กระทู้ก่อนหน้าเราพูดถึงการรับรู้สถานะทางการเงินของตนเองค้างไว้ วันนี้ขอมาต่อให้จบเรื่องนะครับ
เราค้างไว้ที่ กลุ่มที่ 3 คือ คนที่มีเงินเดือนไม่พอรายจ่าย (ยาวหน่อยนะครับ Part นี้)
3.เงินเดือนไม่พอรายจ่าย
กลุ่มนี้จริงๆต้องมีการสำรวจตัวเองเพิ่มเติมก่อนนะครับ ว่าตัวเอง มีเงินเดือนไม่พอรายจ่าย จริงหรือ?
หลายคนคงสงสัยว่า เอ้า ก็ไม่พอไง ทำไมต้องจริงหรือไม่จริง
ที่ผมถามแบบนี้ก็เพราะว่า บางคนที่เดือนไม่ชนเดือน เพราะมีรายจ่าย"ไม่จำเป็นจริงๆ" มากเกินไปครับ จนทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย และหลายๆคนก็เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการ "หมุนเงิน" ยืมบัตรเครดิตบาง วงเงินโอดีที่ทำงานบ้าง เพื่อนๆบ้าง ตามที่จะหาช่องทางได้ และพอได้รับเงินเดือนก็จะนำเงินเดือนไปชำระหนี้ตรงนั้น และสื้นเดือนก็เข้าลูปเดิม วนไปวนมา
หากท่านอยู่ในกลุ่มนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ บัญชีรับจ่าย ครับ
จดทุกอย่าง รายรับ รายจ่ายแต่ละวัน เงินเราออกไปทางไหนบ้าง เชื่อไหมครับว่าลองจดได้สักอาทิตย์ หลายๆคนก็จะได้คำตอบละว่าทำไมเงินเดือนไม่พอเดือน ไม่ขอล่วงไปถึงว่าใช้จ่ายอะไร จำเป็นไม่จำเป็นนะครับ เพราะความจำเป็นแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ขอกล่าวไปในส่วนของการจัดการการเงิน โดยขอให้ใช้หลักคิดว่า
1.เงินที่จ่ายไป จำเป็นจริงๆไหม
จำเป็นในที่นี้คือ ไม่จ่ายไม่ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต
2.เงินที่จ่ายไป มีสิ่งทดแทนที่ราคาถูกลงมาได้ไหม หรือไม่จ่ายได้ไหม
เช่น กินข้าวจานละ 80 หาร้านที่จานละ 60 ได้ไหม หรือเอาไปกินจากบ้านได้ไหม น้ำดื่มถูกลงได้ไหม การเดินทาง มีการประหยัดได้ไหม ค่าโทร เปลี่ยนโปร ลดลงได้ไหม บลาๆๆ
3.เงินที่จ่ายไป ถ้าไม่จ่ายได้ไหม หรือลดได้ไหม
เช่น เข้า 7 ทุกคืน / เติมเกมส์ / ขนมสุดโปรด บางครั้งเราจ่ายทุกๆวัน วันละ 50 บาท เหมือนไม่มาก แต่ถ้าเป็นเดือนก็หลายบาทนะครับ
เมื่อเราทำบัญชีรับจ่าย เห็นช่องทางที่เงินออกแล้ว และเมื่อเราเห็นเงินออกไปทางไหนบ้าง เราจะลดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้างแล้ว ถึงจุดนี้ เชื่อว่า สถานะทางการเงินของหลายๆคนในกลุ่มนี้น่าจะอยู่ในกลุ่ม 2 คือ เดือนชนเดือน หรือดีไม่ได้ อาจจะอยู่ในกลุ่ม 1 คือ เงินเดือนเหลือ ก็เป็นไปได้ครับ
หรือมในเคสที่หนักจริงๆ ลดทุกอย่างแล้วก็ยังไม่พอ ก็คงต้องช่องทางสุดท้ายครับ คือ เพิ่มรายได้
ครับ เพิ่มรายได้ พูดง่ายแต่ทำยากเข้าใจครับ
การเพิ่มรายได้ ไม่ใช่นึกอยากจะทำแล้วมันจะสำเร็จ จะเพิ่มยังไง เริ่มตรงไหน เวลาไม่มี ที่อยู่ก็เหนื่อยจะตายแล้ว เข้าใจครับ
แต่ถ้าอยากจะหลุดจากวังวน และก้าวไปสู้สิ่งที่ดีกว่า คุณก็ต้องพยามยามมากกว่าคนอื่นครับ
การเพิ่มรายได้ง่ายที่สุด และทรมานน้อยที่สุดคือ เริ่มจากสิ่งที่เรารักครับ ชอบทำอาหาร ชอบขายของ ชอบท่องเที่ยว ชอบขนม ชอบคุย
หาช่องทางจากมัน ทำข้าวไปขาย ทำบล็อกเกอร์ ติ๊กต๊อกเกอร์ เล่นหุ้น เทรดคริปโต
