สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การส่องกล้องกระเพาะอาหาร เล่าต่อจากโพสที่แล้วนะครับ
https://ppantip.com/topic/41898708
เกิ่นเรื่องจากโพสก่อนนะครับ สาเหตุเบื้องต้น มาจากการตรวจสุขภาพประจำปี แล้วผลเลือดCEA(ค่าเลือดมะเร็งลำไส้)
มีค่าสูงเกินปกติไปมาก หมอเลยส่งผมไปสวนแป้งลำไส้ใหญ่(จากโพสก่อน) เมื่อทำการสวนแป้งแล้ว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
หมอเลยจะส่งผมไปส่องกล้องกระเพาะอาหารต่อ แต่เนื่องด้วยจากผมกลัว ผมเป็นคนกลัวหมอ กลัวเข็ม

เลยขอหมอให้ตรวจค่าเลือดใหม่ เผื่อค่าเลือดมันลดลง ผมได้ไม่ต้องไปส่องกล้อง
หมอก็ใจดี เลยให้เว้นระยะเวลา 1 เดือน แล้วมาตรวจเลือดดูค่าCEAใหม่
ในระหว่าง 1 เดือน ก็มีปวดท้องบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนวิตกกังวลอะ นิดๆหน่อยๆก็คิดหมดว่าปวด
พอครบระยะเวลา 1 เดือนตามหมอนัด ก็มาเจาะเลือดดูค่าเลือดใหม่ ผลปรากฎว่า..... ค่ายังสูงจร้าาาา
แต่ก็ลงจากเดิมมาหน่อย ค่าที่ได้ปัจจุบันคือ 10.9 หมอก็บอกว่ามีแนวโน้มลดลง แต่เห็นบอกว่ามีอาการปวดท้องแน่นท้องเป็นครั้งคราว
หมอเลยส่งตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหาร เอาชัวร์ เพราะค่าเลือดยังสูง และมีอาการปวดท้อง
ก็เริ่มขั้นตอนของหมอเลย คือเขียนคำร้องขอใช้ห้องผ่าตัด แล้วถ้าได้วันแล้วจะนัดเรามาคุย เรื่องการเตรียมตัว
ได้วันนัดไวมาก ยังไม่ได้ทำใจเลย ไปหาหมอวันอังคาร หมอโทรมานัดไปคุยเตรียมตัวก่อนส่องกล้องวันศุกร์ แล้วให้ส่องกล้องวันจันทร์เลย

ในวันที่นัดให้มาคุยเรื่องการเตรียมตัว เขาก็บอกให้เรางดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืนก่อนวันนัดส่องกล้อง แล้วก็ให้เจาะเลือดตัวHIV
และสอบถามประวัติเบื้องต้น (พวกเคยผ่าตัดไหม แพ้ยาอาหารไหม มีเหล็กตรงไหนไหม ฟันโยกไหม ใส่คอนแทคเลนไหม ครอบครัวมีโรคประจำตัวไหม)
ในระยะเตรียมใจ 2 วัน ก็หาข้อมูลการส่องกล้องรออีก ทั้งกลัว ทั้งกล้า ความคิดสลับกันไปมา
------------------------------------------------------------วันส่องกล้องกระเพาะอาหาร----------------------------------------------------------
และแล้วก็ถีงวันนัดส่องกล้องของจริง

ไปถึงตอนเช้า7โมง ก็นั่งรอพยาบาลเรียก แล้วเขาก็พาไปเข้าห้องผ่าตัด ญาติให้รอหน้าห้อง
