"พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค" อาแปะตีความแล้ว รู้สึกว่าไม่ให้คุณค่าของปัจเจกชนเลยนะครับ..

กระทู้คำถาม
...เป็นวลีที่กดข่มปัจเจกชนอย่างมากนะครับ...

อันว่าปัจเจกชนเสมือนหยดน้ำแต่ละหยด..
ปัจเจกอิสระเป็นหยดน้ำเกาะตามยอดหญ้าบ้าง..
ปัจเจกอิสระเป็นหยดน้ำล่องลอยในอากาศบ้าง..
ปัจเจกอิสระเป็นเม็ดฝนบ้างตกลงแทรกซึมในฝืนดินทรายบ้าง..

หยดน้ำเหล่านี้คือความหลากหลายของหยดน้ำที่เป็นสัญลักษณ์แทนปัจเจกชนนะครับ หรือพูดง่ายๆว่าเป็น "คน"อิสระสมถะสันโดษ...นั่นเอง
ดังนีแล้ว "พรรคใหญ่กว่าคน"  ซึ่งคนคือปัจเจก  จึงดูเป็นการกดข่มความเป็นปัจเจกชนเสรีชนมาก.. 

ส่วน "ประชาชนใหญ่กว่าพรรค"       อาแปะตีความหมายว่า ประชาชนคือหยดน้ำหลายล้านๆๆๆหยดมารวมกันเป็นสายน้ำที่มีพลังอำนาจ  จึงยกย่องให้เกียตริอำนาจของสายน้ำ ก็คืออำนาจของประชาชน..

สรุป...วลีว่า  "พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค"  วิเคราะห์ด้วยวิชาจิตวิทยาระดับอนุบาลของอาแปะแล้ว ได้ความว่า ..
คนที่คิดวลีนี้หิวอำนาจมากครับ  ลุ่มหลงในอำประชาชน อยากได้อำนาจของประชาชน ไม่เห็นคุณค่าของปัจเจกชน...
หรือพูดง่ายๆว่าคนที่คิดวลีนี้ได้ต้อง "บ้าอำนาจ"  นั่นเอง...

อมิตพุทธ..



..ส่วนตัวอาแปะเป็นคนเคารพปัจเจกชนทุกคนนะครับ อุปมาเหมือนเคารพและให้คุณค่ากับน้ำทุกหยดนั่นแล..
ไม่ดูถูกแม้น้ำนั้นจะมีปริมาณเล็กน้อยเพียงใด  ...
"เมื่อเราให้คุณค่าแก่น้ำทุกหยด ชีวิตเราก็จะได้รับคุณค่าจากธรรมชาติตอบแทน" (โศลกธรรม)โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนเรียกร้องให้มนุษย์คนใดมาให้คุณค่าเลยแม้แต่น้อย...ใครที่เข้าใจโศลกธรรมนี้ จะเข้าใจความสุขจากความสันโดษและสมถะในชีวิต..หนะครับ

อมิตพุทธ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่