อยากแชร์ประสบการณ์สูญเสียคุณพ่อโดยไม่ทันตั้งตัวและขอให้อุทาหรณ์เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนและนำไปปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีกเป็นความสูญเสียและความเสียใจอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนได้จากปัญหาที่คาดไม่ถึงและคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยในโรงพยาบาล ซึ่งลึกลึกแล้วผมรู้สึกเป็นความผิดของผมเองที่ละเลยเรื่องเหล่านี้ และไม่โทษโรงพยาบาลทั้งสิ้นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุแต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์และประสบการณ์ของผู้ที่มีผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงการนอนกรนและโชคไม่ดีมีภาวะที่ต้องจำเป็นต้องนอนอยู่ในท่าที่อันตราย มีความเสี่ยงภาวะการหยุดหายใจจากลิ้นปิดหลอดลม (airway block) โดยอย่าละเลยให้ทำการช่วยเหลือเขาก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันนี้
ก่อนเกิดเหตุการ์ณนี้โดยปกติคุณพ่อยังเป็นคนแข็งแรงกระฉับกระเฉงตามวัยอาจจะมีถือไม่เท้าเพื่อป้องกันการล้มบ้างปัจจุบันอายุ 75 เดินทางไปไหนได้คนเดียวขับรถได้ ใกล้ใกล้ยังไปไหนมาไหนได้ เป็นคนพูดจาเสียงดังฟังชัดไม่มีแนวโน้มที่เชื่องช้าหรืออ่อนแรง และเป็นคนบ้างานขยันทำงานตลอดชอบพาผมไปดูงานก่อสร้างการลงทุนการซื้อขายต่างๆ คิดเรื่องขยายกิจการอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดหย่อน แม้อายุเข้าเลยวัยเกษียณมานานแล้วแต่ไม่เคยคิดจะหยุดพัก ต้องการเดินทางเห็นโลกอยู่ตลอดเวลา
โรคประจำตัวที่มีคือต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือดเนื่องจากมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องใส่สเตนบอลลูน เคยผ่าตัดใส่ข้อเหล็กหมอนรองกระดูกช่วงหลัง ล่าง และเคยเส้นเลือดสมองตีบแต่รักษาจนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยกินยาละลายลิมเลือดอยู่ประจำ สองปีให้หลังมานี้ อาจจะเคยมีอาการพูดติดขัดบางครั้งบ้างเมื่อลืมกินยาละลายลิมเลือดแต่ก็นอนพักสักครู่กินยาก็กลับมากระฉับกระเฉงปกติ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาคุณพ่อมีอาการปวดคอและแขนมาก จึงนำส่งตัวโรงพยาบาลตรวจดู จากเอ็มอาร์ไอแล้ว มีการกดทับหมอนรองกระดูกที่ต้นคออย่างมากจึงต้องแอดมิดที่โรงพยาบาลและตัดสินใจนัดเพื่อรอการผ่าตัดเปิดช่องคอจากด้านหน้าเข้าไปเพื่อใส่หมอนรองกระดูกเทียมและเหล็กยึดซึ่งการผ่าตัดลักษณะนี้คุณพ่อเคยทำมาก่อน ดังที่กล่าวข้างต้น เมื่อ6 ปีที่แล้วที่บริเวณกระดูกสันหลังช่วงหลังล่างแต่รอบนี้เป็นบริเวณที่คอ คุณหมอให้แอดมิดอยู่โรงพยาบาลโดยจะต้องให้งดยาละลายลิมเลือดที่กินอยู่ประจำเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันถึง 10 วันเพื่อจะให้ยาละลายลิมเลือดไม่มีหลงเหลืออยู่เพราะเกรงว่าการผ่าตัดจะทำให้สูญเสียเลือดมากและการห้ามเลือดทำได้ยากเนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่บริเวณคอ
