JJNY : ค่าไฟพุ่งทำต้นทุนร้านอาหารเด้ง│เศรษฐา ปลุกเลือกส.ส.กทม.│‘ก้าวไกล’คึกขยับเป้าส.ส.│รมต.ต่างประเทศรัสเซียเดือนโลก

ค่าไฟพุ่งทำต้นทุนร้านอาหารเด้ง ฉุดกำไรหดเหลือ 30%
https://www.matichon.co.th/economy/news_3942100

 
นางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด (ครัวชมทะเล) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของค่าไฟฟ้าที่แพงมากในตอนนี้ ส่งผลกระทบกับธุรกิจร้านอาหารสูงมาก เพราะเป็นต้นทางของต้นทุนหลายด้านในภาพรวม อาทิ ธุรกิจร้านอาหาร มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ทั้งในตู้เย็น ตู้แช่เย็น เพื่อเก็บรักษาวัตถุดิบให้คงคุณภาพนานที่สุด มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งเหล่านี้ล้วนใช้ไฟฟ้าทั้งหมด รวมทั้งยังมีก๊าสหุงต้มที่ราคาปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีท่าทีว่าจะปรับลดลงด้วย โดยค่าไฟฟ้าเดือนล่าสุดปรับขึ้นมาเป็น 32,000 บาท จากเดิมอยู่ประมาณ 24,000-25,000 บาท โดยเดิมต้นทุนร้านอาหารจะอยู่ที่ 30% กำไร 60% แต่ตอนนี้สลับกันแล้ว ต้นทุนขึ้นมาที่ 60% ส่วนกำไรเหลือ 30% เท่านั้น
 
ยกตัวอย่างค่าไฟบ้านที่พักอาศัยอยู่คนเดียว ปกติจ่ายค่าไฟเดือนละไม่กี่ร้อยบาท เดือนล่าสุดจ่ายไปหลักพันต้นๆ ซึ่งถือว่าปรับขึ้นมาสูงมากอย่างน่าตกใจ โดยตอนนี้เรายังไม่เห็นตัวไหนจะชะลอต้นทุนร้านอาหารได้แม้แต่น้อย บวกกับพอเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศที่ร้อนจัดก็ส่งผลต่อการเติบโตของสินค้าเกษตร จำพวกผักสด อาทิ ผักชีที่ราคากิโลกรัมอยู่ในหลักร้อยบาท ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำแล้ว” นางสาวประภัสสร กล่าว
 
นางสาวประภัสสร กล่าวว่า ในภาคของแรงงานนั้น ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารยังขาดแคลนแรงงานอยู่ โดยเฉพาะแรงงานที่มีฝีมือ ทั้งการบริการและงานทำครัว รวมถึงค่าจ้างแรงงานก็อยู่ในระดับสูงด้วย เพราะพื้นฐานไม่สอดคล้องกับศักยภาพของแรงงาน ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง เพราะหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเราไม่เห็นจะมีประเทศใด ที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าและค่าจ้างแรงงานในระดับสูงเหมือนไทย ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันระหว่างประเทศด้วย เพราะต้นทุนทั้งอย่างนี้ถือเป็นต้นทุนหลักที่ผนวกกันไปหมด
 
นางสาวประภัสสร กล่าวว่า เรื่องโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นภารกิจของผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ตาม โดยอยากให้มองแบบครบองค์ประกอบ เพราะไม่ใช่เรื่องที่สามารถมองแค่ตัวใดตัวเดียวได้ อย่างตอนนี้พอค่าไฟปรับขึ้น เราก็เห็นต้นทุนอื่นๆ ปรับขึ้นตามด้วย ซึ่งถามว่าในความเป็นจริงเราจะนำสินค้าที่ผลิตได้ไปขายให้ใคร เพราะเมื่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ราคาก็ต้องปรับขึ้นด้วย พอราคาแพงกว่าชาวบ้าน แต่รายได้ของคนส่วนใหญ่ยังไม่กลับมา หรือมีไม่มากขนาดนั้น แล้วเราจะขายให้ใคร แม้ความจริงคนมีเงินก็ยังพอมี แต่ก็เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เท่านั้น ทำให้ตอนนี้มีผลกระทบหลายอย่างมาก จึงอยากฝากให้รัฐบาลช่วยดูแลและมองให้รอบด้านด้วย เพราะหากประชาชนยังมองเห็นได้ ผู้ที่เป็นรัฐบาลก็ควรมองเห็นได้ลึกมากกว่านี้
 