เข้าไปเขาก็ให้เราเปลี่ยนชุด ถอดชุดเราหมด(ยกเว้นเกงใน) แล้วเปลี่ยนเป็นชุดเขียวแบบผ้าคลุมเหมือนอาบน้ำ มีเชือกผูกอยู่ 2 เส้นด้านหน้า
เดินแล้วผ้าด้านหน้ามันก็เปิดๆ โป้ๆหน่อย แล้วก็มานอนรอบนเตียง พยาบาลก็เอาผ้าห่มมาให้ หลังจากนั้นก็เดินมาเช็คชื่อ ซักประวัติอีกรอบ
กันผิดคน และย้ำข้อมูล เพื่อไม่ให้มีการผิดพลาด พอซักประวัติแล้วไม่มีการผิดพลาด ก็เข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด ใจผมนิเต้นตุ๊บๆๆๆๆๆ

พอได้เข้าไปในห้องผ่าตัด สายตาผมก็มองไปรอบๆ เจอเครื่องมือเยอะแยะไปหมดเลย มีไฟดวงใหญ่ๆกลมๆที่ใช้เวลาผ่าตัดเหมือนในหนังเลย
และอากาศในห้อง หนาวมากกกกกก

ห้องคล้ายๆในรูปตัวอย่างนี้เลยครับ แต่ของผมเป็นเตียงเข็นมาจากข้างนอก แบบมีราวกันตกซ้าย-ขวา

และพยาบาลก็มาอธิบายขั้นตอนการทำต่างๆ ว่าให้เราปฎิบัติตัวยังไง คือ
หมอจะพ่นยาชาในคอเราก่อน ให้เราอมไว้ประมาณ30วิ แล้วกลืน ทำประมาณ2-3ครั้ง
ถ้ารู้สึกว่าคอมันหนาๆ (เหมือนเวลาทำฟันแล้วฉีดยาชา ปากจะรู้สึกหนาๆบวมๆ) แสดงว่าชาแล้ว
ระหว่างนั้นผมก็ถามว่า "ยาชา จะชากี่นาทีครับ" พยาบาลตอบว่า "ประมาณครึ่งชั่วโมง-1ชั่วโมง"
แล้วหลังจากนั้นหมอจะใส่กล้องที่มีท่อยาวๆนี้(พยาบาลจับสายกล้องให้ดูด้วยมือเปล่า)ลงไปในคอ

(ไอเราก็คิดว่า แล้วมันจะสะอาดหรอ ใช้มือเปล่าจับสายกล้อง แล้วจะเอามาแหย่ลงคอเรา)

คนไข้ต้องให้ความร่วมมือในการกลืนสายกล้องด้วย แล้วจะเสร็จไว แล้วในระหว่างส่องกล้องให้หายใจทางจมูก
ส่วนน้ำลายปล่อยให้มันไหลออกมา อย่าไปกลืน เดียวสำลัก
พอเราฟังคำอธิบายทั้งหมดแล้ว พยาบาลก็เริ่มพ่นยาชาใส่คอเรา พ่นรอบแรก เขาพ่นลึกไป ลงคอไปซะแล้ว ยังไม่ทันได้อมเลย
เลยขอพ่นรอบ2เลย รอบ2นี้อมไว้ประมาณ30วินาที แล้วกลืน ก็เริ่มแบบหนาๆที่คอ ตอนนั้นเริ่มมีอาการแบบควบคุมการกลืนลำบาก
แล้วอาการแบบจะอ้วก เลยขอถังขยะเขามาคายน้ำลาย แล้วหมอก็บอกจะส่องกล้องเลย แต่ผมบอกขอยาชาอีกรอบ เพราะเหมือนมันก็ยังรู้สึก
แล้วพยาบาลก็พ่นยาชาให้เราอีกรอบ ในระว่างนั้นหมอก็เอาน้ำเกลือมาล้างสายกล้อง แล้วเอาเจลหล่อลื่น ทาที่สายกล้อง ทาเยอะมาก ทาโคตรหนาเลย
และพยาบาลก็เอาที่พลาสติกกลมๆ มีรูตรงกลางมาให้เราคาบไว้ กันเรากัดสายกล้อง แล้วก็มัดไว้กับหัวเรากันพลาสติกขยับหรือหลุด
