ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ เม.ย.ขยับขึ้นทุกภูมิภาค ใต้-ตะวันออกดีสุดรับท่องเที่ยว-บริการหนุน
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนเม.ย.66 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าที่จะปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการเป็นสำคัญ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนเมษายน 2566 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนเมษายน 2566 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้า ที่จะปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการเป็นสำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
โดยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 83.5 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจากประเทศคู่ค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยางพารา ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 82.3 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการเนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พบว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 84.3 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการและอุตสาหกรรมเช่นกัน ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 77.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจากคู่ค้าในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเกษตรแปรรูป และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคบริการในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวไทยตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 77.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันมีมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และในภาคการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการภาคบริการบางรายมีแนวโน้มที่จะขยายกิจการของตนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 76.8 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และในภาคการลงทุน เนื่องจากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการบางรายมีแนวโน้มจะขยายกิจการเพิ่มขึ้นดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 71.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคการลงทุนในอนาคตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้จากการที่ผู้ประกอบการบางรายมีแนวโน้มที่จะขยายกิจการของตนเพิ่มขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 60.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อจากคู่ค้าในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น และในภาคบริการจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบางรายมีความกังวลต่ออัตราค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง
https://siamrath.co.th/n/441624
แอร์ไลน์จีนคึกคัก แห่เพิ่มไฟลต์เข้าไทย กพท.อนุมัติเป็น 400 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่มมิ.ย.นี้ หลังสุวรรณภูมิเร่งแก้คอขวดบริการภาคพื้น
กพท.ถกสายการบินจีน จัด SLOT เพิ่มเข้าไทยเป็น 400 -500 เที่ยวบิน/สัปดาห์ หรือ1,600 เที่ยวบิน/เดือน หลังเร่งสุวรรณภูมิทะลวงคอขวด เพิ่มผู้ให้บริการภาคพื้นชั่วคราวอีก 2 ราย ระหว่างรอประมูล PPP รายที่ 3
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายการบินจากประเทศจีน ที่มีความต้องการเปิดทำการบิน และเพิ่มความถี่มาที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง แต่สามารถจัดสรรให้ได้ 10-20% ของความต้องการเท่านั้น เนื่องจาก สนามบินสุวรรณภูมิ มีข้อจำกัดในเรื่องการบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น ซึ่งล่าสุดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้มีการจัดหาผู้ให้บริการบริการภาคพื้น 2 ราย คือ บริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) และบริษัท พัทยาเอวิเอชั่นจำกัด มาช่วยให้บริการแบบชั่วคราว จนกว่า ทอท.จะประมูล PPP คัดเลือกผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ได้ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของบริการและรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2566 กพท. ได้มีการประชุมร่วมกับสายการบินจีนกว่า 10 สายเพื่อจัดสรรเที่ยวบินเพิ่มเติม ให้ตามที่ต้องการ และเป็นไปตามสิทธิ์ SLOT ที่ได้จัดสรรในตารางบินฤดูร้อน (Summer Schedule) โดยเบื้องต้น คาดว่าเที่ยวบินจากประเทศจีนจะทำการบินเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 430 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปัจจุบันที่ มีกว่า100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เท่านั้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป
“กพท.ในฐานะผู้จัดสรร SLOT ก่อนอนุมัติ ให้สายการบิน จะต้องพิจารณาการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องก่อน ซึ่งที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีปัญหาบริการภาคพื้น จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ให้บริการ 2 ราย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และบริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด หรือ BFS รองรับเที่ยวบินได้ราว 40% จากที่เคยให้บริการได้เพราะขาดแรงงานและเครื่องมือไม่เพียงพอ ดังนั้นหากเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาตาม Slot เต็มที่ จะเกิดปัญหาแออัดคอขวดและผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก”
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ก่อนเกิดโควิด เที่ยวบินจากจีนมีจำนวนมากเฉพาะ ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์สายเดียวทำการบินมากกกว่า 400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่ง หลังจากได้ข้อสรุปและสร้างความมั่นใจในบริการ ของสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว สายการบินจีน จะไปทำการตลาด และจะทยอยเพิ่มเที่ยวบินตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป โดยเชื่อว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนยังมีสูงและจะเพิ่มกลับไปถึงระดับก่อนเกิดโควิดแน่นอน
https://mgronline.com/business/detail/9660000041376
เลือกลุงตู่ทำต่อไปนะคะ....💜💖❤💛💙🧡
