รีวิวการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

สวัสดีทุกคนที่เข้าที่เข้ามาอ่านนะคะ วันนี้ตั้งใจมาเล่าสู่กันฟัง ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ

อาการและเหตุผลในการส่องกล้อง
*ถ้าอยากทราบเฉพาะส่วนที่ส่องกล้องก็ข้ามลงไปอ่านข้างล่างได้เลยค่ะ

          เริ่มต้นก็คือ เรามีอาการปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ หลายๆครั้งก็มีอาการปวดแสบร้อนร้าวไปถึงข้างหลังด้วย มีอาการแบบนี้ เป็นๆหายๆมาประมาณ 10 กว่าปีได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ไปหาหมอนะ แต่ไปทีไร ก็ได้แต่ยาลดกรดมาทาน แต่อาการก็ไม่เคยหาย จนกระทั่งปีที่แล้ว พี่สาวของเราก็มีอาการแบบเดียวกัน ด้วยความที่นางเป็นแพทย์ รักษาตัวเองด้วยการทานยา และฉีดยาในบางครั้งก็ยังไม่หาย เลยเอ๊ะใจว่า อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น ก็เลยอัลตร้าซาวด์ และแล้วก็พบเจ้าตัวปัญหา ก็คือ มีนิ่วในถุงน้ำดี และผ่าตัดเอาออกเป็นที่เรียบร้อย อาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง เลยมาแนะนำเราว่าให้ลองไปอัลตร้าซาวด์ดู เผื่อจะเป็นปัญหาเดียวกัน แต่นางไม่สามารถมาตรวจให้เราได้ เนื่องจากทำงานกันคนละที่ เราเลยรอให้มีอาการอีกครั้งและไปหาหมอ พร้อมเล่าอาการทั้งหมด โชคดีที่บริษัทที่เราทำงานมีประกันสุขภาพให้ วงเงินค่อยข้างเยอะ คุณหมอเลยจัดให้  จากการอัลตร้าซาวด์ก็พบว่า เรามีนิ่วในถุงน้ำดีเม็ดน้อยๆอยู่หนึ่งก้อน แต่คุณหมอก็สันนิษฐานว่า ไม่น่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวนี้  เพราะนิ่วเม็ดเล็กมากๆ ยังคงให้คะเเนนกับโรคกระเพาะอาหารมากกว่า จากนั้นก็ได้ยาลดกรดมาทานตามระเบียบ และก็ยังคงเป็นๆหายๆอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรามีอาการรุนแรงขึ้น ปวดจนกระทั่งนอนไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง ที่โรงพยาบาลเดิมเเต่หมอคนละท่าน เล่าอาการทั้งหมดให้ฟังพร้อมบอกไปว่า เมื่อปีที่แล้วเราเคยอัลตร้าซาวด์ที่นี่ และมีนิ่วในถุงน้ำดีเม็ดน้อยๆ คุณหมอเห็นวงเงินประกันเราแล้วน่าจะครอบคลุม เลยถามว่า อยากส่องกล้องไหม จะได้หายคาใจ แล้วจะให้อัลตร้าซาวด์ซ้ำอีกรอบ เพื่อดูว่านิ่วใหญ่หรือเพิ่มขึ้นไหม เราตอบแบบไม่คิดเลยว่า "ยินดีมากเลยค่ะ" คุณหมอก็เลยนัดส่องกล้องสัปดาห์ถัดมา นั่นก็คือ เมื่อวาน (2/4/3021)