ระหว่างที่แอดมิดนั้นปกติคุณพ่อจะเป็นคนมีปัญหานอนกรนแต่ก็สามารถที่จะปรับตัวแก้ไขได้เอง อยู่ที่บ้านแกก็นอนคนเดียวได้มาตลอด ด้วยการนอนท่าตะแคงซึ่งเป็นท่าทางที่เขาถนัดจึงไม่เคยมีเกิดปัญหานอนขาดหายใจมาก่อน แต่งวดนี้เหมือนหนีเสือปะจระเข้คุณพ่อมีอาการปวดหลังที่ต้นคอรุนแรงแกจึงไม่สามารถที่จะนอนตะแคงในท่าที่ถนัดได้ทุกครั้งที่พยายามพลิกตัวจะปวดมากจนแกต้องเหมือนถูกบังคับ อัตโนมัติ ปรับตัวเองให้มาอยู่ในท่านอนหงายคอแหงนขึ้นเล็กน้อย พอเมื่อถึงเวลาหลับหรือได้รับยาแก้ปวดจนง่วงหลับไปจะเกิดเสียงกรนดังแต่ไม่เคยดังขนาดนี้มาก่อน ผม รู้สึกกังวลใจแปลกๆ ได้ถามพยาบาลหลายรอบว่ามีทางแก้ไขหรือช่วยเหลืออะไรได้ไหมดูเหมือนพยาบาลก็ไม่มีทางช่วยใดใด เพียงแต่แจ้งว่าเป็นเรื่องปกติ ที่คนไข้ได้รับยาแก้ปวดแล้วจะง่วงนอนและหลับลึก มีอาการสับสน ปรึกษาคุณหมอแล้วเป็นเรื่องปกติ เพียงแนะนำให้พยายามนอนตั้งขึ้นมา เวลาผ่านไปสามคืนแรกผมนอนเฝ้าคุณพ่อด้วยความทรมานจิตใจเพราะได้ยินเสียงกรนที่ค่อนข้างลำบากแม้แต่ตัวผมเองก็นอนไม่หลับไปด้วยเพราะเสียงดังมาก
ข้อสังเกตอีกอย่าง คืนที่สองคืนที่สามคุณพ่อเริ่มมีอาการละเมอเหมือนลักษณะประสาทหลอนขยับแขนขยับขา ละเมอพูดไม่รู้ตัว หรือตื่นสะดุ้งขึ้นมาเหมือนฝันร้ายลักษณะเหมือนมีคนเข้ามาทำร้ายหรือมาปิดผ้าม่านเปิดไฟเหมือนฝันไม่ดี ลักษณะเห็นภาพหลอนประสาททั้งคืน แต่พอเช้าตื่นขึ้นมารู้สึกตัวแกก็เล่าให้ฟังว่าฝันไม่ดีรู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่มเลย ทรมาน แต่ก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสกับลูกหลานได้กินข้าวคุยเล่นกับนางพยาบาลทุกครั้ง แต่ก็เริ่มเบื่ออาหารบ้าง
เรื่องมาเกิดคืนที่ 4 ของการแอดมิดที่โรงพยาบาลผมก็นอนเฝ้าอยู่เมื่อช่วงตั้งแต่หัวค่ำแกก็เริ่มนอนไปหลังจากกินข้าวเย็นและได้รับยาแก้ปวดตามที่แกขอร้อง เพราะปวดมาก เมื่อเริ่มหลับแกก็เริ่มกรนมีอาการเพ้อเหมือนเดิมบางครั้งเพ้อถึงขั้นลุกขึ้นมานั่งแล้วก็พูดจาเป็นเรื่องงานบ้างเรื่องส่วนตัวบ้างชี้โน่นชี้นี่เป็นภาษาไทยบ้างภาษาจีนบ้างแล้วก็นอนหลับไปผมก็ปลุกแกมากินน้ำ เห็นกรนนานปากค่อนข้างจะแห้ง พอมาช่วงประมาณสี่ทุ่มระหว่างที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เสียงกรนที่เป็นจังหวะเท่ากันตลอดกลับเริ่มหายไปอย่างน่าแปลกใจผมลุกขึ้นดูคุณพ่อทันที จำได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิน 10 วินาที ผมพยายามเขย่าคุณพ่อตบหน้าเอามือเช็คลมหายใจปรากฏว่าเงียบสนิททุกอย่าง ทันใดนั้นนางพยาบาลคงเห็นกล้องที่มอนิเตอร์กระโดดเข้าชาร์ตทำซีพีอาร์ทันที
ซึ่งก็ถือว่าเร็วดีมาก สุดท้ายผมถูกเชิญออกมาจากนอกห้องและทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งหมดทยอยเข้ามาช่วยปลุกหัวใจคุณพ่อให้กลับมาเต้นอีกครั้งระยะเวลาน่าจะกินเวลาประมาณ 10 นาทีทางทีมพยาบาลก็นำร่างคุณพ่อออกมาพร้อมเครื่องช่วยหายใจนำลงไปห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนั้นพยาบาลแจ้งว่าชีพจรคุณพ่อกลับมาแล้วผมก็ใจชื้นขึ้นมาภายใต้ภาวะการช็อกของผมในขณะนั้น ว่ามันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร เพราะยังคุยกันปกติเลยเมื่อช่วงตอนเย็น
