JJNY : โรงพยาบาล ก็อั้นไม่ไหว!!│เพื่อไทยแถลง เริ่ม ‘รดน้ำที่ราก’│‘ชูวิทย์’โพสต์เตือน‘ทักษิณ’│เครือข่ายแรงงานฯ บุกทำเนียบ

โรงพยาบาล ก็อั้นไม่ไหว!! จ่อปรับ ‘ขึ้นค่ารักษา’ ตามค่าไฟ-ค่าแรง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3953197
 
 
อั้นไม่ไหว ‘โรงพยาบาล’ จ่อปรับขึ้นค่ารักษาตามค่าไฟ ค่าแรง
 
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายแพทย์นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผู้อํานวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เปิดเผยว่า จากค่าเอฟทีที่ปรับขึ้นรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ส่งผลกระทบต่อค่าไฟในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 10-20% เพราะโรงพยาบาลต้องใช้ไฟตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสมิติเวชได้ปรับค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลอีก 3% เพราะไม่ใช่แค่ค่าไฟที่แพงขึ้น ยังมีค่าอื่นๆอื่น ที่ปรับขึ้น เช่น เงินเดือน ค่ายา

• จี้รัฐบาลปรับลดค่าไฟลงอีก
 
นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟ ทางโรงพยาบาลได้ลงทุนระบบควบคุมการใช้ไฟฟ้าในห้องพักคนไข้ใหม่ด้วยระบบไอโอที ซึ่งช่วยประหยัดได้ 20-30% ทำให้พอสู้กับค่าไฟแพงได้ อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลลดค่าเอฟทีลงอีก แม้ในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้จะอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ยังถือว่าสูงอยู่ เพราะค่าไฟเป็นต้นทุนพื้นฐานของคนทุกกลุ่ม
 
ค่ารักษาพยาบาลเราไม่ขึ้นก็ไม่ได้ เพราะต้นทุนต่างๆสูงขึ้นมาก แต่ถือว่าเราขึ้นน้อยที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ เราจะพยายามตรึงค่ารักษาไว้ให้นานที่สุด แต่ไม่รับปาก 100% ว่าจะไม่ขึ้นค่าการรักษาอีก เพราะไม่ใช่ค่าไฟอย่างเดียว ยังมีค่าแรง ค่ายาอีก ปัจจุบันเรามีคนไข้เข้ามาใช้บริการวันละ 2,000-2,500 คน เป็นคนไทย 55% ต่างชาติ 45% เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉี่ยงใต้ ส่วนคนจีนยังไม่มาก เพราะเพิ่งเปิดประเทศและเริ่มเข้ามาใช้บริการ” นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าว

• ไม่หวังเลือกตั้งจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น
 
นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าวว่าหลังการเลือกตั้งยังมองไม่ออกว่าเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศจะไปในทิศทางไหน จะดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าปัจจุบันที่เศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้ว เนื่องจากดูนโยบายของแต่ละพรรคแล้วล้วนขายฝันทั้งนั้น
 
ส่วนตัวมองว่าใครก็ได้ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อมาช่วยทำให้บ้านเมือง เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้จริง และลดปัญหาการคอรัปชั่น เรื่องแรกที่อยากเห็นหลังมีรัฐบาลใหม่คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ทำยังไงก็ได้ให้เศรษฐกิจเสถียร คนรากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ สิ่งสำคัญรัฐบาลไม่ควรจะมีนโยบายแจกเงินอีก แต่ต้องหาวิธีการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม เช่น ให้การส่งเสริมวิชาชีพ และการศึกษา เป็นต้น “นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าว
 
• ‘ยันฮี’ ตรึงค่ารักษาได้อีก 6 เดือน
  
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากค่าไฟแพง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 10-20% จากปกติจ่ายค่าไฟประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากโรงพยาบาลต้องเปิดบริการ 24 ชัวโมง ทั้งนี้เพื่อลดภาระคนไข้ ทางโรงพยาบาลจะยังไม่ขึ้นค่ารักษาพยาบาลในขณะนี้ โดยรอดูสถานการณ์อีกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อประเมินสภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งจากค่าต่างๆ ทั้งค่าไฟ เงินเดือน แต่ถึงจุดหนึ่งเมื่อรับภาระต้นทุนไม่ไหวก็คงต้องปรับขึ้น เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ปรับค่ารักษาพยาบาลมา 5 ปีแล้ว และจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทางโรงพยาบาลได้ปรับกลยุทธ์โดยออกรายการรักษาใหม่ที่ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม โดยคิดค่ารักษาตามสัดส่วนค่าบริการ ค่าต่างๆ และกำไรที่เพิ่มขึ้น 20-30%

• ‘ต่างชาติ’ แห่บินศัลยกรรม
 
ตอนนี้คนไข้มาใช้บริการวันละ 1,200-1,300 คน ยังไม่กลับไปเท่าปีก่อนโควิดที่มีคนไข้วันละ 2,000 คน แต่เริ่มดีขึ้นกว่าช่วงโควิดที่คนไข้เหลือวันละ 500 คน ซึ่งคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการยังเป็นคนไทย 90% อีก 10% เป็นต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นเวียดนาม พม่า ลาว และจีน มาทำศัลยกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก หน้าอก แปลงเพศ ส่วนจีนเพิ่งเริ่มเข้ามาได้ 1 เดือน ยังไม่มากอยู่ที่วันละ 10-20 คน” นายแพทย์สุพจน์กล่าว

