JJNY : 5in1 ‘น้ำตาล-ข้าวถุง’ ขึ้น│“จาตุรนต์”ปลื้มชาวร้อยเอ็ด│‘พิธา’นำทีมก้าวไกล│หมอเหรียญทองโต้│ผวา “ไวรัสมาร์บวร์ก”แพร่

‘น้ำตาล-ข้าวถุง’ ขึ้นราคา 1.50-10 บ. โฟร์โมสต์จ่อปรับด้วย ‘สหพัฒน์-ไวไว’ ยังไม่ขยับ 
https://www.matichon.co.th/economy/news_3831717
 
 
‘น้ำตาล-ข้าวถุง’ ขึ้นราคา 1.50-10 บาท ‘โฟร์โมสต์’ ขอปรับตามต้นทุน ‘สหพัฒน์-ไวไว’ ยังไม่ขยับ
 
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาสินค้าทุกอย่าง ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาต้นทุนและราคาขายปลีก ตามต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด มีน้ำตาลทรายขึ้น 1.50 บาทต่อถุง (1 กก.) ข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) ขึ้น 10 บาทต่อถุง น้ำตาลปี๊บขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ราคาปรับลดลง คือ น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 47-48 บาทต่อขวด (ขนาด 1 ลิตร) น้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 65 บาทต่อขวด
 
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย กล่าวว่า จากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลดลงและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ อาจจะเป็นไปได้จะทำให้ราคาสินค้าชะลอการขึ้นราคาเป็นการชั่วคราว รอจนกว่ารัฐบาลใหม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพื่อกำลังซื้อให้กับประชาชน เนื่องจากสินค้าทยอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเกือบจะหมดทุกรายการแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผู้ผลิตสินค้าว่าจะสามารถแบกรับภาระต้นทุนและให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาสินค้า เพื่อลดภาระประชาชนได้นานขนาดไหน
 
นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานกรรมการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนม “โฟร์โมสต์” กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบสินค้ายังปรับตัวสูงขึ้น จากภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงาน โดยที่ผ่านมาโฟร์โมสต์มีปรับขึ้นราคาไปบ้างแล้ว และยังเสนอขอปรับราคาต่อกรมการค้าภายในอยู่ตลอดเวลา ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุมจึงขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากรัฐจะให้ขึ้นราคาได้หรือไม่ ซึ่งบริษัทเข้าใจภาครัฐอยากให้ช่วยตรึงราคาไว้ เพื่อลดภาระประชาชน แต่ภาคเอกชนก็มีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
 
ไม่ใช่ว่าราคาน้ำมันดีเซลลดลงแล้ว สินค้าจะลดราคาตามในทันที เพราะแต่ละสินค้ามีองค์ประกอบและโครงสร้างต้นทุนการผลิตไม่เหมือนกัน บางสินค้าที่อิงกับค่าขนส่งเยอะ ก็อาจจะลดราคาได้ และปัจจุบันราคาน้ำมันก็ยังขึ้นๆ ลงๆ อีกด้วย” นายอาณัติกล่าว
 
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบสินค้าในเครือ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากเมื่อต้นปี 2565 แล้ว แต่ยังไม่กลับมาเท่าเดิม และคงยังไม่ได้มีเหตุนำไปสู่การลดราคาสินค้า เพราะต้นทุนยังคงสูงและสินค้าบางรายการยังขาดทุน แต่จากเทรนด์ต้นทุนที่เริ่มลดลง อาจจะช่วยบรรเทาทำให้ราคาสินค้ายังไม่มีการปรับขึ้นในขณะนี้
 
จากเทรนด์ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง อยากให้รัฐบาลกลับมาพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันดีเซลให้ลงอีกอย่างน้อย 10% หรือ 3 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ” นายบุญชัยกล่าว
 
นายวีระ นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “ไวไว” กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้รับอนุมัติให้ขึ้นราคาทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีก 1 บาทต่อซอง และเส้นหมี่ไวไวไปเมื่อปี 2565 ขณะนี้ยังไม่มีแผนจะขึ้นราคาทั้งสองผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะยังสูง แต่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยังแบกรับภาระได้ และการจะปรับขึ้นราคาคงไม่ได้มีขึ้นบ่อยๆ หากไม่เกิดวิกฤตการณ์เหมือนปีที่แล้วที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบสูงมาก
 

 
“จาตุรนต์” ปลื้ม ชาวร้อยเอ็ดเข้าใจปชต. ไม่ขายเสียง ชี้ปัจจุบันไม่มีโรคร้อยเอ็ดหลงเหลือแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3831924

