เรื่องของป๋า

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 - ตือฮวนเกี้ยมฉ่าย

ผมเคยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ปู่ผมมีลูกชายสามคน ทั้งสามคนแต่งงาน มีลูก แล้วยังอยู่บ้านเดียวกัน เวลาที่ลูกเรียก พ่อ ทั้งสามคนก็จะหันพร้อมกัน เพราะไม่รู้ใครเรียกและเรียกใคร  พี่ชายของพ่อจึงให้ลูกเรียกว่าพ่อ พ่อผมให้ลูกเรียกว่าป๋า ส่วนน้องของพ่อให้ลูกเรียกว่าป๊า

ดังนั้น พ่อ = ลุง   ป๋า = พ่อผม   ป๊า = อา

เกริ่นกันพอแล้ว ได้เวลาเข้าเรื่อง

สมัยเด็ก ตอนที่แม่ไปตลาด พวกเราลูกๆชอบให้แม่ซื้อหมูสับต้มเกี้ยมฉ่ายกลับมา เพราะมันอร่อย รสเปรี้ยวเค็มหวาน กินง่าย  

ถ้าป๋าเป็นคนไปตลาด ป๋าจะชอบซื้อตือฮวนเกี้ยมฉ่าย  

พวกคุณคงนึกออก ว่าเด็กๆมีความเห็นยังไงกับเครื่องใน  พวกเราได้แต่ตักเกี้ยมฉ่ายกิน ไม่กล้าแม้แต่จะซดน้ำ 

พวกเราเคยขอร้องป๋า ให้เลิกซื้อตือฮวนเกี้ยมฉ่าย แล้วซื้อหมูสับเกี้ยมฉ่ายมาแทน  

แต่ป๋าบอกว่า หมูสับน่ะมันสำหรับเด็กกับคนแก่ ลูกผู้ชายมันต้องตือฮวนเกี้ยมฉ่ายสิ

ผมเสียป๋าให้กับโรคมะเร็ง ตอนที่ผมเป็นวัยรุ่น นับแต่นั้นก็ไม่มีใครซื้อตือฮวนเกี้ยมฉ่ายเข้าบ้านอีก

ผมมีโอกาสได้กินตือฮวนเกี้ยมฉ่าย ตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอลองกินดูก็ว่ามันไม่แย่อะไรนัก

อาจเป็นเพราะผ่านประสบการณ์ของผู้ใหญ่มา ทำให้รู้สึกตือฮวนเกี้ยมฉ่าย มันมีเครื่องในหลากหลายแบบ บางอย่างนิ่ม บางอย่างเหนียว บางอย่างก็กรุบ
บางครั้งคาว บางครั้งขม เหมือนรสชาติของชีวิต  หันกลับไปกินหมูสับเกี้ยมฉ่าย ก็รู้สึกว่าหมูสับมันกินง่ายเกินไป ไม่ท้าทายซะเลย

จนเดี๋ยวนี้ ผมเลิกกินหมูสับต้มเกี้ยมฉ่ายแล้ว  กลับเปลี่ยนมาชอบกินตือฮวนเกี้ยมฉ่ายแทน

หมูสับน่ะมันสำหรับเด็กกับคนแก่ ลูกผู้ชายมันต้องตือฮวนเกี้ยมฉ่ายสิ

...........................................................................................................................................
ตอนที่ 2 - ไข่เจียว

ป๋าเป็นคนทำอาหารไม่เป็น ถ้าแม่ไม่อยู่ ป๋าต้องเป็นคนทำกับข้าวให้ลูก พวกเราก็รู้เลยว่าจะได้กินอะไร  ไข่เจียว

เพราะป๋าเป็นคนมือหนัก เวลาตอกไข่ทีไร ชอบตอกจนไข่แดงแตกแทบทุกที จึงทอดไข่ดาวยังไม่ได้

ป๋าจึงตอกไข่ใส่ชามจนไข่แดงแตก แล้วตีด้วยช้อน ไม่ใช่ด้วยส้อม เพราะถ้าใช้ส้อม ใช้เสร็จแล้วก็ต้องล้าง 
แต่ถ้าเป็นช้อนไม่ต้องล้าง เอามาใช้ตักข้าวร้อนๆกินต่อได้

และเพราะป๋าทำเป็นแต่ไข่เจียวนี่เอง ทำให้ป๋าทอดไข่เจียวได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ

ไข่เจียวของป๋า กรอบ ฟู ไม่อมน้ำมัน  แบบที่ว่า ตอนที่แม่ทำกับข้าว ถ้าจะทอดไข่เจียว พวกเราก็จะให้ป๋าเป็นคนทอด

และเพราะป๋าทำเป็นแต่ไข่เจียว  สิ่งที่ทำให้ไข่เจียวของป๋ามึความแตกต่างออกไป รสชาติไม่จำเจ คือ ซอสพริก