สุดท้ายคุณพ่อพักฟื้นอยู่ห้องซีซีอยู่ร่วมสองอาทิตย์โดยสรุปอาการว่าสมองคุณพ่อขาดอากาศหายใจจนได้รับความเสียหายเป็นเจ้าชายนิทรา ร่างกายภายนอกจะเหมือนคนนอนหลับไม่ยอมตื่นใดใดทั้งสิ้นปัจจุบันจากเดิมใช้เครื่องช่วยหายใจตอนนี้หายใจเองได้แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวใดใดแม้ว่าจะพยายามเขย่าปลุกตะโกนต่างๆแล้วลูกกะตากรอกไปกรอกมาซ้ายขวาอยู่ตลอด
สรุปคือคุณพ่อผมก็เหมือนเสียชีวิตไปตั้งแต่ขาดอากาศหายใจในห้องพักตอนนี้เหลือเพียงร่างกายที่ดั่งไร้วิญญาณหายใจไปเรื่อยๆเท่านั้น
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมต้อง การที่จะระบายเสียใจความในใจ และสิ่งที่ผิดพลาดละเลย ประมาน ร่ะหลวม ที่ช่วยคุณพ่อไม่ทัน โดยตั้งแต่คืนแรก ผมก็คิดเผื่อสั่งเครื่องซีแพบCPAP กะว่าจะมาช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรน แต่เครื่องมาส่งไม่ทัน เสียดาย เกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน
เสียใจที่ ไม่หนักแน่น เรียกร้อง โรงพยาบาล ให้ใส่ใจกับปัญหาการกรนดังกล่าวมากเพียงพอ
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าถ้า ในห้องพักผู้ป่วย ยิ่งเป็นผู้สูงอายุควรจะมีเครื่องมอนิเตอร์ออกซิเจน แบบ Real Time และใส่ใจเรื่องระบบทางเดินหายใจของ ผู้ป่วย มากกว่านี้ อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็ได้
เอาละครับเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้ผมยังคงเจ็บปวดและเข้ารับการรักษาทางจิตเทวทกับคุณหมอด้วยการกินยาคลายเครียดระงับประสาทเนื่องจากภาวะเครียดนี้อาจจะนำมาให้ผมเป็นภาวะซึมเศร้าถาวรได้ ก็ขอให้บทความนี้เป็นอุทาหรณ์และเป็นบทเรียนให้กับลูกหลาน และส่งให้โรงพยาบาลทุกที่ให้มีมาตราฐาน และมาตรการป้องกันรับมือแก้ไขกับอุบัติเหตุลักษณะนี้ในอนาคตและหวังว่าจะไม่เกิดกับใครอีกนะครับ ชีวิตคนเราช่างเปราะบางยิ่งนัก คิดถึงป๊าเสมอครับ...........
ขอขอบพระคุณครับ
แชร์ความสูญเสียพ่อที่โรงพยาบาล เพราะสมองขาดออซิเจน
ก่อนเกิดเหตุการ์ณนี้โดยปกติคุณพ่อยังเป็นคนแข็งแรงกระฉับกระเฉงตามวัยอาจจะมีถือไม่เท้าเพื่อป้องกันการล้มบ้างปัจจุบันอายุ 75 เดินทางไปไหนได้คนเดียวขับรถได้ ใกล้ใกล้ยังไปไหนมาไหนได้ เป็นคนพูดจาเสียงดังฟังชัดไม่มีแนวโน้มที่เชื่องช้าหรืออ่อนแรง และเป็นคนบ้างานขยันทำงานตลอดชอบพาผมไปดูงานก่อสร้างการลงทุนการซื้อขายต่างๆ คิดเรื่องขยายกิจการอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดหย่อน แม้อายุเข้าเลยวัยเกษียณมานานแล้วแต่ไม่เคยคิดจะหยุดพัก ต้องการเดินทางเห็นโลกอยู่ตลอดเวลา
