วันก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสไปสุสานแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี หลังจากขับรถรอบๆสุสาน เพื่อนของผู้เขียนที่ไปด้วยกันบอกว่า เห็นหลุมตรงกลางนั่นไหม? เป็นของเจ้าของสุสาน
ผู้เขียนจึงสังเกตภูมิประเทศโดยรวมและบอกกับเพื่อนไปว่า "ครอบครัวที่มาฝากบรรพบุรุษไว้บริเวณสุสานแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นบริวารเจ้าของสุสานและครอบครัวของเจ้าของสุสานเกือบทั้งหมดเลย"
เพื่อนของผู้เขียนจึงขอให้ผู้เขียนอธิบายต่อ ผู้เขียนจึงบรรยายว่า "สระน้ำด้านหน้าของสุสานเจ้าของสถานได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด มีการปลูกบัวสวยงาม ทางน้ำก็เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว พระจันทร์มีความหมายในเชิงของกายที่ปราศจากวิญญาณ หมายถึงมวลชน เมื่อน้ำหมายถึงทรัพย์ในทางฮวงจุ้ย เจ้าของสุสานและครอบครัวจะได้เงินทองจากมหาชน เท่านั้นยังไม่พอยังมีการทำสระน้ำซ้อนขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ทั้งด้านหน้าสุสานของเจ้าของสถานที่ ยังไม่อนุญาตให้ใครมาบังทัศนียภาพด้านหน้าของตนอีกด้วย ส่วนทางด้านซ้ายซึ่งเป็นฝั่งมังกรรายล้อมไปด้วยบริวารจำนวนมากอยู่บนเนินสูงเล็กน้อย และยังทำทางน้ำมังกรอีกด้วย ซึ่งฝั่งซ้ายตรงนี้ให้กำลังแก่เจ้าของสุสาน กลายเป็นบุคคลพิเศษในหมู่บุคคลทั้งหลาย มีทางน้ำไหลจากทางซ้ายไปทางขวา ให้มงคลในฝั่งของครอบครัวและตระกูลอันยืนยาวของตนเอง"
ผู้เขียนได้กล่าวเล่นๆกับเพื่อนไปว่า "เอ็งลองให้คนมาซื้อสุสานที่ด้านบนต่อด้านหลังสุสานของเจ้าของสถานที่ดู อาจจะโดนไล่ตะเพิดพร้อมเอาไม้กวาดตี ออกมาจากออฟฟิศ"
สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกไม่พึงพอใจ คือ เจ้าของสุสานและครอบครัวผู้สืบทอดได้หากินจากการดูดเงินในกระเป๋าลูกหลานของลูกค้าแล้ว ก็ยังไม่รู้จักพอ กลับทำให้ร่างบรรพบุรุษของลูกค้าต้องมาเป็นบริวารของเจ้าของสุสานอีกครั้งหนึ่ง
ในความคิดเห็นของผู้เขียน เห็นว่าเป็นความต่ำช้า เลวทรามของคนมีวิชาฮวงจุ้ยที่ใช้งานแบบนี้ นอกจากจะใช้ลูกหลานเขา (ลูกค้า) หาเงินจ่ายค่าบริการราคาแพงให้ในแต่ละปี อาทิ ค่าที่ ค่าบำรุงรักษา ค่าดูแล ทาสี ตัดหญ้า ฯลฯ แล้ว ก็ยังไม่พอ กลับให้บรรพบุรุษของเขาต้องมาเป็นบริวารผีปู่ตาของตนเองอีก
ผู้เขียนทราบว่า หลุมที่สุสานแห่งนี้ ใช้วิธีจับฉลากเลือกหลุม ผู้เขียนจึงกล่าวกับเพื่อนว่า "คนฐานะปานกลางลงไปเท่านั้นที่จับฉลาก ส่วนอภิมหาเศรษฐีเลือกหลุมได้ 55"
สิ่งที่ควรจะทำถ้าหากมีมนุษยธรรม คือ จุดที่ดีที่สุดตรงกลางทำเป็นอาคารมณฑปขนาดใหญ่เอาป้ายดวงวิญญาณของทุกๆคนมาเก็บรวมเอาไว้เพื่อให้เป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมตรงกลาง โดยตำแหน่งประธานก็ตั้งพระพุทธรูปหรือเทพเจ้าที่สักการะเอาไว้คุ้มครองก็เพียงพอแล้ว แบบนี้เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับทุกคน และสำหรับเจ้าของสุานและครอบครัวเมื่อเลือกทำอาชีพนี้ก็ควรตั้งสุานตนเองในฐานะผู้ให้บริการโดยชิดไปด้านมุมของผืนที่ดินเพื่อทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองปรนนิบัติรับใช้ลูกค้าของตน มิใช่ตั้งตนเป็นเจ้าและให้ร่างบรรพบุรุษของลูกค้าเป็นบริวารอย่างที่ปรากฏอดสู ซึ่งคนที่ไม่ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์และฮวงจุ้ยก็ยากที่จะตีความออก
ส่วนตัวผู้เขียน เมื่อตายแล้วจะเลือกเลียนแบบพระพุทธองค์ท่าน คือ "เผา" และลอยอังคารไป ไม่ให้พวกเหลือบไรเอาไปใช้ทำมาหากิน เพราะทุกครั้งที่มีเทศกาล ลูกหลานต้องเหนื่อยเตรียมตัวมาก เพื่อไปไหว้บรรพบุรุษของแต่ละบ้าน และต้องหาเงินมาจ่ายเขาอีก