การเตรียมตัวและส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบน
          
          การส่องกล้องของเราไม่ต้องแอดมิท ส่องเสร็จพัก 2 ชม. ก็กลับบ้านได้ การเตรียมตัว ไม่มีอะไรมาก คุณหมอก็แจ้งให้งดอาหารและน้ำตั้งแต่หลังเที่ยงคืนก่อนวันมาตรวจ นัดเวลา....
   7.30 น. เพื่อตรวจโควิด-19 ก่อนเข้ารับการส่องกล้อง
   8.15 น. ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน วัดไข้
   8.20 น. เปลี่ยนชุดและเจาะเลือดหลังมือเพื่อดูความเข้มข้นของเลือด พร้อมติดเข็มคาไว้อย่างนั้น
   8:30 น. เดินขึ้นเตียง จากนั้นคุณพยาบาลก็แจ้งว่า เดี๋ยวจะฉีดยาชาในคอประมาณ 3 ครั้งนะคะ ให้อมไว้ 20 วินาทีแล้วกลืนได้ และแล้วก็เริ่มเลย ฉีดเข้าไปครั้งเเรก รสชาติไม่อร่อยเอาซะเลย ครั้งที่สอง เริ่มรู้สึกตึงๆ แน่นๆที่คอ ครั้งที่สาม เริ่มกลืนน้ำลายไม่เป็นเเล้ว เนื่องจากไม่มีความรู้สึก กระอักกระอ่วนขณะกลืนนิดหน่อย คุณพยาบาลก็เอาอุปกรณ์มาทดสอบโดยการแหย่เข้าไปในปาก แล้วบอกว่า โอเค ใช้ได้ ยาออกฤทธิ์เเล้ว หลังจากนั้นก็เอาอะไรสักอย่างมาติดไว้บริเวณหน้าอก 2 จุด และหน้าท้อง 1 จุด เข้าใจว่า น่าจะเป็นอุปกรณ์วัดคลื่นหัวใจ (ถ้าเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ) พร้อมเอาอุปกรณ์วัดความดันติดไว้ที่เเขน และวัดออกซิเจนหนีบไว้ที่นิ้ว
และแล้วคุณหมอก็เดินเข้ามาทักทาย แต่ตอนนั้นเราพูดไม่ออกแล้ว เพราะกลืนน้ำลายไม่ได้ หันไปเห็นคุณหมอหยิบอุปกรณ์บางอย่าง เเละคุณพยาบาลก็บอกว่าให้เรานอนตะเเคงซ้ายพร้องพูดว่า จะฉีดยานอนหลับแล้วนะคะ (ฉีดผ่านเข็มทีคาหลังมือข้างต้น) พูดจบ จำได้ว่าเรายังจัดท่านอนได้ไม่ดีเลย ภาพก็ตัดไป (ยาออกฤทธิ์เร็วแท้)
ตื่นมาอีกครั้งประมาณ 09.50 น. คุณพยาบาลก็เดินมาถามและบอกว่า "ตื่นแล้วหรอคะ ส่องกล่องเสร็จแล้ว แต่ยังลุกขึ้นไม่ได้นะคะ ยานอนหลับยังไม่หมดฤทธิ์ หลับอีกรอบ แล้ว 11.00 จะมาปลุกนะคะ" ตอนนั้นอาการชาที่คอหายเป็นปกติแล้ว และทุกอย่างก็ปกติมาก ไม่รู้สึกเจ็บหรือใดๆทั้งสิ้น แล้วก็หลับไปอีก 1 ชม. จากนั้นก็ลุกขึ้นมาฟังผล
          คุณหมอแจ้งว่า กระเพาะอาหารอักเสบเล็กน้อย และหูรูดกระเพาะอาหารหลวม พร้อมผลอัลตร้าซาวด์นิ่วในถุงน้ำดีพบว่า มีนิ่วเพิ่มขึ้นและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้คุณหมอให้ยามาทาน ยาแก้ปวดท้องและยาลดกรด พร้อมนัดอีกทีปลายเดือนเพื่อติดตามดูอาการ พร้อมถามว่า อยากผ่าตัดถุงน้ำดีรึป่าว หรือจะรอดูอาการก่อนก็ได้ งั้นปลายเดือนเดี๋ยวมาคุยกันอีกที เราด้วยความเบลอยานอนหลับ ก็เออ ออ ไปตามหมอ (ใจจริง อยากตัดออกมาก เพราะการปวดท้องแต่ละครั้งมันทรมารมาก) ไว้ถ้าผ่าตัด จะมารีวิวให้ฟังใหม่นะคะ

อาการหลังส่องกล้อง

          เนื่องจากเราต้องอดอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงคืน คุณหมอจึงแนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆก่อน อาการก่อนทานข้าว ปกติดี ไม่มีอาการใดๆ แต่หลังจากทานมื้อแรกไป (มื้อเที่ยง) ก็เกิดอาการจุกแน่น ปวดแสบร้อนใต้ลิ้นปี่ อาการยังไม่รุนแรกมาก แต่กวนใจสุดๆ แล้วก็ยังคงมีอาการเหมือนเดิมมาเรื่อยๆจนถึงวันนี้ (3/4/2021) ทานอาหารได้นิดหน่อย ถ้าทานเยอะจะยิ่งแน่น และปวดจุก สักพักก็มีสายเข้าจากโรงพยาบาล คุณพยาบาลโทรมาถามอาการหลังส่องกล้อง เราก็เลยเล่าไปตามนั้น คุณพยาบาลแจ้งว่า อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานขณะส่องกล้อง คุณหมอเป่าลมเข้ากระเพาะ เลยทำให้มีลมข้างในเยอะ ช่วงนี้ให้ทานอาหารอ่อนๆก่อน ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น สามารถโทรสอบถามหรือเขามาพบแพทย์ได้เลย (ประทับใจมาก ดูแลดีจริงๆ) เราก็เข้าใจผิด คิดว่าเป็นอาการปกติที่เคยปวด ที่ไหนได้ คุณหมอเป่าลมนี่เอง ถึงว่า ข้ามวันเเล้วก็ยังไม่หาย พิมพ์ไป ปวดท้องไป ไว้ถ้ามีอะไรผิดปกติ จะมาเล่าสู่การฟังใหม่นะคะ
          สุดท้าย สรุปสำหรับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ ประมาณว่าตื่นเช้ามาเพื่อไปนอนหลับต่อที่โรงพยาบาล (จะบอกว่า ตอน Swab จมูกตรวจหาเชื่อโควิดยังเจ็บกว่าส่องกล้องสะอีก)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และเป็นกำลังใจให้สำหรับท่านกำลังจะส่องกล้องนะคะ
miniheartพาพันไฟท์ติ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่