💖มาลาริน💖ดีตั้งแต่ยุคลุงตู่แล้วแหละค่ะ...ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ เม.ย.ขยับขึ้นทุกภูมิภาค/จีนเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนเม.ย.66 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าที่จะปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการเป็นสำคัญ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนเมษายน 2566 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนเมษายน 2566 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้า ที่จะปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการเป็นสำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
โดยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 83.5 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจากประเทศคู่ค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยางพารา ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 82.3 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการเนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พบว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 84.3 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการและอุตสาหกรรมเช่นกัน ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 77.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจากคู่ค้าในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเกษตรแปรรูป และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคบริการในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวไทยตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 77.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันมีมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และในภาคการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการภาคบริการบางรายมีแนวโน้มที่จะขยายกิจการของตนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 76.8 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และในภาคการลงทุน เนื่องจากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการบางรายมีแนวโน้มจะขยายกิจการเพิ่มขึ้นดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 71.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคการลงทุนในอนาคตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้จากการที่ผู้ประกอบการบางรายมีแนวโน้มที่จะขยายกิจการของตนเพิ่มขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 60.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่ายอดคำสั่งซื้อจากคู่ค้าในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น และในภาคบริการจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบางรายมีความกังวลต่ออัตราค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง
https://siamrath.co.th/n/441624
แอร์ไลน์จีนคึกคัก แห่เพิ่มไฟลต์เข้าไทย กพท.อนุมัติเป็น 400 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่มมิ.ย.นี้ หลังสุวรรณภูมิเร่งแก้คอขวดบริการภาคพื้น
กพท.ถกสายการบินจีน จัด SLOT เพิ่มเข้าไทยเป็น 400 -500 เที่ยวบิน/สัปดาห์ หรือ1,600 เที่ยวบิน/เดือน หลังเร่งสุวรรณภูมิทะลวงคอขวด เพิ่มผู้ให้บริการภาคพื้นชั่วคราวอีก 2 ราย ระหว่างรอประมูล PPP รายที่ 3
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายการบินจากประเทศจีน ที่มีความต้องการเปิดทำการบิน และเพิ่มความถี่มาที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง แต่สามารถจัดสรรให้ได้ 10-20% ของความต้องการเท่านั้น เนื่องจาก สนามบินสุวรรณภูมิ มีข้อจำกัดในเรื่องการบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น ซึ่งล่าสุดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้มีการจัดหาผู้ให้บริการบริการภาคพื้น 2 ราย คือ บริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) และบริษัท พัทยาเอวิเอชั่นจำกัด มาช่วยให้บริการแบบชั่วคราว จนกว่า ทอท.จะประมูล PPP คัดเลือกผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ได้ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของบริการและรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2566 กพท. ได้มีการประชุมร่วมกับสายการบินจีนกว่า 10 สายเพื่อจัดสรรเที่ยวบินเพิ่มเติม ให้ตามที่ต้องการ และเป็นไปตามสิทธิ์ SLOT ที่ได้จัดสรรในตารางบินฤดูร้อน (Summer Schedule) โดยเบื้องต้น คาดว่าเที่ยวบินจากประเทศจีนจะทำการบินเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 430 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปัจจุบันที่ มีกว่า100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เท่านั้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป
“กพท.ในฐานะผู้จัดสรร SLOT ก่อนอนุมัติ ให้สายการบิน จะต้องพิจารณาการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องก่อน ซึ่งที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีปัญหาบริการภาคพื้น จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ให้บริการ 2 ราย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และบริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด หรือ BFS รองรับเที่ยวบินได้ราว 40% จากที่เคยให้บริการได้เพราะขาดแรงงานและเครื่องมือไม่เพียงพอ ดังนั้นหากเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาตาม Slot เต็มที่ จะเกิดปัญหาแออัดคอขวดและผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก”
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ก่อนเกิดโควิด เที่ยวบินจากจีนมีจำนวนมากเฉพาะ ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์สายเดียวทำการบินมากกกว่า 400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่ง หลังจากได้ข้อสรุปและสร้างความมั่นใจในบริการ ของสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว สายการบินจีน จะไปทำการตลาด และจะทยอยเพิ่มเที่ยวบินตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป โดยเชื่อว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนยังมีสูงและจะเพิ่มกลับไปถึงระดับก่อนเกิดโควิดแน่นอน
https://mgronline.com/business/detail/9660000041376
เลือกลุงตู่ทำต่อไปนะคะ....💜💖❤💛💙🧡