== ¡Que viva México! (2023) มรดก..อลหม่าน.. ==



Pancho Reyes ผู้จัดการโรงงานในครอบครัวจากชนชั้นกลาง (ที่กำลังไต่เต้าไปอีกระดับ) 
ที่พยายามทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของมารี ภรรยาและลูกอีกสองคนของพวกเขา 
จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อของปันโช่โทรมาบอกว่า ปู่ของเขาเสียชีวิต และเพื่อทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของปู่ 
ตัวของเขาต้องมาร่วมงานศพให้ได้เพื่อฟังพินัยกรรม...



ปันโช่ไม่ต้องการที่จะรับรู้และยุ่งเกี่ยวอะไรกับครอบครัวที่ยากจนของเขา ซึ่งเขาละทิ้งมานานกว่า 20 ปี 
แต่ทว่าภรรยาของเขากลับสนับสนุนโดยบอกว่า อาจจะมีมรดกก้อนใหญ่ที่คุณปู่เก็บไว้ให้เขาก็เป็นได้.. 
ปันโช่จึงตัดสินกลับบ้าน โดยไม่รู้ว่าความวุ่นวายมหาศาลกำลังรอเขาอยู่.....



¡Que viva México! เป็นหนังตลกที่เสียดสีเรื่องของระบบชนชั้น ความเหลื่อมล้ำ ที่สะท้อนผ่านตัวของเรเยส 
ชายหนุ่มจากบ้านนอกมาเล่าเรียนในเมืองใหญ่ ก่อนที่จะไต่เต้าจนได้ดิบได้ดี การงานก็กำลังไปได้ไกล 
มีภรรยาหน้าตาสวย ลูกๆที่น่ารักอีก 2 คน แต่เขากลับทอดทิ้งครอบครัวผู้ให้กำเนิดที่อยู่ต่างเมือง โดยไม่เคยกลับไปเหลียวแลเลยแม้แต่น้อย



ด้วยความยาวถึง 191 นาที (ยาวเกิ้น) ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำเป็นมินิซีรี่ย์ได้ไม่ยาก ตัดต่อแบ่งได้เป็น 6 ตอนสบายๆ ..
จำนวนตัวละครเครือญาตินั้นมีเยอะมาก แต่ไม่มีปัญหาสำหรับการรับชมเพราะตัวหนังแบ่งสันปันส่วนได้ดี 
แทบทุกคนมีบทบาทที่ชัดเจนไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่นั่นก็ต้องใช้เวลาชมยาวพอสมควร 
แต่หนังไม่มีช่วงให้เราพักหายใจหายคอได้เลย เพราะการดำเนินเรื่องทุกอย่างไปได้อย่างรวดเร็ว (แต่ก็มีช่วงเนือยๆบ้างนิดหน่อย)



¡Que viva México! ผลงานการกำกับและเขียนบทโดยหลุยส์ เอสตราด้า ซึ่งเป็นโปรเจ็คต์แรกในรอบ 10 ปีของเจ้าตัว 
เรื่องยังพูดถึงเรื่องของการเมืองท้องถิ่น การฉ้อฉลจากผู้มีอำนาจรัดที่คอยเอาเปรียบคนยากจน 
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินกับประเทศที่กำลังพัฒนา..ถึงได้ไม่พัฒนาไปไหนสักที



ความวายป่วง โกลาหล ความโลภโมโทสันอย่างสุดขั้วโดยไม่สนว่าใครจะเป็นอย่างไร 
ทุกฝ่ายคิดอย่างเดียวก็คือการกอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่จะไปได้ ทั้งหมดเราจะได้พบในหนังเรื่องนี้ ... 
โดยในตอนแรกนั้นคนดูอย่างเราจะรู้สึกไม่ชอบปันโช่อย่างแรงว่าทำไมแกมันอกตัญญูขนาดนี้ ทิ้งครอบครัวไม่ยอมกลับบ้านบ้าง 
แต่พอดูๆ ไปเราก็พอเข้าใจ เพราะตระกูลเรเยสทุกคนทำตัวเหมือนปลิงที่พร้อมจะดูดเลือดลูกชายคนนี้จนหมดเนื้อหมดตัวเช่นกัน 



“ฉันอาจจะชนะศึก แต่ฉันก็พ่ายแพ้ต่อสงคราม” เป็นประโยคหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมว่าเป็นบทสรุปปิดท้ายที่เข้าท่าทีเดียวครับ...

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่