JJNY : 5in1 จาตุรนต์ปลุกฝ่ายปชต.│ก้าวไกล-พท.ร่วมรำลึก 10 เมษา│“หมอธีระ”เผย 4 โรคร้าย│ส่งออกข้าวไทยวูบ│จีนเตือนกร้าว

จาตุรนต์ ปลุกฝ่าย ปชต.จับมือ ‘พลิกขั้วอำนาจ’ ชี้ 10 เมษา 53 ‘จุดหักเห’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3921037
 
 
‘จาตุรนต์’ ปลุกฝ่าย ปชต.ร่วมมือ พลิกขั้วอำนาจ ประชาธิปไตยไม่มี ความยุติธรรมเกิดไม่ได้ 
 
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง คนเสื้อแดงและคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำ นปช. ร่วมรำลึก “13 ปี เมษาพฤษภา 53”

บรรยากาศเวลา 16.00 น. ตัวแทนคนเสื้อแดงและคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 ร่วมกล่าวไว้อาลัยและสดุดีวีรชน
 
เวลา 16.25 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 10 เมษายน 2553 มีความสำคัญ เป็นจุดหักเหของเหตุการณ์การชุมนุมของ นปช. คนเสื้อแดง ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ให้รัฐบาลที่ตั้งค่ายทหาร คืนอำนาจให้ประชาชน พิสูจน์ว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาลกันแน่
  
“10 เมษา เป็นจุดหักเห เพราะวันนี้ผู้มีอำนาจของรัฐบาล ได้ตัดสินใจให้ยึดพื้นที่ถนนราชดำเนิน ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยึด ไม่ใช่ว่าประชาชนกำลังยึดสนามบิน หรือทำเนียบ ทีอย่างนั้นทำไมไม่ยึดพื้นที่คืน มายึดถนนราชดำเนิน ไม่มีความจำเป็นแต่ยังคงดำเนินการยึดพื้นที่อย่างต่อเนื่องไปจนถึงเวลากลางคืน ซึ่งไม่มีใครในโลกทำกัน ประชาชนชุมนุมโดยสงบ แต่ยังเข้ามายึดพื้นที่ มีการเตือนแล้วว่าให้รัฐบาลหยุด และมาเจรจากัน” นายจาตุรนต์กล่าว
 
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ความยุติธรรมที่ไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงระบบที่ล้มเหลวเท่านั้น แต่เกิดจากการแทรกแซง ครอบงำของคณะรัฐประหาร เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ คือการต่อสู้ด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่กลับถูกรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาปราบปราบ จนกระทั่งช่วยกันทำรัฐประหาร

ถ้าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ให้สิทธิเสรีภาพของประชาถูกคุ้มครอง ประชาชนได้รับความยุติธรรม มีทางเดียว คือทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยให้ได้ ความยุติธรรมจะไม่มีทางเกิดขึ้นในระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ส่วนปัญหาการรื้อฟื้นคดี ผมเองเอาใจช่วยเต็มที่ ส่วนการเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรม โดยให้องค์กรต่างประเทศ ระหว่างประเทศเข้ามานั้น เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีทางเกิดความยุติธรรมในประเทศนี้แล้ว
สุดทางแล้ว ต้องการให้เรื่องไปถึงองค์กรระหว่างประเทศ โดยส่วนตัวมีความหวัง ปรารถนาอยากเห็นรัฐบาลของฝ่ายประชาชนดำเนินการเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในที่สุด“ นายจาตุรนต์กล่าว
 
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า เรารำลึกเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.2553 เพื่อไม่ให้การรำลึกเสียเปล่า ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของพวกเขา
 
ไม่ซับซ้อน ต้องทำให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เราต้องมาร่วมมือกัน” นายจาตุรนต์กล่าว
 


ก้าวไกล-เพื่อไทย ร่วมรำลึก 10 เมษา โรม จับมือหมอเหวง ทักวรัญชัย ‘เป็นผู้สมัคร ส.ส.แล้วนะ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3920758
 
นักการเมืองพร้อมหน้า อาลัย 10 เม.ย.เลือด ‘โรม’ เชคแฮนด์หมอเหวง ทักวรัญชัย ‘เป็นผู้สมัคร ส.ส. แล้วนะ’
 
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง คนเสื้อแดงและคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำ นปช. ร่วมจัดงานรำลึก “13 ปี เมษาพฤษภา 53

เวลา 14.50 น. มีตัวแทนพรรคการเมือง ทยอยเดินทางมาร่วมงานรำลึก อาทิ นายวรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 กทม. พรรคเพื่อชาติ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล น.ส.รักชนก ศรีนอก ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางบอน-หนองแขม พรรคก้าวไกล นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายชานันท์ ยอดหงษ์ นักวิชาการและผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
 
โดย น.พ.เหวงเข้ามาจับมือทักทายนายรังสิมันต์ ซึ่งนายรังสิมันต์กล่าวว่า เห็นด้วยกับทั้ง 8 ข้อเรียกร้อง พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าเรื่อง สนธิสัญญา ICC ไม่ใช่แค่การให้สัตยาบัน เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่นายรังสิมันต์เดินเข้าไปภายในอนุสรณ์สถาน ได้กล่าวทักทายนายวรัญชัยว่า “สวัสดีครับ เป็นผู้สมัครแล้วนะ
 