• ‘สินแพทย์’ลั่นตรึงให้นานที่สุด

นายสิทธิ ภานุพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท สินแพทย์ จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลสินแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 7 แห่งยังไม่ปรับค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากค่าไฟเพิ่มขึ้น 30% หรือ 4-5 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมจ่ายอยู่ 10 กว่าล้านบาทต่อเดือน รวมถึงค่ายาที่ปรับขึ้น 3%และค่าแรงที่ปรับเงินเดือนให้พนักงานปีละ 3-5% โดยโรงพยาบาลพยามประคับประคองไว้ให้นานที่สุด เนื่องจากลูกค้าไม่ได้เป็นกลุ่มระดับบน การจะขึ้นค่ารักษาก็ค่อนข้างจะลำบากในภาวะแบบนี้
 
เราอยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนและสภาวะตลาดว่าจะต้องปรับขึ้นหรือไม่ เพราะของเราไม่ใช่ระดับไฮเอนด์ อะไรที่เราเซฟได้ เราก็เซฟ หากจะปรับก็คงไม่เกิน 3% ตามมาตรฐานของตลาด และเราเริ่มติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟไปบ้างแล้วด้วย” นายสิทธิกล่าว



เพื่อไทย ออกคำแถลงวันแรงงาน เริ่ม ‘รดน้ำที่ราก’ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอำนาจให้ต่อรอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3953199
 
เพื่อไทย ออกคำแถลงวันแรงงาน ขอเริ่ม ‘รดน้ำที่ราก’ ยกระดับคุณภาพชีวิต มีอำนาจให้ต่อรอง
 
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับ วันแรงงานแห่งชาติ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกคำแถลง หัวข้อ “รดน้ำที่ราก” สะท้อนถึงแรงงานไทย โดยระบุว่า 

พี่น้องแรงงานคือ “แรงขับเคลื่อน” สำคัญในเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาโดยตลอด แต่ 8 ปีที่ผ่านมากลับเป็นภาคส่วนที่ถูกละเลย ได้รับผลกระทบสูงสุดจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คุณภาพชีวิตเปราะบางย่ำแย่ลงจาก 8 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงถูกแช่แข็ง รายได้ไม่พอต่อค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สินฉุดรั้ง ไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ อีกทั้งยังเจอปัญหาสังคม ยาเสพติด มลภาวะคอยกัดกร่อนชีวิต

วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่น้องแรงงาน พรรคเพื่อไทยจะยกระดับแรงงานไทย มีงานให้เลือก มีรายได้ให้พอ มีเงินให้เหลือในกระเป๋า มีอำนาจให้ต่อรอง มีสังคมและคุณภาพชีวิตให้สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้อย่างมีศักดิ์ศรี
พรรคเพื่อไทยจะ “รดน้ำที่ราก” โดยนโยบายของพรรคจะเริ่มจากการสร้างฐานที่แข็งแรง พี่น้องแรงงานต้องได้รับการดูแลในทุกมิติ
  
1.ค่าแรงขั้นต่ำ : พรรคเพื่อไทยจะยกระดับรายได้ของพี่น้องแรงงานทั้งระบบ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ผ่าน 2 นโยบายหลัก คือค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ความกินดีอยู่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ และลดทอนภาระหนี้ให้กับพี่น้องแรงงานทั้งประเทศ
 
นอกจากนั้น พรรคเพื่อไทยจะมีการเติมเงินดิจิทัลให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน จำนวน 10,000 บาท ซึ่งนอกจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

นโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจของประเทศโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% บริหารจัดการค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ดูแลทุกภาคส่วนตั้งแต่การเกษตร การท่องเที่ยวและบริการ การผลิตและส่งออก เพื่อให้ทั้งฝ่ายแรงงานและภาคเอกชนได้รับประโยชน์จากขนาดของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างยุติธรรม
 
2.ศักยภาพแรงงาน : พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะแรงงาน โดยเฉพาะการค้นหาทักษะใหม่ ปลดล็อกศักยภาพของคนไทยในระดับครัวเรือนผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power เพื่อสร้างรายได้ให้ทุกครัวเรือนผ่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างงานใหม่กว่า 20 ล้านตำแหน่ง
และพรรคเพื่อไทยมีนโยบายสร้างแพลตฟอร์มการศึกษา Learn to Earn เพื่อจะพัฒนาศักยภาพแรงงานในทุกช่วงอายุและจะเชื่อมกับระบบการจัดหางานกลางของประเทศ การศึกษาจะยืดหยุ่น ทันสมัย สามารถผลิตแรงงานคุณภาพสูงที่ตรงต่อกับความต้องการของตลาด การหางานที่เหมาะสมกับตัวเองจะง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว
 
3.สิทธิและสวัสดิภาพแรงงงาน : พรรคเพื่อไทยจะยกระดับสวัสดิการพี่น้องแรงงานทั้งระบบ นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคและระบบประกันสังคม จะทำให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุขสะดวกรวดเร็วขึ้นผ่านเทคโนโลยี รวมทั้งมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิแรงงาน เพื่อให้ได้รับสิทธิการเข้าถึงการจ้างงานโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
 
ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ก่อตั้งสหภาพแรงงาน หรือองค์กรของแรงงาน ผลักดันให้รัฐบาลให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ดูแลด้านสวัสดิการ สุขอนามัย และคุณภาพชีวิตของแรงงานในทุกเพศสภาพ สิทธิวันลาคลอดและสิทธิแรงงานคู่สมรสลาเลี้ยงลูกเพื่อสร้างรากฐานครอบครัวให้แข็งแรง รวมถึงการศึกษาและเสนอกฎหมายแรงงานให้ทันสมัย ครอบคลุมธุรกิจรูปแบบใหม่ และมีความยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
 
พรรคเพื่อไทย
1 พฤษภาคม 2566
 
https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0KgBQ9vE7GQ4NVEYN8oBpLUxdcnW8Yt4RJX3bL7oCEhZhodCmuX21epc6UXvcesyRl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่