แล้วก็เอาผ้าเหมือนที่รองแมวฉี่เลย ที่มันซับน้ำได้ มารองไว้แถวปากเรา
และหมอก็ได้เริ่มขั้นตอนการใส่กล้องมาที่ปากของผม ตอนนั้นกลัวมากๆ แต่ก็จะให้ความร่วมมือเต็มที่ เพื่อที่จะได้เสร็จไวๆ
หลังจากหมอใส่สายกล้องเข้าไป เลยคอไปนิดนึง หมอก็บอกให้เราทำการกลืน ผมก็กลืน หลังจากนั้นมีความรู้สึกว่าสายเข้ามาที่คอแล้ว
แล้วหายใจทางจมูกไม่ออก ตอนแรกกลัว หายใจไม่ออก จะดิ้นแล้ว แต่ลองหายใจทางปาก อ้าว หายใจได้นิ เลยหายใจทางปากแทน
และหมอก็ได้บรรเลงยัดสายลงไปในกระเพาะเรื่อยๆ ตอนนั้นถามว่ารู้สึกไหม บอกเลยว่ารู้สึก เหมือนยาชาไม่ค่อยได้ออกฤทธิ์ดีเลย
หมอก็ใส่สายลงไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสายมันลงไปถึงไหนแล้ว และเริ่มทำการเป่าลมเข้าไปในกระเพาะ เพื่อให้กระเพาะขยายตัว
หมอจะได้เห็นได้ทั่วถึง ตอนนั้นบอกเลยว่าแน่นท้องมาก และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น.....

ผมเริ่มมีความรู้สึกว่า คอผมรู้สึกแล้ว ยาชาบ้าอะไร ฤทธิ์ก็ไม่แรง แถมยังออกฤทธิ์ได้ไม่นานอีก ยังไม่ทันไร ได้ไม่กี่นาทีเอง
พอคอเริ่มมีความรู้สึกมากขึ้น สัญชาตญาณของคนเรา เมื่อมีอะไรแปลกปลอมลงไปที่คอ แล้วค้างอยู่แบบนั้น ก็อ้วกสิครับ รออะไร
อาการผมตอนนั้น ร่างกายมันจะอ้วกสายออกมาให้ได้ แต่มันออกไม่ได้หรอก เพราะสายหมอเขาบังคับลงไปอยู่ในกระเพาะแล้ว
ตอนนั้นบอกเลยว่าทรมานสุดๆ น้ำลาย น้ำมูก น้ำตา น้ำย่อยอะไรต่างๆ ไหลเต็มปาก เต็มจมูกหมดแล้ว หายใจแบบเหนื่อยแล้ว
พยายามหายใจลึกๆ แล้วกลั้นไม่ให้มันมีอาการอ้วก ได้แต่ภาวนาให้หมอทำเสร็จไวๆ แต่มันก็ทำไม่ได้ พออาการเริ่มไม่ดี
มือไม้ผมก็อยู่ไม่สุขละ จับขากางเกงหมอ หมอแทงสายลงมาที ผมก็ดึงกางเกงหมอที ทำแบบนี้3-4รอบ
จนหมอบอกอย่าจับกางเกงผม แล้วหมอก็เดินขยับตัวออก 555 พูดแล้วก็ขำตัวเอง แต่ตอนนั้นขำไม่ออก ทรมานสุดๆ
ร่างกายนิขย้อยน้ำอะไรบ้างก็ไม่รู้ออกมาเยอะแยะไปหมด หมอแทงสายลงมาที ก็จะอ้วกที
แล้วหมอก็บ่นกับพยาบาลว่า "ลำไส้เล็กมันไม่เปิด" (ลำไส้เล็กส่วนต้นมันไม่เปิด หมอก็แยงกล้องไม่เข้าสักที น่าจะประมาณนี้)
ก็เลยใช้เวลาในการแย่งนั้นอยู่นานมาก ใจผมนิเหลือ0แล้วอะ ทรมานเหลือเกิน ใช้เวลาทั้งหมดน่าจะประมาณ10นาทีได้