ซอสพริกทุกชนิดทุกยี่ห้อ ทั้งตราฉลากทอง ศรีราชา กวางบิน สุขุม โกศล มงกุฏ เพนกวิน เอบีซี อ่าวศิลา หนุมาน และอื่นๆ 
ป๋าซื้อมาลองหมด ถ้ามันมีขายในตลาด

ป๋าชอบซอสพริกเหลืองฉลากทอง  แต่ผมชอบไฮน์เพราะมันหวานสุด สำหรับเด็กมันก็เลยอร่อย

ถ้าเป็นตอนนี้ ผมคงแนะนำซอสพริกของพันท้ายนรสิงห์

เมื่อวันที่มีโอกาสได้ไปกินไข่เจียวร้านเจ๊ไฝ ไม่รู้ทำไม คิดถึงแต่ไข่เจียวของป๋า

....................................................................................................................................
ตอนที่ 3 - บะหมี่จับกัง

ตอนที่ผมยังเด็ก เวลาที่ไม่สบาย มันเป็นอภิสิทธิ์ของเด็กที่จะอ้อนเอาสิ่งที่ต้องการ

วันที่ผมเป็นหวัด นอนซมทั้งวัน ข้าวปลากินไม่ลง พอป๋ากลับมาตอนค่ำ รู้ว่าผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า ป๋าก็ถามผมว่าหิวมั้ย อยากกินอะไรรึเปล่า
ผมที่รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จึงบอกสิ่งที่ผมอยากกินมาตั้งนานแล้วทันที  บะหมี่จับกัง

ได้เห็นในทีวีเมื่อหลายวันก่อน บะหมี่ชามโต เส้นปริมาณมหาศาล โคตะระอยากกิน  ยิ่งตอนหิวๆด้วยนะ

ป๋าอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตามใจผม ออกไปซื้อบะหมี่จับกังมาให้   

แกะห่อออกมา พอยีเส้น ก็ได้เส้นปริมาณมหาศาล แน่นอนว่าเด็กอย่างผมกินไม่หมด กินได้ราวๆครึ่งนึงก็ไม่ไหวแล้ว

และพวกคุณควรรู้ไว้ อาหารของคนป่วยควรเป็นอาหารอ่อน อย่างข้าวต้มหรือโจ๊กเท่านั้น ไม่ควรให้อาหารตามใจคนป่วยเด็ดขาด

ผลจากบะหมี่จับกังที่เด็กป่วยกินเข้าไป  กลางดึกคืนนั้น ผมแหวะบะหมี่ส่วนหนึ่งออกมารดหน้าอกตัวเอง และแหวะที่เหลือลงพื้น

หลังจากนั้น ผมก็เข็ด หายอยากกับบะหมี่จับกังไปเลย

ตอนที่ผมโตแล้ว ได้ไปธุระผ่านแถวเยาวราช เลยได้ไปลองกินบะหมี่จับกังอีกครั้ง  รู้สึกรสชาติไม่เหมือนที่เคยกินตอนเด็กๆ

พอกลับถึงบ้านเล่าให้แม่ฟัง ว่า บะหมี่จับกัง รสชาติสู้ตอนที่เคยกินเมื่อก่อนไม่ได้

แม่บอกว่า ตอนนั้นมันดึกแล้ว ป๋าจะไปซื้อบะหมี่จับกังได้ที่ไหน ก็เลยไปซื้อบะหมี่หน้าปากซอย สั่งให้ทำห่อใหญ่พิเศษ แล้วเอาหลอกเอ็งว่าเป็นบะหมี่จับกังต่างหากล่ะ

......................................................................................................................................................................................................
ตอนที่ 4 - น่องลูกเจี๊ยบ  ผักหมู  และปลากระสือ

ตอนที่ผมยังเด็ก ป๋าซื้อไก่ย่างหั่นเป็นชิ้นมาให้กิน แล้วผมกินน่องไก่ไปแล้ว ก็เจอน่องไก่อีกอันที่ขนาดเล็กกว่า 
 
ผมถามป๋าว่า ทำไมน่องไก่อันนี้มันเล็กจัง  ป๋าบอกว่า มันคือน่องลูกเจี๊ยบไง

นับแต่นั้น ผมก็ไม่กล้ากินน่องลูกเจ๊ยบอีกเลย ด้วยความสงสาร เจ้าลูกไก่ตัวน้อย

ใช้เวลานานหลายปี กว่าผมจะรู้ว่า ไอ้น่องลูกเจี๊ยบนั่น ความจริงคือปีกบนไก่ 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป๋าไม่รู้จริงๆ หรือเพราะป๋าอยากจะหลอกผม ทำให้ผมพลาดของอร่อยไปตั้งหลายปี

  
ตอนที่ผมยังเด็ก ผมก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่ชอบกินผัก 