โรคประจำตัวที่มีคือต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือดเนื่องจากมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องใส่สเตนบอลลูน เคยผ่าตัดใส่ข้อเหล็กหมอนรองกระดูกช่วงหลัง ล่าง และเคยเส้นเลือดสมองตีบแต่รักษาจนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยกินยาละลายลิมเลือดอยู่ประจำ สองปีให้หลังมานี้ อาจจะเคยมีอาการพูดติดขัดบางครั้งบ้างเมื่อลืมกินยาละลายลิมเลือดแต่ก็นอนพักสักครู่กินยาก็กลับมากระฉับกระเฉงปกติ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาคุณพ่อมีอาการปวดคอและแขนมาก จึงนำส่งตัวโรงพยาบาลตรวจดู จากเอ็มอาร์ไอแล้ว มีการกดทับหมอนรองกระดูกที่ต้นคออย่างมากจึงต้องแอดมิดที่โรงพยาบาลและตัดสินใจนัดเพื่อรอการผ่าตัดเปิดช่องคอจากด้านหน้าเข้าไปเพื่อใส่หมอนรองกระดูกเทียมและเหล็กยึดซึ่งการผ่าตัดลักษณะนี้คุณพ่อเคยทำมาก่อน ดังที่กล่าวข้างต้น เมื่อ6 ปีที่แล้วที่บริเวณกระดูกสันหลังช่วงหลังล่างแต่รอบนี้เป็นบริเวณที่คอ คุณหมอให้แอดมิดอยู่โรงพยาบาลโดยจะต้องให้งดยาละลายลิมเลือดที่กินอยู่ประจำเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันถึง 10 วันเพื่อจะให้ยาละลายลิมเลือดไม่มีหลงเหลืออยู่เพราะเกรงว่าการผ่าตัดจะทำให้สูญเสียเลือดมากและการห้ามเลือดทำได้ยากเนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่บริเวณคอ
ระหว่างที่แอดมิดนั้นปกติคุณพ่อจะเป็นคนมีปัญหานอนกรนแต่ก็สามารถที่จะปรับตัวแก้ไขได้เอง อยู่ที่บ้านแกก็นอนคนเดียวได้มาตลอด ด้วยการนอนท่าตะแคงซึ่งเป็นท่าทางที่เขาถนัดจึงไม่เคยมีเกิดปัญหานอนขาดหายใจมาก่อน แต่งวดนี้เหมือนหนีเสือปะจระเข้คุณพ่อมีอาการปวดหลังที่ต้นคอรุนแรงแกจึงไม่สามารถที่จะนอนตะแคงในท่าที่ถนัดได้ทุกครั้งที่พยายามพลิกตัวจะปวดมากจนแกต้องเหมือนถูกบังคับ อัตโนมัติ ปรับตัวเองให้มาอยู่ในท่านอนหงายคอแหงนขึ้นเล็กน้อย พอเมื่อถึงเวลาหลับหรือได้รับยาแก้ปวดจนง่วงหลับไปจะเกิดเสียงกรนดังแต่ไม่เคยดังขนาดนี้มาก่อน ผม รู้สึกกังวลใจแปลกๆ ได้ถามพยาบาลหลายรอบว่ามีทางแก้ไขหรือช่วยเหลืออะไรได้ไหมดูเหมือนพยาบาลก็ไม่มีทางช่วยใดใด เพียงแต่แจ้งว่าเป็นเรื่องปกติ ที่คนไข้ได้รับยาแก้ปวดแล้วจะง่วงนอนและหลับลึก มีอาการสับสน ปรึกษาคุณหมอแล้วเป็นเรื่องปกติ เพียงแนะนำให้พยายามนอนตั้งขึ้นมา เวลาผ่านไปสามคืนแรกผมนอนเฝ้าคุณพ่อด้วยความทรมานจิตใจเพราะได้ยินเสียงกรนที่ค่อนข้างลำบากแม้แต่ตัวผมเองก็นอนไม่หลับไปด้วยเพราะเสียงดังมาก
ข้อสังเกตอีกอย่าง คืนที่สองคืนที่สามคุณพ่อเริ่มมีอาการละเมอเหมือนลักษณะประสาทหลอนขยับแขนขยับขา ละเมอพูดไม่รู้ตัว หรือตื่นสะดุ้งขึ้นมาเหมือนฝันร้ายลักษณะเหมือนมีคนเข้ามาทำร้ายหรือมาปิดผ้าม่านเปิดไฟเหมือนฝันไม่ดี ลักษณะเห็นภาพหลอนประสาททั้งคืน แต่พอเช้าตื่นขึ้นมารู้สึกตัวแกก็เล่าให้ฟังว่าฝันไม่ดีรู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่มเลย ทรมาน แต่ก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสกับลูกหลานได้กินข้าวคุยเล่นกับนางพยาบาลทุกครั้ง แต่ก็เริ่มเบื่ออาหารบ้าง
