ลูก1 ในท้องอีก 1 อึดอัดใจกับสามีและครอบครัวสามีมากค่ะ ขอระบายหน่อยค่ะและใครเจอปัญหาทำนองนี้แชร์หน่อยค่า

กระทู้คำถาม
ขอเกริ่นก่อนว่าก่อนหน้าที่จะแต่งงานเรากับสามีใช้ชีวิตกันโลดโผนมากค่ะ กิน เที่ยว เล่น ทำงาน สามีมีธุรกิจส่วนตัวซึ่งเป็นธุรกิจของแม่ ส่วนตัวดิฉันก็มีงานประจำทำเงินเดือนก็เอาเป็นว่าไม่เดือดร้อนเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ เราอยู่ด้วยกันทะเลาะกันบ้างแฮปปี้บ้างตามประสาคนรักทั่วไป แต่เราจะต้องทนกับแม่สามีส่วนหนึ่งที่เค้าจะคอยดูถูกเราตลอดว่าเราไปเกาะลูกเค้าทั้งที่บ้านเราฐานะก็ปานกลางไม่ได้เดือดร้อนอะไร (เอาง่ายๆคือแม่สามีชอบคนรวย)เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะก็คิดว่าเราใช้ชีวิตกับสามีน่ะ ไม่ได้ใช้ชีวิตกับแม่เค้า

หลังจากแต่งงานช่วงท้อง....นี่อยู่บ้านสามีค่ะ (บ้านสามีมีแม่สามี พ่อสามี หมา 2 ตัว สามีลูกคนเดียว และเราก็ลูกคนเดียว) เพราะแม่สามีอยากให้ไปอยู่ด้วยสามีเป็นลูกคนเดียวเค้ารักและหวงลูกมากๆรักยิ่งกว่าอะไรไม่กล้าด่า ไม่กล้าว่า ไม่กล้าให้ทำงานบ้าน ไม่ให้ทำอะไรเลย เพราะกลัวลูกไม่รัก เวลาจะว่าสามีแต่ละทีก็จะมาพูดกับเราให้เราไปพูดให้หน่อยเราก็ได้ยิ้มๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเรากับสามีไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน(เราเหนื่อยและอึดอัดใจมาก) ที่ต้องอยู่บ้านแม่สามีเพราะเรื่องเยอะ และด้วยเราเป็นคนรักอิรสะมาก และก็หลายครั้งแม่สามีชอบมาค้นข้าวของภายในห้องว่ามีอะไรบ้าง เคยเอากระเป๋าตังเราที่สามีซื้อให้จากญี่ปุ่นเราไปเก็บไว้เองทั้งที่เราก็เก็บซ่อนไว้อย่างดี คือทุกวันนี้แม่สามีก็ยังคงทำงานไปร้าน คือเค้าคิดว่าทุกอย่างเค้าจะต้องรู้ ทุกเรื่องเค้าจะต้องควบคุมเอง สามีให้เราลาออกจากงานเพิ่อมาช่วยธุรกิจของเค้าก่อนที่เราจะท้อง อืมมม...เราก็โอเค ฉะนั้นเราก็ต้องได้รับเงินเดือนจากแม่สามีที่เป็นคนให้ และสะใภ้อย่างเราหยุดงานคือหักเงิน ขาดครึ่งวันคือหักเงิน รับเงินเดือนต้องไปต่อคิวรับกับลูกน้อง อื้มมมม...เราก็โอเค๊ ไอ้เรื่องหักเงิน เราแฟร์อยู่แล้ว เพราะเข้าใจว่าแม่สามีเป็นคนแบบนี้ก็เลยช่างมันเถอะ ไม่เปนไร แต่เรื่องต่อคิวรับเงินกับลูกน้อง เออเริ่มแบบอะไรว่ะ? นี่เรามาทำงานในฐานะภรรยาเจ้าของร้านหรือลูกจ้าง (ในความที่ก็อีโก้สูงคือดิฉันเองก็จบเกียรตินิยมมหาลัยดังของรัฐบวกกับเคยทำงานเป็นหัวหน้าคนมาก่อน) เออ ... เริ่มแบบไม่โอ แต่ก็ช่างมัน ก็เพื่อสามี

