🌼🌼🌼 ขอนอบน้อมแต่...พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...พระองค์นั้น 🌼🌼🌼
นิคหะ ที่ ๓
[๑๑] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส้มวาที: บุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ
ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น
ส้มวาที: แน่นอน.. ถ้าในที่ทั้งปวง..มีบุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ
ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ(การติเตียน), หากว่า
ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วย เหตุนั้นนะ
ท่านจึงต้องกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่าน กล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึง กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
แต่ถ้า ไม่พึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด ฯลฯ
ส้มวาที: ก็.. ถ้าในที่ทั้งปวง..มีบุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ ที่นั้นๆ ก็มีบุคคลผู้เที่ยง..นั่นหละ
ก็จะบุคคลที่เที่ยงแท้...อย่างนี้ และนี่ คือ สถานะของบุคคลนั้น..
1. อชาตํ -- ไม่เกิดชาติ..อีกต่อไป ไม่เคลื่อนไป - เคลื่อนมา..อีก
2. อภูตํ -- ไม่เป็น.. ไม่เป็นชีวะ - ไม่เป็นสิ่งที่มีชีวิติอีก.. ไม่ต้องเป็นสัตวนิกายใดๆ อีก
3. อกตํ -- ไม่กระทำ..ไปใน 3 ทาง..กาย-วาจา-ใจ หรือ บาป - บุญ - อเนญชา...อีก
4. อสงฺขตํ -- ไม่มีการคิดปรุงแต่งไปใน 3 ทาง..กาย-วาจา-ใจ หรือ บาป - บุญ - อเนญชา...อีก
นิคหะที่ ๓ จบ
กถาวัตถุ..ตอนที่ - 11
นิคหะ ที่ ๓
[๑๑] ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส้มวาที: บุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ
ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น
ส้มวาที: แน่นอน.. ถ้าในที่ทั้งปวง..มีบุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ
ส. ท่านจงรับรู้นิคหะ(การติเตียน), หากว่า
ท่านหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ด้วย เหตุนั้นนะ
ท่านจึงต้องกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่าน กล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึง กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
แต่ถ้า ไม่พึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลในที่ทั้งปวง โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด ฯลฯ
ส้มวาที: ก็.. ถ้าในที่ทั้งปวง..มีบุคคลผู้หลุดพ้น... คือ นิพพานธาตุ - อมตะธาตุ ที่นั้นๆ ก็มีบุคคลผู้เที่ยง..นั่นหละ
ก็จะบุคคลที่เที่ยงแท้...อย่างนี้ และนี่ คือ สถานะของบุคคลนั้น..
1. อชาตํ -- ไม่เกิดชาติ..อีกต่อไป ไม่เคลื่อนไป - เคลื่อนมา..อีก
2. อภูตํ -- ไม่เป็น.. ไม่เป็นชีวะ - ไม่เป็นสิ่งที่มีชีวิติอีก.. ไม่ต้องเป็นสัตวนิกายใดๆ อีก
3. อกตํ -- ไม่กระทำ..ไปใน 3 ทาง..กาย-วาจา-ใจ หรือ บาป - บุญ - อเนญชา...อีก
4. อสงฺขตํ -- ไม่มีการคิดปรุงแต่งไปใน 3 ทาง..กาย-วาจา-ใจ หรือ บาป - บุญ - อเนญชา...อีก
นิคหะที่ ๓ จบ