ครั้งนึง ผมชี้ไปก้อนที่น่าจะเป็นผักแต่มันฟูๆเหมือนหมูสับ แล้วถามป๋าว่า นี่มันผักอะไร หน้าตาเหมือนหมูสับเลย

ป๋าบอกว่า มันคือผักหมูไง เอาหมูสับปั้นผสมเมล็ดผักแล้วเอาไปปลูก มันก็โตขึ้นมาเป็นผักหมูนี่แหละ

เพราะมันโตขึ้นมาจากหมูสับ ผมถึงไม่คิดว่ามันเป็นผัก จึงกินมันได้ และพอชินกับรสชาติของมันแล้ว ผมจึงกินผักชนิดอื่นได้ด้วย

ผมก็บอกใครต่อใครมาตลอด ว่าผักที่ผมชอบที่สุดก็คือผักหมู ใช้เวลานานหลายปี กว่าผมจะรู้ว่า มันคือดอกกะหล่ำ คิดย้อนกลับไป อายแทบตาย

เพราะคำโกหกของป๋า ทำให้เด็กอย่างผมรู้จักกินผักได้

 
ป๋าชอบกินปลาสลิด และป๋าก็เลือกปลาสลิดเก่งมาก  ปลาสลิดที่ป๋าเลือกซื้อมา ทุกตัวเนื้อจะหนาฟู ถ้าไม่เป็นมันย่อง ก็ต้องมีไข่เต็มท้อง

ผมเคยถามป๋าว่า ตอนที่ป๋าซื้อมา ให้คนขายเขาตัดหัวให้ด้วยเหรอ  เพราะป๋าไม่เคยซื้อปลาสลิดแบบมีหัวมาเลย

ป๋าบอกว่า ปลาพวกนี้ถูกจับมาตอนกลางคืนน่ะ ก็เลยไม่มีหัว มันถอดหัวกับไส้ออกไปหากิน  เพราะมันเป็นปลากระสือ ถ้าเด็กๆกินเข้าไปก็จะเป็นกระสือไปด้วย  ต้องเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ถึงจะกินได้ไม่เป็นไร

 
โธ่ ป๋า ถึงผมจะหลอกง่าย ก็ไม่ใช่ว่าจะหลอกผมได้ทุกเรื่องนะ 

..............................................................................................................................................
ตอนที่ 5 - ไข่พะโล้

เรื่องสุดท้ายที่ผมจะเล่า ก็คงเป็น ไข่พะโล้

ครอบครัวผมเคยมีช่วงที่ยากลำบาก ที่บ้านเหลือผมกับป๋าแค่สองคน  ข้าวที่มีสองถ้วยและไข่พะโล้ 1 ฟองในหม้อ

หลังจากเอาหม้อไข่พะโล้ไปอุ่นร้อนแล้วเราก็มานั่งกินกัน  ป๋าเสนอว่าป๋าจะกินไข่เอง ส่วนผมกินน้ำพะโล้ไป ผมตอบทันที ไม่

ป๋าเลยบอกว่างั้นมาแบ่งกันคนละครึ่ง ว่าแล้วป๋าก็เอาช้อนตัดไข่พะโล้แบ่งครึ่ง ผมก็เล็ง จะแย่งเอาชิ้นที่ใหญ่กว่า

แต่ป๋าตักเอาแต่ไข่แดงจากไข่ทั้งสองซีกชิ้นมาใส่ชามผม จากนั้นก็ชิงเอาไข่ขาวไปใส่ชามตัวเอง

ป๋าบอกว่า รู้ไว้นะ ไข่พะโล้น่ะต้องกินไข่ขาว รสชาติมันอยู่ตรงนี้ เอ็งให้ป๋าแบ่ง ป๋าก็เอาไข่ขาวน่ะสิ เด็กๆน่ะกินแต่ไข่แดงไปก็พอ

ตอนนั้นผมได้แต่ก้มหน้าตักน้ำพะโล้ราดไข่แดงกินเงียบๆ คิดว่าโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่จะแย่งกินไข่ขาวบ้าง

ถึงผมจะยังเด็กแต่ผมก็รู้อะไรเป็นอะไรแล้วนะ ไข่พะโล้ ป๋าก็เป็นคนหามา ป๋าจะกินไข่ขาวก็ต้องให้เขา จะไปแย่งเขาได้ยังไง

พอผมได้เป็นพ่อคนแล้ว ถึงเพิ่งรู้ ว่าจริงๆแล้ว ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย 

แต่ตอนนี้ผมรู้ความแล้วนะ คุณป๋าขี้โกหก 

ผมรู้แล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือความสุขของคนที่รัก

ขอให้เขามีความสุข มีรอยยิ้ม มีไข่แดงกิน ถึงผมจะต้องกินแต่ไข่ขาวไปตลอดชีวิตที่เหลือ มันจะเป็นไรไปล่ะ

............................................................................................................................................................./...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่