แต่พอคลอดลูกลูกเราได้ 3 เดือน เราต้องย้ายออกมาอยู่กันเองเพราะลูกเราแพ้ขนหมา หน้าผื่นขึ้น และแม่สามีเลี้ยงหมาค่อนข้างตามใจมาก หมาดุมาก กัดแม้กระทั่งคนเลี้ยงจนเลือดไหล เราเองก็คิดเผื่อเราเผลอล่ะ ทำนู้นทำนี่ มันมางับลูกจะทำยังไง? สรุปก็เลยได้ย้ายออกมาซึ่งบ้านก็จะอยู่ไม่ไกลจากบ้านแม่สามี ขับรถ 30 นาทีถึง ลูกคนแรกเรามีคุณน้ามาช่วยเลี้ยง ส่วนเราแม่สามีให้เข้าร้านทำงาน เค้าไม่ชอบให้เราอยู่บ้านเฉยๆเลี้ยงลูกแบบเกาะสามีกิน เราก็อืมมม...โอเค ก็ไปทำงาน ตั้งแต่เดือนครึ่ง เป็นห่วงลูกมาก เย็นกลับมารีบมาหาลูกดูลูกเพราะร้านเปิดทุกวัน ชีวิตส่วนตัวเหรอ ลืมไปได้เลย...หลังจากนั้นไม่นาน คุณน้าก็ต้องกลับไปที่ต่างจังหวัด ได้โอกาสเรามาก เพราะเราอยากเลี้ยงลูกเอง และรู้สึกว่าไม่มีใครเลี้ยงลูกได้ดีเท่าเรา แต่ก็แม่สามีก็อยากมาเลี้ยงหลาน ซึ่งแม่สามี อายุ 70 น่ะค่ะ เราเลยบอกสามีถ้าแกอยากมาช่วยเลี้ยงแบบสลับกัน ต้องหาคนช่วยน่ะ ไม่กล้าปล่อยหรอก แกจะเลี้ยงไหวได้ยังไง เราก็เลยจ้างแม่บ้านอายุน้อยๆมาช่วยทำงานบ้านและช่วยแม่สามีดูลูกเรา ทีนี้พอลูกเราเริ่มโต เริ่มได้ 1 ขวบ คือเริ่มรู้เรื่อง แม่สามีจะตามใจมาก กลัวหลานไม่รัก โอ้ละเห่เอิงเอยมาก จนลูกเรากรี๊ดๆๆๆ อยากได้อะไรจะเอา งอแงไร้เหตุผล เลี้ยงด้วยเงิน พอเรามาเลี้ยงต่อแล้วรู้สึกทำไมลูกเลี้ยงยากไม่ฟังอะไรเลยคือเอาตรงๆเราก็กลัวลูกเราจะเสียคนแบบทำอะไรไม่เป็นแบบสามีเราที่แม่เค้าเลี้ยงมาแบบนั้น บวกกับช่วงนี้เรากับสามีก็ยังไม่ได้ย้ายกลับไปบ้านแม่สามีเพราะเรารู้สึกว่าการออกมาอยู่แบบนี้มันอิสระมาก อยากทำอะไรตอนไหนก็ทำ จะดุลูกก็ไม่มีใครให้ท้าย ลูกดูโตขึ้นมาก และเราก็ถูกแม่สามีเอาเราไปว่าแบบเสียๆหายๆให้พี่น้องเค้าฟังเรื่องตามประสาแม่รักลูกหวงลูกมาก เลยอยากได้ลูกคืน ก็มาใส่ร้ายเราสาระพัด เราเลยยิ่งไม่โอเคกับแม่สามีมากกกกก  จนบอกสามีขอเลี้ยงลูกเอง สามีก็อืมมม โอเค ... แต่!!!! การที่เราออกมาเลี้ยงเอง เราไม่มีเงินเดือนน่ะค่ะ บอกแม่สามีเราไปว่าเราไม่รับเงินเดือน คือสบายใจโคดดดด แต่เราก็มาหาขายของออนไลน์ คือมันก็พอขายได้พอแต่เลี้ยงตัวเองซื้อของให้ลูกบ้างส่วนค่าใช้จ่ายลูกและแม่บ้านสามีออกทุกอย่างค่ะ....