ถ้า...เราไม่มีสิ่งที่ชอบหรือนึกไม่ออก ก็เริ่มจากอะไรสักอย่างครับ หาความรู้แล้วลงมือทำ ได้ไม่ได้ วันหนึ่งก็จะดีขึ้นครับ
อันนี้ขอยกตัวอย่างตัวเองละกัน เคยเป็น มือหนัก จ่ายทุกอย่าง บัตรเครดิตวงเงินเยอะมาก และแล้ววัหนนึ่งก็ถึงจุดตันครับ ใช้เงินเกินตัว จนวันที่หนักมากจริงๆ คือ ต้องยืมเงินที่บ้านมา 10,000 บาท เพื่อทำทุนทำสลัดขาย ได้กำไรวันละ 200 แต่ต้องแลกกับการทำงานเลิก ห้าทุ่ม ตื่นตี 4 มาทำสลัด ไปทำงาน 7 โมง บอกเลยว่าจุดนั้นโคตรเหนื่อย และเมื่อผ่านมันมาได้ "ค่าของเงิน"ของคุณจะไม่เหมือนเดิม ใช้จ่ายจะระวัง คิด มากขึ้น
แล้วมาถึงจุดนี้ เรามีรายได้ไม่พอจ่าย และจะเอาที่ไหนมาออมละ
ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยว่า...ออมเพื่อให้เหลือครับ ไม่ใช่เหลือแล้วค่อยออม
ออมยังไงใช่ไหมครับ
ออมจากเศษเหรียญ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ หนึ่งบาท ห้าบาท สิบบาท ช่างมัน เหลือกับมาเท่าไหร่ ออมเท่านั้น และเริ่มจากง่ายๆครับ แยกบัญชีเงินออม อาจจะใช้วิธีโอนเงินผ่านแอฟไปออม เชื่อไหมครับว่าเหลือ ให้ดี สำหรับคนมีคู่ เปิดบัญชีร่วม(แบบต้องถอนสองคน) แล้วโอนเงินไปฝากเรื่อยๆ เพราะเวลาจะไปถอนมันยาก มันยุ่ง มันยน่ารำคาญ และมันก็จะเหลือครับ อย่าไปดูถูกเงินบาทนะครับ ลองเก็บสักเดือนสองเดือน เชือซิว่าจะตกใจ ว่าเหลือเท่าไหร่
ส่วนเรื่องว่าออมเงินแบบไหนดี จะออมยังไงดี เงินฝากดีไหม หุ้นเล่นไม่เป็น แต่เงินฝากก็ผลตอบแทนแย่จัง เราค่อยมาหาคำตอบกันในกระทู้ข้างหน้านะครับ
กระทู่นี้มันคงยาวไปแล้ว พบกันครั้งหน้าครับ
จะเล่าจนกว่าจะมีคนฟัง Part 3 สุขภาพการเงิน กับ การออมเงิน (ต่อ)
เราค้างไว้ที่ กลุ่มที่ 3 คือ คนที่มีเงินเดือนไม่พอรายจ่าย (ยาวหน่อยนะครับ Part นี้)
3.เงินเดือนไม่พอรายจ่าย
กลุ่มนี้จริงๆต้องมีการสำรวจตัวเองเพิ่มเติมก่อนนะครับ ว่าตัวเอง มีเงินเดือนไม่พอรายจ่าย จริงหรือ?
หลายคนคงสงสัยว่า เอ้า ก็ไม่พอไง ทำไมต้องจริงหรือไม่จริง
ที่ผมถามแบบนี้ก็เพราะว่า บางคนที่เดือนไม่ชนเดือน เพราะมีรายจ่าย"ไม่จำเป็นจริงๆ" มากเกินไปครับ จนทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย และหลายๆคนก็เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการ "หมุนเงิน" ยืมบัตรเครดิตบาง วงเงินโอดีที่ทำงานบ้าง เพื่อนๆบ้าง ตามที่จะหาช่องทางได้ และพอได้รับเงินเดือนก็จะนำเงินเดือนไปชำระหนี้ตรงนั้น และสื้นเดือนก็เข้าลูปเดิม วนไปวนมา
หากท่านอยู่ในกลุ่มนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ บัญชีรับจ่าย ครับ
จดทุกอย่าง รายรับ รายจ่ายแต่ละวัน เงินเราออกไปทางไหนบ้าง เชื่อไหมครับว่าลองจดได้สักอาทิตย์ หลายๆคนก็จะได้คำตอบละว่าทำไมเงินเดือนไม่พอเดือน ไม่ขอล่วงไปถึงว่าใช้จ่ายอะไร จำเป็นไม่จำเป็นนะครับ เพราะความจำเป็นแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ขอกล่าวไปในส่วนของการจัดการการเงิน โดยขอให้ใช้หลักคิดว่า
1.เงินที่จ่ายไป จำเป็นจริงๆไหม
จำเป็นในที่นี้คือ ไม่จ่ายไม่ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต
2.เงินที่จ่ายไป มีสิ่งทดแทนที่ราคาถูกลงมาได้ไหม หรือไม่จ่ายได้ไหม
เช่น กินข้าวจานละ 80 หาร้านที่จานละ 60 ได้ไหม หรือเอาไปกินจากบ้านได้ไหม น้ำดื่มถูกลงได้ไหม การเดินทาง มีการประหยัดได้ไหม ค่าโทร เปลี่ยนโปร ลดลงได้ไหม บลาๆๆ
3.เงินที่จ่ายไป ถ้าไม่จ่ายได้ไหม หรือลดได้ไหม
เช่น เข้า 7 ทุกคืน / เติมเกมส์ / ขนมสุดโปรด บางครั้งเราจ่ายทุกๆวัน วันละ 50 บาท เหมือนไม่มาก แต่ถ้าเป็นเดือนก็หลายบาทนะครับ
เมื่อเราทำบัญชีรับจ่าย เห็นช่องทางที่เงินออกแล้ว และเมื่อเราเห็นเงินออกไปทางไหนบ้าง เราจะลดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้างแล้ว ถึงจุดนี้ เชื่อว่า สถานะทางการเงินของหลายๆคนในกลุ่มนี้น่าจะอยู่ในกลุ่ม 2 คือ เดือนชนเดือน หรือดีไม่ได้ อาจจะอยู่ในกลุ่ม 1 คือ เงินเดือนเหลือ ก็เป็นไปได้ครับ
หรือมในเคสที่หนักจริงๆ ลดทุกอย่างแล้วก็ยังไม่พอ ก็คงต้องช่องทางสุดท้ายครับ คือ เพิ่มรายได้
ครับ เพิ่มรายได้ พูดง่ายแต่ทำยากเข้าใจครับ
การเพิ่มรายได้ ไม่ใช่นึกอยากจะทำแล้วมันจะสำเร็จ จะเพิ่มยังไง เริ่มตรงไหน เวลาไม่มี ที่อยู่ก็เหนื่อยจะตายแล้ว เข้าใจครับ
แต่ถ้าอยากจะหลุดจากวังวน และก้าวไปสู้สิ่งที่ดีกว่า คุณก็ต้องพยามยามมากกว่าคนอื่นครับ
การเพิ่มรายได้ง่ายที่สุด และทรมานน้อยที่สุดคือ เริ่มจากสิ่งที่เรารักครับ ชอบทำอาหาร ชอบขายของ ชอบท่องเที่ยว ชอบขนม ชอบคุย
หาช่องทางจากมัน ทำข้าวไปขาย ทำบล็อกเกอร์ ติ๊กต๊อกเกอร์ เล่นหุ้น เทรดคริปโต
ถ้า...เราไม่มีสิ่งที่ชอบหรือนึกไม่ออก ก็เริ่มจากอะไรสักอย่างครับ หาความรู้แล้วลงมือทำ ได้ไม่ได้ วันหนึ่งก็จะดีขึ้นครับ
อันนี้ขอยกตัวอย่างตัวเองละกัน เคยเป็น มือหนัก จ่ายทุกอย่าง บัตรเครดิตวงเงินเยอะมาก และแล้ววัหนนึ่งก็ถึงจุดตันครับ ใช้เงินเกินตัว จนวันที่หนักมากจริงๆ คือ ต้องยืมเงินที่บ้านมา 10,000 บาท เพื่อทำทุนทำสลัดขาย ได้กำไรวันละ 200 แต่ต้องแลกกับการทำงานเลิก ห้าทุ่ม ตื่นตี 4 มาทำสลัด ไปทำงาน 7 โมง บอกเลยว่าจุดนั้นโคตรเหนื่อย และเมื่อผ่านมันมาได้ "ค่าของเงิน"ของคุณจะไม่เหมือนเดิม ใช้จ่ายจะระวัง คิด มากขึ้น
แล้วมาถึงจุดนี้ เรามีรายได้ไม่พอจ่าย และจะเอาที่ไหนมาออมละ
ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยว่า...ออมเพื่อให้เหลือครับ ไม่ใช่เหลือแล้วค่อยออม
ออมยังไงใช่ไหมครับ
ออมจากเศษเหรียญ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ หนึ่งบาท ห้าบาท สิบบาท ช่างมัน เหลือกับมาเท่าไหร่ ออมเท่านั้น และเริ่มจากง่ายๆครับ แยกบัญชีเงินออม อาจจะใช้วิธีโอนเงินผ่านแอฟไปออม เชื่อไหมครับว่าเหลือ ให้ดี สำหรับคนมีคู่ เปิดบัญชีร่วม(แบบต้องถอนสองคน) แล้วโอนเงินไปฝากเรื่อยๆ เพราะเวลาจะไปถอนมันยาก มันยุ่ง มันยน่ารำคาญ และมันก็จะเหลือครับ อย่าไปดูถูกเงินบาทนะครับ ลองเก็บสักเดือนสองเดือน เชือซิว่าจะตกใจ ว่าเหลือเท่าไหร่
ส่วนเรื่องว่าออมเงินแบบไหนดี จะออมยังไงดี เงินฝากดีไหม หุ้นเล่นไม่เป็น แต่เงินฝากก็ผลตอบแทนแย่จัง เราค่อยมาหาคำตอบกันในกระทู้ข้างหน้านะครับ
กระทู่นี้มันคงยาวไปแล้ว พบกันครั้งหน้าครับ