สื่อตปท.ชี้ ผลเลือกตั้ง ‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3980853
สื่อตปท.ชี้ ผลเลือกตั้ง ‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’ จับตา ‘กลุ่มอนุรักษ์-ทหาร’ รอมชอม ‘กลุ่มเสรีนิยม’ ได้หรือไม่ หลังก้าวไกลชนะขาด
สำนักข่าวต่างประเทศติดตามผลการเลือกตั้งไทยและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ที่จะตามมาหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายเหนือความคาดหมายของหลายฝ่าย และยังมองไปถึงการตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นตามมา
บีบีซีระบุว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในไทยปฏิเสธรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร ในการเลือกตั้งที่ได้รับการพูดถึงว่าถือเป็น “
จุดเปลี่ยนของประเทศไทย” ซึ่งเผชิญกับการรัฐประหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหลังจากนี้อีกหลายสัปดาห์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความเห็นของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของไทยทุกเพศทุกวัย ที่เต็มใจจะเสี่ยงหรือให้โอกาสกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ แม้พวกเขาจะยังไม่ผ่านการทดสอบใดๆ ก็ตาม
อย่างไรก็ดีแม้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะประสบความสำเร็จ แต่อาจต้องเผชิญกับศึกแย่งชิงอำนาจเมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คน และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร 250 คน ร่วมกันลงคะแนนเลือก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งของไทยปฏิเสธชัดเจนต่อรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลัง และให้การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านหลักทั้ง 2 พรรคที่คาดว่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ดีการที่พรรคก้าวไกลเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับสถาบัน อาจก่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหารที่ยังคงมีอำนาจ ในประเทศที่การรัฐประหารและคำสั่งศาลมักจะชัยชนะเหนือผลการลงคะแนนเสียง ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าผลการเลือกตั้งอาจถูกสกัดขัดขวาง ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงรอบใหม่
จากการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งไป 97% พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมต่อพรรค 13.5 ล้านเสียง คณะที่พรรคเพื่อไทยมี 10.3 ล้านเสียง ความสำเร็จที่โดดเด่นของพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นช่องทางแสดงพลังของกลุ่มเยาวชนหัวรุนแรงที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่สร้างความสั่นสะเทือนในกรุงเทพเมื่อปี 2463
ผลที่ตามมาจากการเลือกตั้งครั้งนี้คือกระแสโจมตีอย่างหนักต่อพรรคเพื่อไทย จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งล่าสุดของนาย
ทักษิณ ชินวัตร บิดาของน.ส.
แพทองธาร ชินวัตรอีกด้วย
แม้จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอาจต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เขียนขึ้นโดยรัฐบาลทหาร นอกจากนี้ยังมีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าพรรคก้าวไกลอาจถูกยุบตามคำสั่งศาล เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้
เอเอฟพีสรุปว่า หลังจากที่เกิดรัฐประหารขึ้นนับสิบครั้งในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ตลอดกว่า 2 ทศวรรษ ประเทศไทยก็ตกอยู่ในการประท้วงตามท้องถนน การรัฐประหาร และคำสั่งศาลให้ยุบพรรคการเมือง จึงยังคงเป็นที่จับตามองว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหารจะหาทางปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงได้หรือไม่
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านของไทยถือเป็นการเปิดฉากไปสู่ความวุ่นวายในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อยุติการปกครองของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ยืนยาวมาเกือบทศวรรษในไทย ภายใต้การหนุนหลังโดยกองทัพ
อย่างไรก็ดียังห่างไกลจากความแน่นอนว่าทั้งสองพรรคจะได้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จากรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นหลังรัฐประหาร โดยพรรคฝ่ายค้านจะต้องทำข้อตกลงและรวบรวมเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย ซึ่งรวมถึงวุฒิสมาชิกที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย
การต่อสู้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในศึกที่ยืดเยื้อระหว่างพรรคเพื่อไทยของตระกูล