และแล้วหมอก็เอากล้องออกจากปากผมสักที ตอนนั้น ดีใจมากๆ ดีใจสุดๆ โคตรดีใจเลยแหละ น้ำเมือกๆนิไหลจากปากผมเต็มผ้าที่เขารองไว้เลย
หลังจากนั้นพยาบาลก็เอาทิชชูมาเช็ดน้ำต่างๆที่ไหลออกมาจากปากผม แล้วก็เริ่มถอดอุปการณ์ที่มัดไว้กับปากผม และเริ่มทำการเก็บเครื่องมือ
และพยาบาลกับหมอก็คุยกับ ว่าไม่ได้แก้ชื่อคนไข้ ภาพที่ส่องไปทั้งหมด มันไปขึ้นชื่อใครก็ไม่รู้ ผมตกใจมาก รีบถามเขาเลยว่า "ไม่ต้องส่องใหม่ใช่ไหม"
หมอบอกกลับมาว่า "ไม่ต้องส่องใหม่ครับ เดียวแก้ชื่อเอาได้ครับ" แฮร่ ตกใจหมดเลย
หลังจากที่เสร็จขั้นตอนต่างๆแล้ว พยาบาลก็เข็นผมออกมานอนพักด้านนอก รอดูอาการประมาณ30นาที ก่อนให้เปลี่ยนเสื้อและกลับบ้านได้
บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่อยากเจออีกแล้ว ทำไมบางคนบอกส่องกล้องเขาฉีดยาให้สลบ แต่ของผม หมอเขาให้คนไข้มีความรู้สึก
หรือเพราะหมอรู้ว่าผมกลัวเข็ม เลยไม่ฉีดยาให้งั้นหรอ
อาการหลังส่องกล้องเสร็จ ผมมีอาการแน่นท้อง จุกๆ เหมือนมีลมอยู่ตลอดเวลา เรอบ่อยมาก และก็เจ็บคอเล็กน้อย เวลากลืนอะไรก็จะเจ็บๆหน่อย
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นกี่วัน เพราะผมพึ่งผ่านประสบการณ์มาวันนี้เอง ^_^
ขอบคุณที่รับฟังจนจบนะครับ อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพไว้ให้ดีๆนะครับ ไม่เจ็บไม่ไข้ดีที่สุดแล้วครับ
ประสบการณ์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
https://ppantip.com/topic/41898708
เกิ่นเรื่องจากโพสก่อนนะครับ สาเหตุเบื้องต้น มาจากการตรวจสุขภาพประจำปี แล้วผลเลือดCEA(ค่าเลือดมะเร็งลำไส้)
มีค่าสูงเกินปกติไปมาก หมอเลยส่งผมไปสวนแป้งลำไส้ใหญ่(จากโพสก่อน) เมื่อทำการสวนแป้งแล้ว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
หมอเลยจะส่งผมไปส่องกล้องกระเพาะอาหารต่อ แต่เนื่องด้วยจากผมกลัว ผมเป็นคนกลัวหมอ กลัวเข็ม
เลยขอหมอให้ตรวจค่าเลือดใหม่ เผื่อค่าเลือดมันลดลง ผมได้ไม่ต้องไปส่องกล้อง
หมอก็ใจดี เลยให้เว้นระยะเวลา 1 เดือน แล้วมาตรวจเลือดดูค่าCEAใหม่
ในระหว่าง 1 เดือน ก็มีปวดท้องบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนวิตกกังวลอะ นิดๆหน่อยๆก็คิดหมดว่าปวด
พอครบระยะเวลา 1 เดือนตามหมอนัด ก็มาเจาะเลือดดูค่าเลือดใหม่ ผลปรากฎว่า..... ค่ายังสูงจร้าาาา