เรื่องมาเกิดคืนที่ 4 ของการแอดมิดที่โรงพยาบาลผมก็นอนเฝ้าอยู่เมื่อช่วงตั้งแต่หัวค่ำแกก็เริ่มนอนไปหลังจากกินข้าวเย็นและได้รับยาแก้ปวดตามที่แกขอร้อง เพราะปวดมาก เมื่อเริ่มหลับแกก็เริ่มกรนมีอาการเพ้อเหมือนเดิมบางครั้งเพ้อถึงขั้นลุกขึ้นมานั่งแล้วก็พูดจาเป็นเรื่องงานบ้างเรื่องส่วนตัวบ้างชี้โน่นชี้นี่เป็นภาษาไทยบ้างภาษาจีนบ้างแล้วก็นอนหลับไปผมก็ปลุกแกมากินน้ำ เห็นกรนนานปากค่อนข้างจะแห้ง พอมาช่วงประมาณสี่ทุ่มระหว่างที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เสียงกรนที่เป็นจังหวะเท่ากันตลอดกลับเริ่มหายไปอย่างน่าแปลกใจผมลุกขึ้นดูคุณพ่อทันที จำได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิน 10 วินาที ผมพยายามเขย่าคุณพ่อตบหน้าเอามือเช็คลมหายใจปรากฏว่าเงียบสนิททุกอย่าง ทันใดนั้นนางพยาบาลคงเห็นกล้องที่มอนิเตอร์กระโดดเข้าชาร์ตทำซีพีอาร์ทันที
ซึ่งก็ถือว่าเร็วดีมาก สุดท้ายผมถูกเชิญออกมาจากนอกห้องและทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งหมดทยอยเข้ามาช่วยปลุกหัวใจคุณพ่อให้กลับมาเต้นอีกครั้งระยะเวลาน่าจะกินเวลาประมาณ 10 นาทีทางทีมพยาบาลก็นำร่างคุณพ่อออกมาพร้อมเครื่องช่วยหายใจนำลงไปห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนั้นพยาบาลแจ้งว่าชีพจรคุณพ่อกลับมาแล้วผมก็ใจชื้นขึ้นมาภายใต้ภาวะการช็อกของผมในขณะนั้น ว่ามันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร เพราะยังคุยกันปกติเลยเมื่อช่วงตอนเย็น
สุดท้ายคุณพ่อพักฟื้นอยู่ห้องซีซีอยู่ร่วมสองอาทิตย์โดยสรุปอาการว่าสมองคุณพ่อขาดอากาศหายใจจนได้รับความเสียหายเป็นเจ้าชายนิทรา ร่างกายภายนอกจะเหมือนคนนอนหลับไม่ยอมตื่นใดใดทั้งสิ้นปัจจุบันจากเดิมใช้เครื่องช่วยหายใจตอนนี้หายใจเองได้แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวใดใดแม้ว่าจะพยายามเขย่าปลุกตะโกนต่างๆแล้วลูกกะตากรอกไปกรอกมาซ้ายขวาอยู่ตลอด
สรุปคือคุณพ่อผมก็เหมือนเสียชีวิตไปตั้งแต่ขาดอากาศหายใจในห้องพักตอนนี้เหลือเพียงร่างกายที่ดั่งไร้วิญญาณหายใจไปเรื่อยๆเท่านั้น
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมต้อง การที่จะระบายเสียใจความในใจ และสิ่งที่ผิดพลาดละเลย ประมาน ร่ะหลวม ที่ช่วยคุณพ่อไม่ทัน โดยตั้งแต่คืนแรก ผมก็คิดเผื่อสั่งเครื่องซีแพบCPAP กะว่าจะมาช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรน แต่เครื่องมาส่งไม่ทัน เสียดาย เกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน
เสียใจที่ ไม่หนักแน่น เรียกร้อง โรงพยาบาล ให้ใส่ใจกับปัญหาการกรนดังกล่าวมากเพียงพอ
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าถ้า ในห้องพักผู้ป่วย ยิ่งเป็นผู้สูงอายุควรจะมีเครื่องมอนิเตอร์ออกซิเจน แบบ Real Time และใส่ใจเรื่องระบบทางเดินหายใจของ ผู้ป่วย มากกว่านี้ อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็ได้
เอาละครับเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้ผมยังคงเจ็บปวดและเข้ารับการรักษาทางจิตเทวทกับคุณหมอด้วยการกินยาคลายเครียดระงับประสาทเนื่องจากภาวะเครียดนี้อาจจะนำมาให้ผมเป็นภาวะซึมเศร้าถาวรได้ ก็ขอให้บทความนี้เป็นอุทาหรณ์และเป็นบทเรียนให้กับลูกหลาน และส่งให้โรงพยาบาลทุกที่ให้มีมาตราฐาน และมาตรการป้องกันรับมือแก้ไขกับอุบัติเหตุลักษณะนี้ในอนาคตและหวังว่าจะไม่เกิดกับใครอีกนะครับ ชีวิตคนเราช่างเปราะบางยิ่งนัก คิดถึงป๊าเสมอครับ...........
ขอขอบพระคุณครับ