ชินวัตรกับสายสัมพันธ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหาร ซึ่งเป็นหัวใจของความวุ่นวายในไทยยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ โดยผลลัพท์เบื้องต้นสร้างความเสียหายให้กับกองทัพและพันธมิตร
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กระแสของพรรคก้าวไกลแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการเมืองไทย
“
พรรคเพื่อไทยทำสงครามผิด พวกเขาต่อสู้ในสงครามประชานิยมซึ่งได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่พรรคก้าวไกลได้ยกระดับการต่อสู้ไปอีกขั้นด้วยการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งนั่นคือสมรภูมิใหม่ของการเมืองไทย”
ฐิตินันท์ระบุ
ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านของไทยเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย ช่วยเติมเต็มความหวังของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนมากว่า การออกไปใช้สิทธิจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง 9 ปีหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารในปี 2557
เสาวนีย์ ที.อเล็กซานเดอร์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าว่า นี่คือสัญญานที่ดีสำหรับประชาธิปไตย มันคือการที่ผู้คนบอกว่าพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง พวกเขากำลังบอกว่าพวกเขารับมันไม่ได้อีกต่อไป ประชาชนเดือดร้อนมาก พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง และพวกเขาทำให้มันเกิดขึ้นได้
อเล็กซานเดอร์ระบุว่า สถานการณ์ก็ยังคงคาดเดาไม่ได้ และคณะกรรมการการเลือกตั้งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้งได้ โดยในอดีตพวกเขาจะใช้อำนาจเพื่อตัดสิทธิฝ่ายค้านและจัดการกับความท้าทายที่มีต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม
อย่างไรก็ดี เอพีมองว่า มีความเป็นไปได้ที่นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะตกเป็นเป้าหมายในสิ่งที่ฝ่ายค้านเคยประสบมาแล้วและระบุว่าเป็นกลอุบายสกปรก จากการยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยกล่าวหา
พิธาว่าไม่นำรายละเอียดในการถือหุ้นสื่อสำแดงไว้ในรายการทรัพย์สินตามกฎหมาย ซึ่งเคยทำให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่สูญเสียที่นั่งในสภาด้วยเหตุผลทางเทคนิคที่คล้ายคลึงกัน และจบลงด้วยการยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกมองว่า ท้าทายอย่างรุนแรงต่อสถาบันและกลุ่มอนุรักษ์นิยมมาแล้ว
เนติวิทย์ เผย ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย มุ่งหน้าสู่เกาหลีใต้ ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7664716
เปิดภาพล่าสุด
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ลาสิกขาแล้ว เผยเลือกตั้ง 2566 ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย มุ่งหน้าสู่เกาหลีใต้ ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร
จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 พระ
เนติวิทย์ ได้โพสต์ลง Facebook ระบุว่า ได้ลาสิกขาแล้ว พร้อมกันนี้ยังสอบบาลีได้ประโยค 1-2 ทั้งยังยืนยันเจตนารมณ์ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร โดยเสริมว่า “
ระบบนี้กลับสร้างความขยาด กลัว มีคนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจนเสียชีวิต สิ้นเปลืองงบประมาณเกินจำเป็น”
“
ต้องปรับให้สอดคล้องกับธรรม ก็คือ มีระบบสมัครใจ ให้สวัสดิการดีขึ้น กองทัพเองก็ได้ประโยชน์ และผู้คนก็ไม่ต้องสูญเสียงานที่ตนรักไปแต่ช่วยประเทศชาติสังคมในแนวทางตน แต่คนใฝ่อำนาจนิยมและคนรับสินบาทคาดสินบนจากระบบนี้จำนวนน้อยอาจจะเสียประโยชน์”
ล่าสุด วันนี้ (15 พ.ค. 66)
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้ออกมาเผยภาพผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว บัญชี @NetiwitC แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการเลือกตั้ง 2566 ว่า “
ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย #เลือกตั้ง2566” ทั้งยังเสริมอีกว่า “
ขณะนี้กำลังจะเดินทางไปพูดเรื่องต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่เกาหลีใต้”
ท่ามกลางชาวเน็ตร่วมส่งกำลังใจ ให้เดินทางปลอดภัย และติดตามการไปเสวนาในเรื่อง ต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่เกาหลีใต้
ที่มา :
NetiwitC
‘เพื่อไทย’ ยันหลีกทางก้าวไกลตั้ง รบ. ชลน่านชี้ยังไม่เห็นเงื่อนไข MOU ขอยึดประโยชน์ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3980988