แต่ก็ลงจากเดิมมาหน่อย ค่าที่ได้ปัจจุบันคือ 10.9 หมอก็บอกว่ามีแนวโน้มลดลง แต่เห็นบอกว่ามีอาการปวดท้องแน่นท้องเป็นครั้งคราว
หมอเลยส่งตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหาร เอาชัวร์ เพราะค่าเลือดยังสูง และมีอาการปวดท้อง
ก็เริ่มขั้นตอนของหมอเลย คือเขียนคำร้องขอใช้ห้องผ่าตัด แล้วถ้าได้วันแล้วจะนัดเรามาคุย เรื่องการเตรียมตัว
ได้วันนัดไวมาก ยังไม่ได้ทำใจเลย ไปหาหมอวันอังคาร หมอโทรมานัดไปคุยเตรียมตัวก่อนส่องกล้องวันศุกร์ แล้วให้ส่องกล้องวันจันทร์เลย
ในวันที่นัดให้มาคุยเรื่องการเตรียมตัว เขาก็บอกให้เรางดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืนก่อนวันนัดส่องกล้อง แล้วก็ให้เจาะเลือดตัวHIV
และสอบถามประวัติเบื้องต้น (พวกเคยผ่าตัดไหม แพ้ยาอาหารไหม มีเหล็กตรงไหนไหม ฟันโยกไหม ใส่คอนแทคเลนไหม ครอบครัวมีโรคประจำตัวไหม)
ในระยะเตรียมใจ 2 วัน ก็หาข้อมูลการส่องกล้องรออีก ทั้งกลัว ทั้งกล้า ความคิดสลับกันไปมา
------------------------------------------------------------วันส่องกล้องกระเพาะอาหาร----------------------------------------------------------
และแล้วก็ถีงวันนัดส่องกล้องของจริง
ไปถึงตอนเช้า7โมง ก็นั่งรอพยาบาลเรียก แล้วเขาก็พาไปเข้าห้องผ่าตัด ญาติให้รอหน้าห้อง
เข้าไปเขาก็ให้เราเปลี่ยนชุด ถอดชุดเราหมด(ยกเว้นเกงใน) แล้วเปลี่ยนเป็นชุดเขียวแบบผ้าคลุมเหมือนอาบน้ำ มีเชือกผูกอยู่ 2 เส้นด้านหน้า
เดินแล้วผ้าด้านหน้ามันก็เปิดๆ โป้ๆหน่อย แล้วก็มานอนรอบนเตียง พยาบาลก็เอาผ้าห่มมาให้ หลังจากนั้นก็เดินมาเช็คชื่อ ซักประวัติอีกรอบ
กันผิดคน และย้ำข้อมูล เพื่อไม่ให้มีการผิดพลาด พอซักประวัติแล้วไม่มีการผิดพลาด ก็เข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด ใจผมนิเต้นตุ๊บๆๆๆๆๆ
พอได้เข้าไปในห้องผ่าตัด สายตาผมก็มองไปรอบๆ เจอเครื่องมือเยอะแยะไปหมดเลย มีไฟดวงใหญ่ๆกลมๆที่ใช้เวลาผ่าตัดเหมือนในหนังเลย
และอากาศในห้อง หนาวมากกกกกก
ห้องคล้ายๆในรูปตัวอย่างนี้เลยครับ แต่ของผมเป็นเตียงเข็นมาจากข้างนอก แบบมีราวกันตกซ้าย-ขวา
และพยาบาลก็มาอธิบายขั้นตอนการทำต่างๆ ว่าให้เราปฎิบัติตัวยังไง คือ
หมอจะพ่นยาชาในคอเราก่อน ให้เราอมไว้ประมาณ30วิ แล้วกลืน ทำประมาณ2-3ครั้ง