จากการศึกษาโหราศาสตร์มาระยะเวลาหนึ่งผู้เขียนพบว่า ความเป็นมงคลโชค-เคราะห์ของลูกหลานมันอยู่ในดวงชะตาของเขาอยู่แล้ว
เอกโหรา - เหยื่ออันโอชะของเจ้าของสุสาน ทาสคนเป็น-ทาสคนตาย
ผู้เขียนจึงสังเกตภูมิประเทศโดยรวมและบอกกับเพื่อนไปว่า "ครอบครัวที่มาฝากบรรพบุรุษไว้บริเวณสุสานแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นบริวารเจ้าของสุสานและครอบครัวของเจ้าของสุสานเกือบทั้งหมดเลย"
เพื่อนของผู้เขียนจึงขอให้ผู้เขียนอธิบายต่อ ผู้เขียนจึงบรรยายว่า "สระน้ำด้านหน้าของสุสานเจ้าของสถานได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด มีการปลูกบัวสวยงาม ทางน้ำก็เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว พระจันทร์มีความหมายในเชิงของกายที่ปราศจากวิญญาณ หมายถึงมวลชน เมื่อน้ำหมายถึงทรัพย์ในทางฮวงจุ้ย เจ้าของสุสานและครอบครัวจะได้เงินทองจากมหาชน เท่านั้นยังไม่พอยังมีการทำสระน้ำซ้อนขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ทั้งด้านหน้าสุสานของเจ้าของสถานที่ ยังไม่อนุญาตให้ใครมาบังทัศนียภาพด้านหน้าของตนอีกด้วย ส่วนทางด้านซ้ายซึ่งเป็นฝั่งมังกรรายล้อมไปด้วยบริวารจำนวนมากอยู่บนเนินสูงเล็กน้อย และยังทำทางน้ำมังกรอีกด้วย ซึ่งฝั่งซ้ายตรงนี้ให้กำลังแก่เจ้าของสุสาน กลายเป็นบุคคลพิเศษในหมู่บุคคลทั้งหลาย มีทางน้ำไหลจากทางซ้ายไปทางขวา ให้มงคลในฝั่งของครอบครัวและตระกูลอันยืนยาวของตนเอง"
ผู้เขียนได้กล่าวเล่นๆกับเพื่อนไปว่า "เอ็งลองให้คนมาซื้อสุสานที่ด้านบนต่อด้านหลังสุสานของเจ้าของสถานที่ดู อาจจะโดนไล่ตะเพิดพร้อมเอาไม้กวาดตี ออกมาจากออฟฟิศ"
สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกไม่พึงพอใจ คือ เจ้าของสุสานและครอบครัวผู้สืบทอดได้หากินจากการดูดเงินในกระเป๋าลูกหลานของลูกค้าแล้ว ก็ยังไม่รู้จักพอ กลับทำให้ร่างบรรพบุรุษของลูกค้าต้องมาเป็นบริวารของเจ้าของสุสานอีกครั้งหนึ่ง
ในความคิดเห็นของผู้เขียน เห็นว่าเป็นความต่ำช้า เลวทรามของคนมีวิชาฮวงจุ้ยที่ใช้งานแบบนี้ นอกจากจะใช้ลูกหลานเขา (ลูกค้า) หาเงินจ่ายค่าบริการราคาแพงให้ในแต่ละปี อาทิ ค่าที่ ค่าบำรุงรักษา ค่าดูแล ทาสี ตัดหญ้า ฯลฯ แล้ว ก็ยังไม่พอ กลับให้บรรพบุรุษของเขาต้องมาเป็นบริวารผีปู่ตาของตนเองอีก
ผู้เขียนทราบว่า หลุมที่สุสานแห่งนี้ ใช้วิธีจับฉลากเลือกหลุม ผู้เขียนจึงกล่าวกับเพื่อนว่า "คนฐานะปานกลางลงไปเท่านั้นที่จับฉลาก ส่วนอภิมหาเศรษฐีเลือกหลุมได้ 55"
สิ่งที่ควรจะทำถ้าหากมีมนุษยธรรม คือ จุดที่ดีที่สุดตรงกลางทำเป็นอาคารมณฑปขนาดใหญ่เอาป้ายดวงวิญญาณของทุกๆคนมาเก็บรวมเอาไว้เพื่อให้เป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมตรงกลาง โดยตำแหน่งประธานก็ตั้งพระพุทธรูปหรือเทพเจ้าที่สักการะเอาไว้คุ้มครองก็เพียงพอแล้ว แบบนี้เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับทุกคน และสำหรับเจ้าของสุานและครอบครัวเมื่อเลือกทำอาชีพนี้ก็ควรตั้งสุานตนเองในฐานะผู้ให้บริการโดยชิดไปด้านมุมของผืนที่ดินเพื่อทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองปรนนิบัติรับใช้ลูกค้าของตน มิใช่ตั้งตนเป็นเจ้าและให้ร่างบรรพบุรุษของลูกค้าเป็นบริวารอย่างที่ปรากฏอดสู ซึ่งคนที่ไม่ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์และฮวงจุ้ยก็ยากที่จะตีความออก
ส่วนตัวผู้เขียน เมื่อตายแล้วจะเลือกเลียนแบบพระพุทธองค์ท่าน คือ "เผา" และลอยอังคารไป ไม่ให้พวกเหลือบไรเอาไปใช้ทำมาหากิน เพราะทุกครั้งที่มีเทศกาล ลูกหลานต้องเหนื่อยเตรียมตัวมาก เพื่อไปไหว้บรรพบุรุษของแต่ละบ้าน และต้องหาเงินมาจ่ายเขาอีก
จากการศึกษาโหราศาสตร์มาระยะเวลาหนึ่งผู้เขียนพบว่า ความเป็นมงคลโชค-เคราะห์ของลูกหลานมันอยู่ในดวงชะตาของเขาอยู่แล้ว