“จาตุรนต์” ปลื้ม ชาวร้อยเอ็ดเข้าใจปชต.มากขึ้น ชี้ปัจจุบันไม่มีโรคร้อยเอ็ดหลงเหลือแล้ว วัดได้จากปชช.แห่งลงมติไม่รับร่างรธน.50,60
 
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังปราศรัยที่ร้อยเอ็ด โดยระบุว่า 
 
“ผมปราศรัยที่ร้อยเอ็ด เล่าเรื่อง “โรคร้อยเอ็ด” ให้คนร้อยเอ็ดฟัง คนรุ่นใหม่คงงงๆว่าคืออะไร
 
โรคร้อยเอ็ดเป็นกรณีตัวอย่างของการที่คนมีสตางค์หิ้วกระเป๋าไปลงสมัครรับเลือกตั้งในต่างจังหวัดโดยเฉพาะที่ภาคอีสานในอดีต
 
เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อประมาณปี 2524 ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้สมัครบางคนไปแจกเงินซื้อเสียงอย่างมโหฬารและเปิดเผยชนิดที่ให้คนเดินตามหาเสียงแจกเงินต่อหน้าผู้สื่อข่าวกันเลย แล้วก็ได้รับเลือกตั้งเข้ามาจริงๆจึงเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า “โรคร้อยเอ็ด”
 
แต่ต่อมาการเมืองในจังหวัดร้อยเอ็ดเช่นเดียวกับหลายจังหวัดในภาคอีสานก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในยี่สิบกว่าปีมานี้ คนร้อยเอ็ดเลือกตั้งโดยดูที่นโยบายพรรคและวิสัยทัศน์ของผู้นำ การซื้อเสียงยังมี แต่ก็ได้ผลน้อยมาก จนคนร้อยเอ็ดเองก็ไม่รู้จักโรคร้อยเอ็ดเพราะไม่มีโรคนี้มานานแล้ว
 
นอกจากนี้ชาวร้อยเอ็ดยังมีเกียรติประวัติในการลงประชามติในทางไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 50 และฉบับปี 60 เป็นเปอร์เซนต์เป็นอันดับสูงเกือบที่สุดของประเทศทั้งสองครั้ง แสดงว่ามีความเข้าใจปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญเป็นอย่างดียิ่ง”

https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02HEbw6qquPH9qT4mTRFejq5DWh6ykeBZf6qa5SjtLYrDcRAv9gLbAcsWUCgemyTDcl
  


‘พิธา’ นำทีมก้าวไกลเปิดแผงหวยนโยบาย ขึ้นรถแห่อ้อมหาดบางแสน ท้าแดด ท้าลมทะเล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3831900

‘พิธา’ นำทีมก้าวไกลเปิดแผงหวยนโยบาย ขึ้นรถแห่อ้อมหาดบางแสน ท้าแดด ท้าลมทะเล
 
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พาชาวก้าวไกลลุยทะเลบางแสน พร้อมทัพส.ส.ก้าวไกล นำโดยอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, เบญจา แสงจันทร์, คำพอง เทพาคำ, และวิโรจน์ ลักขณาดิศร อดีตส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทักทายพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้เวลาหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ บริเวณชายหาดบางแสน อำเภอแสนสุข จังหวัดชลบุรี โดยระหว่างการเดินพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีพ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับและขอถ่ายภาพจำนวนมาก
 
นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่ผ่านไปมาสังเกตเห็นแผงหวยนโยบายที่พรรคก้าวไกลนำไปด้วย จึงเข้ามาขอชมและเลือกหวยนโยบายกลับบ้านไปด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลตั้งใจนำเอาแผงหวยนโยบายนำไปเปิดให้ประชาชนหยิบจับและเลือกนโยบายที่ตนให้ความสนใจในการเยี่ยมทักทายประชาชนวันนี้
 
ตัวอย่างนโยบายในแผงหวย เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-ผู้พิการ เดือนละ 3,000 บาท ข้อดีของสวัสดิการนี้ คือไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความจน งานสวัสดิการจะโอนตรงเข้าบัญชีผู้รับและมีการตั้งกองทุนดูแลผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย และนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ’ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่มีผู้ค้ารายย่อยจำนวนมากให้บริการขายสินค้าอยู่บริเวณริมหาด หวยใบเสร็จเป็นนโยบายการซื้อสินค้าร้านค้ารายย่อยครบ 500 บาท ต่อหนึ่งใบเสร็จ ผู้ซื้อสินค้ารับฟรีหวย 1 ใบเพื่อไว้ชิงโชค เป็นโชค 2 ชั้น ได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้า ซึ่งนโยบายหวยใบเสร็จเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และเป็นการกระจายโอกาสไปยังธุรกิจฐานรากอีกด้วย
 
