภรรยาต้องการความช่วยเหลือ
โชคดีที่ครอบครัวเราวางแผนทางการเงินไว้ดี
ผมหยุดทำงานชั่วคราว เพื่อมาเรียนรู้การเลี้ยงลูก
ทำทุกอย่างยกเว้นมีเต้าให้นม (ใช้นมผงเป็นหลัก
ช่วงนั้นภรรยามีปัญหาน้ำนมไม่พอด้วย)
แบ่งภาระกันคนละ 12 ชั่วโมง ผมรับกะกลางคืน
ให้ภรรยาได้นอนเต็มอิ่ม
ผ่านไปสามเดือนทุกอย่างถึงเริ่มเข้าที่ ภรรยาดูดีขึ้นมาก
เริ่มยิ้มได้ กลับมาแข็งแรง และน่าจะฮอร์โมนเข้าที่ด้วย
อาการซึมเศร้าหายไป
แต่โดยรวมๆ ที่อยากจะสื่อถึงทุกครอบครัว
โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ก็คือ การเลี้ยงลูกเป็นงานกลุ่ม
ตอนทำ ช่วยกันทำ ตอนเลี้ยงก็ต้องช่วยกันเลี้ยง
อย่าหลงผิดว่าผู้หญิงอยู่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานแล้วจะสบาย
หรือแม้แต่จะไหว
ส่วนฝ่ายหญิง อย่ายอมให้สังคมหรือวัฒนธรรมปิดปากครับ
ไม่ไหวรีบสื่อสาร รีบบอกแต่แรก อย่า "ยอม" เพราะถ้าคุณยอม
แล้วมาขอความช่วยเหลือทีหลัง คุณจะโดนมองว่าขี้เกียจแทน
ใครที่ยอมมาจนใกล้จะไม่ไหว ก็ต้องพยายามสื่อสารแบบจริงจัง
คนอื่นไม่เข้าใจช่างเขา แต่สามีเราหรือภรรยาเราต้องเข้าใจครับ
ลองทิ้งให้เขาเลี้ยงเองดูจริงจังสองสามวัน น่าจะรู้เรื่องทุกบ้าน
เค้าจะอ้างว่าไม่ไหวก็ช่าง อย่ากลัวลูกอดตายหรือลำบากครับ
ต้องแข็งใจทิ้งให้สัมผัสเอง
ส่วนตัวถ้าผมไม่หยุดทำงานมาลองเองผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีโอกาสหรือปรับตัวได้แบบบ้านผม
ดังนั้นต้องสื่อสารแบบจริงจังมากๆ ครับ อย่าใช้วิธีบ่นลอยๆ
หรือขอให้ช่วยเป็นครั้งคราว ให้จับเข่าคุยจริงจัง
การไปทำงานนอกบ้านไม่ใช่ข้ออ้างว่ากลับบ้านมาเหนื่อย อยากพักผ่อน
สำหรับที่บ้านผมทุกวันนี้ หลังผมเลิกงาน คือเวลาที่ภรรยาได้พักผ่อน
แล้วหลังลูกเข้านอน ผมถึงได้พักผ่อนแทนครับ
แสดงความคิดเห็น
จากใจของคนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน
ตัวเราปัจจุบันเลี้ยงลูกเอง100% ไม่มีรายได้ใช้เงินของสามี สามีก็เอาเงินเดือนทั้งหมดให้เราดูแล เราคบกันมาหลายปีจนรู้ตัวว่าท้อง ก็ท้องก่อนแต่งค่ะ