เดิมปีที่ผ่านมาช่วงการปรับขึ้นราคาสินค้าและวัตถุดิบสูงมากๆ ก็ว่ามีผลกระทบหนักมากแล้ว แต่มาตอนนี้ถือเป็นการเข้ามาสร้างผลกระทบซ้ำมากขึ้นอีก โดยการเลือกตั้งใหม่นี้ ก็อยากฝากถึงรัฐบาลใหม่ให้คัดสรรผู้ที่มีองค์ความรู้เข้ามาช่วยแก้ไขและบริหารจัดการระบบแบบครบวงจร ไม่อยากให้แก้แค่ส่วนนี้แล้วไปกระทบส่วนนั้น แต่อยากให้แก้ไปพร้อมกัน จะช้าก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้ได้ศักยภาพมากกว่า” นางสาวประภัสสร กล่าว



เศรษฐา ลั่นเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประชุมครม.ครั้งแรกลดค่าไฟทันที ปลุกเลือกส.ส.กทม.รุ่นใหม่
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7628768
 
เศรษฐา ลั่นเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประชุมครม.ครั้งแรกลดค่าไฟทันที ปลุกเลือกส.ส.กทม.รุ่นใหม่ ย้ำคัดมาอย่างดี ฟาก “เหลิม” แฉ “เจ๊หน่อย” ยังหาเสียงบอกเป็นพรรคพี่พรรคน้อง ย้ำมีแต่มาดามนครบาล
 
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 เม.ย.66 ที่ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษากรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วยนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 31 ทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน นายอารุม ตุ้มน้อย ผู้สมัครส.ส.กทม. บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ และนายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ผู้สมัครส.ส.เขต 33 บางพลัด บางกอกน้อย หาเสียง มีประชาชนร่วมรับฟังคำปราศรัยจำนวนมาก
 
นายเศรษฐา ปราศรัยว่า เรื่องค่าไฟ ค่าพลังงานเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลที่หาเสียงมาสัญญาจะลดค่าพลังงานอย่างไร ขอให้อย่าเออออ เพราะเขาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน ทำได้ทำไมไม่ทำไปเลย ทำไมต้องรอการเลือกตั้ง เพราะถ้าทำได้ทำไปนานแล้ว
  
สำหรับพรรคเพื่อไทยถ้าได้เป็นรัฐบาล การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกค่าไฟลดแน่นอน ขอให้เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น สำหรับการเดินทางที่ลำบาก ต้องต่อหลายต่อ ยื่นบัตรหลายใบ จ่ายเงินแล้วจ่ายเงินอีก ถ้าเราได้รับความไว้วางใจรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถ้าต่อรถเมล์ด้วยก็อีก 10 บาท 30 บาทจบเลย ขอให้ไว้ใจพรรคเพื่อไทย
 
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลค่าแรงจะปรับขึ้น 400 บาทปีแรกที่เราได้เป็นรัฐบาล ครอบครัวไหนมีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือนเราจะเติมเต็ม และเงินดิจิทัลวอลเล็ต เราจะให้ 10,000 บาทต่อคน ซึ่งเงินตรงนี้ร้านค้าต่างๆ สามารถรับได้ ไม่ต้องกลัวรัฐบาลจะไม่มีเงิน เรามีวินัยการเงินการคลัง จัดหางบประมาณได้แน่นอน
 
อย่าไปเชื่อคนที่บอกจะทำไม่ได้ ยืนยันเราทำได้แน่นอน นโยบายเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หาก ส.ส.กทม.ไม่ได้รับความไว้วางใจ และผู้สมัครของเรา 25 คนเป็นคนรุ่นใหม่ที่เราคัดสรรมาอย่างดี ตนมาวันนี้มาร้องขอคะแนนเสียงให้เลือก ส.ส.รุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย ขอให้เลือกทั้งคนทั้งเขตของพรรคเพื่อไทยเข้าสู่สภา
 