อีกหนึ่งนโยบายที่ประชาชนให้ความสนใจ คือ นโยบายผ้าอนามัยฟรี มีประชาชนรายหนึ่งตั้งใจเลือกนโยบายผ้าอนามัยฟรีขึ้นมา และให้เหตุผลว่าปัจจุบันค่าใช้จ่ายผ้าอนามัยรายเดือนมีราคาสูง หากมีนโยบายดังกล่าวก็จะช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจ “มันแพงนะ ถ้าเราซื้อแยกจากซองมันแผ่นละ 15 บาท ถ้าคิดถึงว่าเด็กบางคนเป็นประจำเดือน แล้วพ่อแม่ไม่มีเงิน จะเป็นอย่างไร และมันก็เป็นเรื่องของสุขภาพด้วยค่ะ” ประชาชนที่สนใจนโยบายผ้าอนามัยฟรีกล่าวถึงความสำคัญ
 
นอกจากการเดินหาเสียงขายนโยบายของพรรคก้าวไกล พิธาพร้อมอมรัตน์ ขึ้นรถแห่หาเสียง เพื่อแนะนำว่าที่ผู้สมัครส.ส.ชลบุรี จากพรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ได้แก่
 
– นายวรท ศิริรักษ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 1
– นายชวาล พลเมืองดี ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 2
– น.ส.นภัสวรรณ มณีรัตน์โรจน์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 4
– นายสหัสวัต คุ้มคง ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 5
– นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 6 ปัจจุบันเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่สร้างประวัติศาสตร์ล้มบ้านใหญ่สำเร็จในการเลือกตั้งปี 2562
– นายยอดชาย พึ่งพร ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 7
– นางสาวนิชนันท์ วังคะฮาต ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 8
– นายกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 9 และ
– นางสาววรรณิดา นพสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 10
 
พิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอเป็น “บ้านใหม่” อีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดของคนชลบุรีในการศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่วิโรจน์และเบญจา เดินหาเสียงคู่ขนานบริเวณชายหาดประชาชนนักท่องเที่ยวที่มาในพื้นที่ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นการต่อต้านทุนจีนสีเทา ระหว่างการเดินกว่า 5 กิโลเมตร มีทั้งแฟนคลับ พ่อค้าแม่ค้าให้การตอบรับถามถึงนโยบายและวันเลือกตั้งที่จะมาถึง รวมถึงร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
 

 
หมอเหรียญทอง โต้ "กลัวตายห่.." คดีหมิ่นร้านบะหมี่ดัง ชี้ยกฟ้องเท่านั้น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7518907

หมอเหรียญทอง โพสต์ กลัวพวก-ึงตายห่.. ไอ้หน้าโ-่หลายเอ๊ย หลังตกเป็นจำเลยหมิ่นประมาท ร้านบะหมี่ดัง เป็นอริราชศัตรู ศาลนัดพรุ่งนี้เก้าโมง
 
วันที่ 19 ก.พ.2566 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ได้โพสต์เฟซบุ๊กหลังพรุ่งนี้ (20 ก.พ.) ศาลอาญานัดสอบปากคำ กรณีตกเป็นจำเลยหมิ่นประมาทเจ้าของร้านตั้งฮกกี่บะหมี่กวางตุ้ง ว่าเป็นอริราชศัตรู ในเวลา 09.00 น. โดยเจ้าตัวโพสต์ กลัวพวกตายห่าแล้ว
 
ทางพล.ต.นพ.เหรียญทองเขียนข้อความว่า 
 
กลัวพวก-ึงต่ายห่าแล้ว ไอ้หน้าโ-่ทั้งหลายเอ๊ย! ผมจะขอให้ศาลมีคำสั่งตรวจข้อมูล ส่วนบุคคลของโจทก์ เพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นแนวร่วมอริราชศัตรูจริง แล้วจะนำข้อมูลทั้งหลายที่ได้ตามคำสั่งศาลไปขยายผลในคดีต่อไปหลังจากนี้
 
โจทก์เป็นผู้กระทำการขัดต่อมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่วนจำเลยอย่างผมทำหน้าที่ปวงชนชาวไทยตามมาตรา 50 แล้วผมจะติดคุกได้อย่างไรกันล่ะครับ ไอ้หน้าโ-่ทั้งหลายเอ๊ย! …คดีนี้ยกฟ้องเท่านั้นแหละครับ
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0YQQCSktTmJEujqu53CUeBkHXSaPJdRox8dhVpAU5eHqsgpgr5uvhdG61B6rUfyfal&id=100000491468200
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่