หลังจากออกมาเลี้ยงลูกเองแบบ 100% โอ่ยยย เหนื่อยกว่าทำงาน 10 เท่า ลูกยิ่งโตยิ่งซนแต่ก็ต้องคอยควบคุมเค้าดีๆเรื่องอารมณ์ เพราะไม่อยากให้เค้าเอาแต่ใจ คือเราจะเลี้ยงแบบใช้ใจ ใส่ใจ แต่ไม่ได้ตามใจ ส่วนสามีค่อนข้าวเลี้ยงลูกด้วยเงิน อันนี้เข้าใจเพราะเค้าถูกเลี้ยงมาแบบนี้ ชีวิตเรากับสามีคือมันก็เริ่มมีปัญหากันมาบ้างตั้งแต่ช่วงเราคลอดคนแรก คือเค้าก็แทบไม่ข่วยเราเลี้ยงลูกเลย งานบ้านก็ไม่ทำ คือถึงเรามีแม่บ้าน เราก็ยังทำงานบ้านบ้าง เพราะมันเยอะ และยิ่งช่วงนี้ที่เราเลี้ยงลูกเอง (ท้องด้วย 3เดือนกว่าๆ)หลายครั้งสามีก็ชอบพูดบั่นทอนความรู้สึก ว่าไร้ค่าบ้าง อยู่บ้านก็แค่กินๆนอนๆ คือปรี๊ดดดน่ะค่ะฟังคำพวกนี้ อาชีพแม่บ้านเลี้ยงลูกบวกกับลูกอีก 1 ในท้อง ไหนจะแพ้ท้อง กับข้าวลูกก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง และเราไม่ได้ละเลยงานที่ร้านสามีน่ะค่ะ ลูกค้าออเดอสั่งของทางไลน์ คือเราก็เสมือนยังคงทำงานค่ะ แต่ทำทางไลน์ ไม่ได้ไม่ช่วยหาเงิน บางครั้งเค้าก็บ่น เคยเอาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวบ้างมั้ย??? โหหห!! ฟังแล้วจี๊ดค่ะ ท้อมาก คือทุกวันนี้ก็แทบจะปรึกษาอะไรกับสามีไม่ได้ และเพราะเวลามีอะไร สามีก็จะคุยและจะปรึกษาแต่แม่ เช่น อยากได้รถใหม่ อยากได้บ้านใหม่ เพราะเงินอยู่กับแม่ แม่คุมเงินทุกอย่าง ทุกอย่างคือแม่ (สามีอายุ 40)แต่เรากับลูกอยู่แบบเหมือนไร้ตัวตนมากเหมือนไม่ใช่ครอบครัว ชีวิตตอนที่มีแค่เรากับชีวิตที่มันเป็นครอบครัว มันต่างกันมากน่ะค่ะ ชีวิตที่มีแค่เรา มันไม่ต้องคิดอะไร เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเราดูแลตัวเองได้ถึงแม้เค้าไม่ดูแล แต่ชีวิตที่มันเป็นครอบครัว ทำไมดิฉันจึงคิดมากจังค่ะ เหนื่อยเวลาสามีไม่ช่วยเลี้ยงลูก ท้อในคำพูดต่างๆมากมายจากคนเป็นสามีในแต่ละวัน ... ตอนนี้มีแต่ลูกที่นึกถึงว่ามันท้อมากไม่ได้ ไหนจะ 1 ชีวิตอีกในท้อง คือก็ต้องสู้ไป ใครมีปัญหาทำนองนี้บ้างช่วยแชร์หน่อยได้มั้ยค่ะ เผื่อเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิตต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่