บรรยากาศ เวลา 14.55 น. น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน เดินทางมาร่วมงานรำลึก โดยให้สัมภาษณ์มติชนถึงการมาร่วมงาน ความว่า เนื่องจากวีรชนและคนไทย ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

บรรยากาศเวลา 15.00 น. คนเสื้อแดงและคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 ร่วมพิธีสงฆ์
 
นายวีระ มุสิกพงศ์ นำจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ก่อนผู้ร่วมงานกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 อย่างพร้อมเพรียง ก่อนถวายสังฆทาน พระสงฆ์ 4 รูป ญาติวีรชนร่วมถวายบังสุกุล ก่อนกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ โดยพิธีกรกล่าวรายชื่อวีรชนทั้ง 30 คน
 
จากนั้นเวลา 15.30 น. เข้าสู่พิธีวางพวงหรีด และดอกไม้ เพื่อรำลึกถึงวีรชนคนเสื้อแดง
 
ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง หลังออกมาประท้วงให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นยุบสภาเป็นเวลาราว 1 เดือน โดยในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2553 ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้ากระชับพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม ก่อนช่วงค่ำปรากฏ “ชายชุดดำ” ยิงตอบโต้ทหาร ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 20 ราย และทหาร 5 รายในวันนั้น (เสียชีวิตเพิ่มภายหลังบางแหล่งระบุ 1 คน บางแหล่งระบุ 2 คน) จากนั้นการชุมนุมยังคงดำเนินต่อไปกระทั่งการสลายชุมนุมรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันที่ 13-19 พฤษภาคม 2553 ที่แยกราชประสงค์ รวมความสูญเสียใน 2 เหตุการณ์ “ขอคืนพื้นที่-กระชับพื้นที่” มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ราย และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน
 


“หมอธีระ” เผย 4 โรคร้ายเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่ม จากฝุ่น PM2.5 จี้รัฐ จัดการ 4 เรื่อง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3921165

“หมอธีระ” เผย 4 โรคร้ายที่เสี่ยง เสียชีวิตเพิ่มจากฝุ่นPM2.5 จี้รัฐ ต้องจัดการ 4 เรื่อง
 
เมื่อวันที่ 10 เมษายน นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบภาวะฝุ่น PM2.5 ว่า “ผลต่อสุขภาพระยะยาวจากมลภาวะฝุ่น PM2.5
 
1. โรคสมองเสื่อม ปริมาณความเข้มข้นของ PM2.5 โดยเฉลี่ยต่อปี ที่เพิ่มขึ้น”ทุกๆ 2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร” จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้น 4%

2. โรคหัวใจและหลอดเลือด การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น”ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร” จะทำให้มีอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเพิ่มขึ้น 8% และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเพิ่มขึ้น 23% นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหัวใจและหลอดเลือด 14%
 
3. โรคหลอดเลือดสมอง การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น”ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร” จะทำให้มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันเพิ่มขึ้น 13% และความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 24%

4. มะเร็งปอด การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น”ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร” จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 16%
 
ยังไม่นับสัจธรรมเรื่องการทำให้เกิดปัญหาระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนบน หลอดลมอักเสบเรื้อรัง รวมถึงการกำเริบของโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น หอบหืด และหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง

…สำหรับไทยเรานั้น
นอกเหนือไปจากการที่รัฐบาลต้องจัดการแหล่งต้นตอของฝุ่น PM2.5 ทั้งในประเทศและนอกประเทศแล้ว ยังควรดำเนินการเรื่องสำคัญต่อไปนี้ด้วย

หนึ่ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนลดความเสี่ยงต่อการสัมผัส PM2.5 ในแต่ละช่วงเวลาของปีที่เกิดวิกฤติ ทั้งที่บ้าน ที่เรียน ที่ทำงาน ที่ค้าขาย

สอง การลงทุนโครงการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ระยะยาว เพื่อติดตามผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวในประชากรทั้งภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นตรวจคัดกรองโรคทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และบรรดาโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการดูแลรักษาได้เร็ว

สาม การสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาระบบ วิธีการ และอุปกรณ์ป้องกันทั้งระดับบุคคล และระดับชุมชน เพื่อช่วยในการจัดการดูแลตนเองและครอบครัว และเพื่อต่อสู้กับมวลฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ระบบ วิธีการ และอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพสำหรับประชาชนทุกคนทุกเศรษฐานะ

สี่ การประเมินผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขจากโรคภัยไข้เจ็บระยะยาวที่เกิดขึ้นจากวิกฤติ PM2.5 เพื่อนำไปวางแผนจัดการระบบการเงินการคลัง เตรียมงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น และจัดระบบบริการสาธารณสุขให้เพียงพอและพร้อมรับมือปัญหาสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่ในอนาคต

อ้างอิง
1. Air pollution and dementia. BMJ. 5 April 2023.
2. Long‐Term PM2.5 Exposure and Risks of Ischemic Heart Disease and Stroke Events: Review and Meta‐Analysis. Journal of the American Heart Association. 30 December 2020.
3. Systematic review and meta-analysis of recent high-quality studies on exposure to particulate matter and risk of lung cancer. Environmental Research. May 2021.

https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02Bm3kdL9hJLXbGzfmbU22mvZufgqfUt7Us2YNXYdHA5bwjLMkA4VqkcRtavkhPYayl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่