‘ชลน่าน’ ยินดี ‘ก้าวไกล’ แลนด์สไลด์ ส่วนจับมือยังไม่ชัด เหตุไม่เห็นเงื่อนไข ย้ำต้องยึดประโยชน์ ปชช.เป็นหลัก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อเตรียมประชุมกับแกนนำพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังจากผลคะแนนการเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพรรค พท.ได้คะแนนมาเป็นอับดับสอง พร้อมกล่าวว่า วันนี้กรรมการบริหารพรรคจะมาคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานหลังจากนี้ว่าจะดำเนินต่ออย่างไร
นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ส่วนเรื่องการจับมือจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีชัดว่ายอมรับเสียงของประชาชนที่ไว้วางใจพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้มาเป็นอันดับหนึ่ง ยินดีกับพรรค ก.ก.และยินดีที่จะให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะร่วมมือกันอย่างไรนั้น ในฐานะพรรคอันดับรองก็ต้องฟังเสียงของพรรคอันดับหนึ่งว่าจะมีท่าที ทิศทางอย่างไร
เมื่อถามถึงการลงนามเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ก.ก.จะมีข้อไหนที่อาจร่วมกันไม่ได้ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่เป็นแนวทางที่พรรค ก.ก.ประกาศไว้ ซึ่งการลงนามชัดเจนถือเป็นเรื่องดี เพราะจะเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยว่าหากทำงานร่วมกันแล้วจะทำอะไรได้บ้าง ต้องคุยกัน ถ้าร่วมกันไม่ได้ ข้อไหน จะผ่อนคลาย หรือยอมกันได้แค่ไหน คงต้องดูตรงนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเนื้อหาว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง อาจยังตอบไม่ได้ถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นที่ทราบจะเน้นไปทางการทำงานตามนโยบาย
ถามต่อว่า หากลงนามเอ็มโอยูไม่ได้ พรรค พท.พร้อมเป็นฝ่ายค้านอีกหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ต้องดูในรายละเอียด ตอนนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เมื่อประชาชนมอบคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยท่วมท้นแบบนี้ เจตจำนงคงต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล สิ่งนี้สำคัญกว่า คือการจะมาคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าพอไปด้วยกันไม่ได้ แล้วต้องมาเป็นฝ่ายค้าน
JJNY : สื่อตปท.ชี้ ‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’│เนติวิทย์ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย│ชลน่านชี้ยังไม่เห็น MOU│‘เศรษฐา’ ยินดีก้าวไกล
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3980853
สื่อตปท.ชี้ ผลเลือกตั้ง ‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’ จับตา ‘กลุ่มอนุรักษ์-ทหาร’ รอมชอม ‘กลุ่มเสรีนิยม’ ได้หรือไม่ หลังก้าวไกลชนะขาด
สำนักข่าวต่างประเทศติดตามผลการเลือกตั้งไทยและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ที่จะตามมาหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายเหนือความคาดหมายของหลายฝ่าย และยังมองไปถึงการตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นตามมา
บีบีซีระบุว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในไทยปฏิเสธรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร ในการเลือกตั้งที่ได้รับการพูดถึงว่าถือเป็น “จุดเปลี่ยนของประเทศไทย” ซึ่งเผชิญกับการรัฐประหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหลังจากนี้อีกหลายสัปดาห์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความเห็นของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของไทยทุกเพศทุกวัย ที่เต็มใจจะเสี่ยงหรือให้โอกาสกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ แม้พวกเขาจะยังไม่ผ่านการทดสอบใดๆ ก็ตาม
อย่างไรก็ดีแม้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะประสบความสำเร็จ แต่อาจต้องเผชิญกับศึกแย่งชิงอำนาจเมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คน และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร 250 คน ร่วมกันลงคะแนนเลือก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งของไทยปฏิเสธชัดเจนต่อรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลัง และให้การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านหลักทั้ง 2 พรรคที่คาดว่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ดีการที่พรรคก้าวไกลเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับสถาบัน อาจก่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหารที่ยังคงมีอำนาจ ในประเทศที่การรัฐประหารและคำสั่งศาลมักจะชัยชนะเหนือผลการลงคะแนนเสียง ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าผลการเลือกตั้งอาจถูกสกัดขัดขวาง ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงรอบใหม่
จากการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งไป 97% พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมต่อพรรค 13.5 ล้านเสียง คณะที่พรรคเพื่อไทยมี 10.3 ล้านเสียง ความสำเร็จที่โดดเด่นของพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นช่องทางแสดงพลังของกลุ่มเยาวชนหัวรุนแรงที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่สร้างความสั่นสะเทือนในกรุงเทพเมื่อปี 2463
ผลที่ตามมาจากการเลือกตั้งครั้งนี้คือกระแสโจมตีอย่างหนักต่อพรรคเพื่อไทย จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งล่าสุดของนายทักษิณ ชินวัตร บิดาของน.ส.แพทองธาร ชินวัตรอีกด้วย
แม้จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอาจต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เขียนขึ้นโดยรัฐบาลทหาร นอกจากนี้ยังมีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าพรรคก้าวไกลอาจถูกยุบตามคำสั่งศาล เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้
เอเอฟพีสรุปว่า หลังจากที่เกิดรัฐประหารขึ้นนับสิบครั้งในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ตลอดกว่า 2 ทศวรรษ ประเทศไทยก็ตกอยู่ในการประท้วงตามท้องถนน การรัฐประหาร และคำสั่งศาลให้ยุบพรรคการเมือง จึงยังคงเป็นที่จับตามองว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหารจะหาทางปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงได้หรือไม่
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านของไทยถือเป็นการเปิดฉากไปสู่ความวุ่นวายในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อยุติการปกครองของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ยืนยาวมาเกือบทศวรรษในไทย ภายใต้การหนุนหลังโดยกองทัพ
อย่างไรก็ดียังห่างไกลจากความแน่นอนว่าทั้งสองพรรคจะได้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จากรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นหลังรัฐประหาร โดยพรรคฝ่ายค้านจะต้องทำข้อตกลงและรวบรวมเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย ซึ่งรวมถึงวุฒิสมาชิกที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย
การต่อสู้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในศึกที่ยืดเยื้อระหว่างพรรคเพื่อไทยของตระกูลชินวัตรกับสายสัมพันธ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยมและทหาร ซึ่งเป็นหัวใจของความวุ่นวายในไทยยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ โดยผลลัพท์เบื้องต้นสร้างความเสียหายให้กับกองทัพและพันธมิตร
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กระแสของพรรคก้าวไกลแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการเมืองไทย
“พรรคเพื่อไทยทำสงครามผิด พวกเขาต่อสู้ในสงครามประชานิยมซึ่งได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่พรรคก้าวไกลได้ยกระดับการต่อสู้ไปอีกขั้นด้วยการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งนั่นคือสมรภูมิใหม่ของการเมืองไทย” ฐิตินันท์ระบุ
ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านของไทยเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย ช่วยเติมเต็มความหวังของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนมากว่า การออกไปใช้สิทธิจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง 9 ปีหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารในปี 2557
เสาวนีย์ ที.อเล็กซานเดอร์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าว่า นี่คือสัญญานที่ดีสำหรับประชาธิปไตย มันคือการที่ผู้คนบอกว่าพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง พวกเขากำลังบอกว่าพวกเขารับมันไม่ได้อีกต่อไป ประชาชนเดือดร้อนมาก พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง และพวกเขาทำให้มันเกิดขึ้นได้
อเล็กซานเดอร์ระบุว่า สถานการณ์ก็ยังคงคาดเดาไม่ได้ และคณะกรรมการการเลือกตั้งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้งได้ โดยในอดีตพวกเขาจะใช้อำนาจเพื่อตัดสิทธิฝ่ายค้านและจัดการกับความท้าทายที่มีต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม
อย่างไรก็ดี เอพีมองว่า มีความเป็นไปได้ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะตกเป็นเป้าหมายในสิ่งที่ฝ่ายค้านเคยประสบมาแล้วและระบุว่าเป็นกลอุบายสกปรก จากการยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยกล่าวหาพิธาว่าไม่นำรายละเอียดในการถือหุ้นสื่อสำแดงไว้ในรายการทรัพย์สินตามกฎหมาย ซึ่งเคยทำให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่สูญเสียที่นั่งในสภาด้วยเหตุผลทางเทคนิคที่คล้ายคลึงกัน และจบลงด้วยการยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกมองว่า ท้าทายอย่างรุนแรงต่อสถาบันและกลุ่มอนุรักษ์นิยมมาแล้ว
เนติวิทย์ เผย ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย มุ่งหน้าสู่เกาหลีใต้ ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7664716
เปิดภาพล่าสุด เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ลาสิกขาแล้ว เผยเลือกตั้ง 2566 ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย มุ่งหน้าสู่เกาหลีใต้ ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร
จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 พระเนติวิทย์ ได้โพสต์ลง Facebook ระบุว่า ได้ลาสิกขาแล้ว พร้อมกันนี้ยังสอบบาลีได้ประโยค 1-2 ทั้งยังยืนยันเจตนารมณ์ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร โดยเสริมว่า “ระบบนี้กลับสร้างความขยาด กลัว มีคนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจนเสียชีวิต สิ้นเปลืองงบประมาณเกินจำเป็น”
“ต้องปรับให้สอดคล้องกับธรรม ก็คือ มีระบบสมัครใจ ให้สวัสดิการดีขึ้น กองทัพเองก็ได้ประโยชน์ และผู้คนก็ไม่ต้องสูญเสียงานที่ตนรักไปแต่ช่วยประเทศชาติสังคมในแนวทางตน แต่คนใฝ่อำนาจนิยมและคนรับสินบาทคาดสินบนจากระบบนี้จำนวนน้อยอาจจะเสียประโยชน์”
ล่าสุด วันนี้ (15 พ.ค. 66) เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้ออกมาเผยภาพผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว บัญชี @NetiwitC แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการเลือกตั้ง 2566 ว่า “ยินดีกับฝ่ายประชาธิปไตย #เลือกตั้ง2566” ทั้งยังเสริมอีกว่า “ขณะนี้กำลังจะเดินทางไปพูดเรื่องต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่เกาหลีใต้”
ท่ามกลางชาวเน็ตร่วมส่งกำลังใจ ให้เดินทางปลอดภัย และติดตามการไปเสวนาในเรื่อง ต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่เกาหลีใต้
ที่มา : NetiwitC
‘เพื่อไทย’ ยันหลีกทางก้าวไกลตั้ง รบ. ชลน่านชี้ยังไม่เห็นเงื่อนไข MOU ขอยึดประโยชน์ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3980988
‘ชลน่าน’ ยินดี ‘ก้าวไกล’ แลนด์สไลด์ ส่วนจับมือยังไม่ชัด เหตุไม่เห็นเงื่อนไข ย้ำต้องยึดประโยชน์ ปชช.เป็นหลัก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อเตรียมประชุมกับแกนนำพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังจากผลคะแนนการเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพรรค พท.ได้คะแนนมาเป็นอับดับสอง พร้อมกล่าวว่า วันนี้กรรมการบริหารพรรคจะมาคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานหลังจากนี้ว่าจะดำเนินต่ออย่างไร
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนเรื่องการจับมือจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีชัดว่ายอมรับเสียงของประชาชนที่ไว้วางใจพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้มาเป็นอันดับหนึ่ง ยินดีกับพรรค ก.ก.และยินดีที่จะให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะร่วมมือกันอย่างไรนั้น ในฐานะพรรคอันดับรองก็ต้องฟังเสียงของพรรคอันดับหนึ่งว่าจะมีท่าที ทิศทางอย่างไร
เมื่อถามถึงการลงนามเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ก.ก.จะมีข้อไหนที่อาจร่วมกันไม่ได้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่เป็นแนวทางที่พรรค ก.ก.ประกาศไว้ ซึ่งการลงนามชัดเจนถือเป็นเรื่องดี เพราะจะเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยว่าหากทำงานร่วมกันแล้วจะทำอะไรได้บ้าง ต้องคุยกัน ถ้าร่วมกันไม่ได้ ข้อไหน จะผ่อนคลาย หรือยอมกันได้แค่ไหน คงต้องดูตรงนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเนื้อหาว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง อาจยังตอบไม่ได้ถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นที่ทราบจะเน้นไปทางการทำงานตามนโยบาย
ถามต่อว่า หากลงนามเอ็มโอยูไม่ได้ พรรค พท.พร้อมเป็นฝ่ายค้านอีกหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ต้องดูในรายละเอียด ตอนนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เมื่อประชาชนมอบคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยท่วมท้นแบบนี้ เจตจำนงคงต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล สิ่งนี้สำคัญกว่า คือการจะมาคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าพอไปด้วยกันไม่ได้ แล้วต้องมาเป็นฝ่ายค้าน