ถ้ารู้สึกว่าคอมันหนาๆ (เหมือนเวลาทำฟันแล้วฉีดยาชา ปากจะรู้สึกหนาๆบวมๆ) แสดงว่าชาแล้ว
ระหว่างนั้นผมก็ถามว่า "ยาชา จะชากี่นาทีครับ" พยาบาลตอบว่า "ประมาณครึ่งชั่วโมง-1ชั่วโมง"
แล้วหลังจากนั้นหมอจะใส่กล้องที่มีท่อยาวๆนี้(พยาบาลจับสายกล้องให้ดูด้วยมือเปล่า)ลงไปในคอ
(ไอเราก็คิดว่า แล้วมันจะสะอาดหรอ ใช้มือเปล่าจับสายกล้อง แล้วจะเอามาแหย่ลงคอเรา)
คนไข้ต้องให้ความร่วมมือในการกลืนสายกล้องด้วย แล้วจะเสร็จไว แล้วในระหว่างส่องกล้องให้หายใจทางจมูก
ส่วนน้ำลายปล่อยให้มันไหลออกมา อย่าไปกลืน เดียวสำลัก
พอเราฟังคำอธิบายทั้งหมดแล้ว พยาบาลก็เริ่มพ่นยาชาใส่คอเรา พ่นรอบแรก เขาพ่นลึกไป ลงคอไปซะแล้ว ยังไม่ทันได้อมเลย
เลยขอพ่นรอบ2เลย รอบ2นี้อมไว้ประมาณ30วินาที แล้วกลืน ก็เริ่มแบบหนาๆที่คอ ตอนนั้นเริ่มมีอาการแบบควบคุมการกลืนลำบาก
แล้วอาการแบบจะอ้วก เลยขอถังขยะเขามาคายน้ำลาย แล้วหมอก็บอกจะส่องกล้องเลย แต่ผมบอกขอยาชาอีกรอบ เพราะเหมือนมันก็ยังรู้สึก
แล้วพยาบาลก็พ่นยาชาให้เราอีกรอบ ในระว่างนั้นหมอก็เอาน้ำเกลือมาล้างสายกล้อง แล้วเอาเจลหล่อลื่น ทาที่สายกล้อง ทาเยอะมาก ทาโคตรหนาเลย
และพยาบาลก็เอาที่พลาสติกกลมๆ มีรูตรงกลางมาให้เราคาบไว้ กันเรากัดสายกล้อง แล้วก็มัดไว้กับหัวเรากันพลาสติกขยับหรือหลุด
แล้วก็เอาผ้าเหมือนที่รองแมวฉี่เลย ที่มันซับน้ำได้ มารองไว้แถวปากเรา
และหมอก็ได้เริ่มขั้นตอนการใส่กล้องมาที่ปากของผม ตอนนั้นกลัวมากๆ แต่ก็จะให้ความร่วมมือเต็มที่ เพื่อที่จะได้เสร็จไวๆ
หลังจากหมอใส่สายกล้องเข้าไป เลยคอไปนิดนึง หมอก็บอกให้เราทำการกลืน ผมก็กลืน หลังจากนั้นมีความรู้สึกว่าสายเข้ามาที่คอแล้ว
แล้วหายใจทางจมูกไม่ออก ตอนแรกกลัว หายใจไม่ออก จะดิ้นแล้ว แต่ลองหายใจทางปาก อ้าว หายใจได้นิ เลยหายใจทางปากแทน
และหมอก็ได้บรรเลงยัดสายลงไปในกระเพาะเรื่อยๆ ตอนนั้นถามว่ารู้สึกไหม บอกเลยว่ารู้สึก เหมือนยาชาไม่ค่อยได้ออกฤทธิ์ดีเลย
หมอก็ใส่สายลงไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสายมันลงไปถึงไหนแล้ว และเริ่มทำการเป่าลมเข้าไปในกระเพาะ เพื่อให้กระเพาะขยายตัว
หมอจะได้เห็นได้ทั่วถึง ตอนนั้นบอกเลยว่าแน่นท้องมาก และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น.....