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปราศรัยว่า ตนจะไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะที่อุดรฯ มีคนโทร.มาฟ้องว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ไปบอกชาวบ้านว่าเป็นพรรคพี่พรรคน้อง ซึ่งมันไม่ใช่ เป็นซะที่ไหน โถ่ เมื่อก่อนเคยอยู่ด้วยกันแต่ตอนนี้เธอไปแล้ว มาบอกว่าเลือกเพื่อไทยแต่หัวใจไทยสร้างไทย มันจะเหมือนได้อย่างไร เลือกไทยสร้างไทยได้หญิงหน่อย แต่เลือกเพื่อไทยได้เฉลิม คุณหญิงสุดารัตน์เคยเป็นเจ้าแม่ กทม. แต่วันนี้เพื่อไทยมีมาดามนครบาลแล้ว
 
เริ่มแล้วโหวตรอบสอง ! โพลครั้งสำคัญสะท้อนอนาคตการเมืองไทย “มติชนxเดลินิวส์ โพลเลือกตั้ง ’66” กับ 4 คำถามสุดเข้มข้น – เลือกส.ส.เขตพรรคไหน, ปาร์ตี้ลิสต์พรรคใด,​ ใครคือนายกฯ ที่ใช่ และบทบาท ส.ว. ที่อยากเห็นในการโหวตเลือกนายกฯ
 
สแกนคิวอาร์โค้ดในภาพ หรือ คลิกทำโพลได้แล้ววันนี้ที่ >> https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/poll2/



‘ก้าวไกล’ คึกขยับเป้าส.ส. โชว์กระแสดี ยิ่งกว่าสมัยอนาคตใหม่ ลุ้นร้อยอัพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3942126
  
ข่าวหน้า 1 : “ก้าวไกล” คึกขยับเป้า ส.ส. โชว์กระแสดี ยิ่งกว่าสมัยอนาคตใหม่ ลุ้นร้อยอัพ
 
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงคะแนนความนิยมของพรรค ว่า เสียงตอบรับจากประชาชนดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว การที่มีคนมาร่วมฟังการปราศรัยเมื่อวันที่ 22 เมษายนก็เป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่ง เพราะไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่มีหลากหลายรุ่น และมากันทั้งครอบครัว ทั้งยังสอดคล้องกับการตอบรับจากประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ที่ออกมาต้อนรับดีมากกว่าเมื่อปี 2562 รวมถึงการทำโพลของพรรค ก.ก.พบว่าได้รับการสนับสนุนมากกว่าปี 2562
  
เมื่อถามว่าตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด นายชัยธวัชกล่าวว่า ถ้ายังสามารถเพิ่มคะแนนความนิยมได้ในระดับนี้จนถึงวันเลือกตั้ง มีความเป็นไปได้ที่จะได้ ส.ส.เกินกว่า 100 คน แต่อย่างน้อยตอนนี้มั่นใจว่า น่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ ส่วนคะแนนพรรคคิดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30% เท่ากับว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 คน หรือมากกว่านั้น
 
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) บางส่วนเริ่มกังวลว่าจะแพ้เลือกตั้งให้พรรค ก.ก.ในพื้นที่เขตเมือง ประมาณ 50 เขต เพราะผู้สมัคร ส.ส.เขตบางคนหวังแค่กระแสพรรค พท.จึงไม่ลงพื้นที่หาเสียง นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่างแรก พรรค ก.ก. ม่ได้แข่งกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่แข่งขันกับทุกพรรค โดยแต่ละพื้นที่มีสถานการณ์การแข่งขันไม่เหมือนกัน บางเขตแข่งกับพรรคหนึ่ง และบางเขตแข่งกับ 2 พรรค และอย่างที่สอง เราไม่ได้โฟกัสแค่เขตเมือง แต่เรามั่นใจว่าจะชนะในเขตอื่นที่ไม่ใช่เขตเมืองด้วย ปัจจัยสำคัญคือ การทำงานอย่างหนักของผู้สมัคร ส.ส.เขต เพื่อให้เข้าถึงประชาชนที่สุด จึงเกิดการเปรียบเทียบกับนักการเมืองเดิมๆ ในอดีต และทำให้เกิดกระแสที่ประชาชนอยากเปลี่ยน ส.ส.เขตแบบเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่