ผมเริ่มมีความรู้สึกว่า คอผมรู้สึกแล้ว ยาชาบ้าอะไร ฤทธิ์ก็ไม่แรง แถมยังออกฤทธิ์ได้ไม่นานอีก ยังไม่ทันไร ได้ไม่กี่นาทีเอง
พอคอเริ่มมีความรู้สึกมากขึ้น สัญชาตญาณของคนเรา เมื่อมีอะไรแปลกปลอมลงไปที่คอ แล้วค้างอยู่แบบนั้น ก็อ้วกสิครับ รออะไร
อาการผมตอนนั้น ร่างกายมันจะอ้วกสายออกมาให้ได้ แต่มันออกไม่ได้หรอก เพราะสายหมอเขาบังคับลงไปอยู่ในกระเพาะแล้ว
ตอนนั้นบอกเลยว่าทรมานสุดๆ น้ำลาย น้ำมูก น้ำตา น้ำย่อยอะไรต่างๆ ไหลเต็มปาก เต็มจมูกหมดแล้ว หายใจแบบเหนื่อยแล้ว
พยายามหายใจลึกๆ แล้วกลั้นไม่ให้มันมีอาการอ้วก ได้แต่ภาวนาให้หมอทำเสร็จไวๆ แต่มันก็ทำไม่ได้ พออาการเริ่มไม่ดี
มือไม้ผมก็อยู่ไม่สุขละ จับขากางเกงหมอ หมอแทงสายลงมาที ผมก็ดึงกางเกงหมอที ทำแบบนี้3-4รอบ
จนหมอบอกอย่าจับกางเกงผม แล้วหมอก็เดินขยับตัวออก 555 พูดแล้วก็ขำตัวเอง แต่ตอนนั้นขำไม่ออก ทรมานสุดๆ
ร่างกายนิขย้อยน้ำอะไรบ้างก็ไม่รู้ออกมาเยอะแยะไปหมด หมอแทงสายลงมาที ก็จะอ้วกที
แล้วหมอก็บ่นกับพยาบาลว่า "ลำไส้เล็กมันไม่เปิด" (ลำไส้เล็กส่วนต้นมันไม่เปิด หมอก็แยงกล้องไม่เข้าสักที น่าจะประมาณนี้)
ก็เลยใช้เวลาในการแย่งนั้นอยู่นานมาก ใจผมนิเหลือ0แล้วอะ ทรมานเหลือเกิน ใช้เวลาทั้งหมดน่าจะประมาณ10นาทีได้
และแล้วหมอก็เอากล้องออกจากปากผมสักที ตอนนั้น ดีใจมากๆ ดีใจสุดๆ โคตรดีใจเลยแหละ น้ำเมือกๆนิไหลจากปากผมเต็มผ้าที่เขารองไว้เลย
หลังจากนั้นพยาบาลก็เอาทิชชูมาเช็ดน้ำต่างๆที่ไหลออกมาจากปากผม แล้วก็เริ่มถอดอุปการณ์ที่มัดไว้กับปากผม และเริ่มทำการเก็บเครื่องมือ
และพยาบาลกับหมอก็คุยกับ ว่าไม่ได้แก้ชื่อคนไข้ ภาพที่ส่องไปทั้งหมด มันไปขึ้นชื่อใครก็ไม่รู้ ผมตกใจมาก รีบถามเขาเลยว่า "ไม่ต้องส่องใหม่ใช่ไหม"
หมอบอกกลับมาว่า "ไม่ต้องส่องใหม่ครับ เดียวแก้ชื่อเอาได้ครับ" แฮร่ ตกใจหมดเลย
หลังจากที่เสร็จขั้นตอนต่างๆแล้ว พยาบาลก็เข็นผมออกมานอนพักด้านนอก รอดูอาการประมาณ30นาที ก่อนให้เปลี่ยนเสื้อและกลับบ้านได้
บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่อยากเจออีกแล้ว ทำไมบางคนบอกส่องกล้องเขาฉีดยาให้สลบ แต่ของผม หมอเขาให้คนไข้มีความรู้สึก
หรือเพราะหมอรู้ว่าผมกลัวเข็ม เลยไม่ฉีดยาให้งั้นหรอ
อาการหลังส่องกล้องเสร็จ ผมมีอาการแน่นท้อง จุกๆ เหมือนมีลมอยู่ตลอดเวลา เรอบ่อยมาก และก็เจ็บคอเล็กน้อย เวลากลืนอะไรก็จะเจ็บๆหน่อย
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นกี่วัน เพราะผมพึ่งผ่านประสบการณ์มาวันนี้เอง ^_^
ขอบคุณที่รับฟังจนจบนะครับ อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพไว้ให้ดีๆนะครับ ไม่เจ็บไม่ไข้ดีที่สุดแล้วครับ