ญี่ปุ่นเปิดตัว ‘ตู้ขายเนื้อหมี’ ทางตอนเหนือของจังหวัดอาคิตะ ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ตู้นี้สามารถดึงดูดลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเนื้อที่ขายนั้นมาจากพรานล่าท้องถิ่นในพื้นที่ เนื้อขายอยู่ที่ราคาประมาณ ๕๖๗ บาท (๒,๒๐๐ เยน) ต่อ ๒๕๐ กรัม ทางบริษัทผู้จัดจำหน่ายระบุว่ามีขายเพียง ๑๐ ถึง ๑๕ แพ็คต่อสัปดาห์เท่านั้น ยังไงก็ตามพวกเขาขายหมดตลอดทุกครั้ง และหลายครั้งยังมีคนขอซื้อจากทางไกลอีก
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน รายงานว่าสิ่งนี้เป็นเหมือนสินค้าพิเศษประจำภูมิภาคที่หากินไม่ได้ในที่อื่น หมีป่าถูกล่าโดยพรานท้องถิ่นซึ่งได้รับอนุญาตให้ฆ่าหมีจำนวนหนึ่ง (รายงานไม่ได้ระบุว่ากี่ตัวกันแน่) ในช่วงฤดูล่าสัตว์ประจำปี จากนั้นชำแหละและส่งต่อให้บริษัทจัดจำหน่าย ด้วยสโลแกนที่ว่า ‘เนื้อหมีมีรสชาติที่สะอาดและไม่แข็งแม้จะเย็น สามารถรับประทานได้หลากหลายเมนู ตั้งแต่สตูว์ไปจนถึงสเต็ก”
ภาคเหนือของญี่ปุ่นเป็นภาคที่มีการกินเนื้อหมีมากที่สุด โดยทั้งขายเป็นกระป๋อง เป็นแกงกะหรี่สำเร็จรูป หลายคนบอกว่ามีรสชาติเหมือนเนื้อกวาง ยังไงก็ตามทางกระทรวงสิ่งแวดล้อมระบุว่าปัจจุบันญี่ปุ่นมีปัญหาการเผชิญระหว่างคนกับหมีมากขึ้นซึ่งนำไปสู่การฆ่า ซึ่งมีสาเหตุจากหมีสูญเสียที่อยู่อาศัยและอาหารตามธรรมชาติ พวกมันจึงออกจากป่าและเข้ามาในเมืองเพราะไม่มีอาหารให้กิน
“หากหมีไม่สามารถหาลูกโอ๊คบนภูเขาได้เพียงพอ พวกมันก็จะเข้ามาในที่ที่คนอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ยูโกะ มุโรทานิ ประธาน Japan's Bear and Forest Society บอกกับ The Guardian
ขณะที่ ชิโนะสุเกะ โคอิเกะ ผู้เชี่ยวชาญด้านหมีจากมหาวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีโตเกียวกล่าวว่า การฆ่าหมีที่หลงไปในเมืองเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้ “เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอื่น ๆ การกำจัดเป็นวิธีเดียวจริง ๆ” เขากล่าว
เมื่อปี ๒๕๔๘ เกิดเหตุการณหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่กว่า ๒.๗ เมตรที่หนักกว่า ๓๐๐ กิโลกรัมหลุดเข้ามาในเมืองและสังหารชาวบ้านไป ๗ คน บาดเจ็บอีก
๓ คน จนมันถูกยิงตายในที่สุด
เนื้อหมีไม่ได้เป็นเนื้อสัตว์ชนิดเดียวที่ขายเป็นอาหารในญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวตู้ขายเนื้อวาฬไปแล้วโดยสามารถนำไปทำได้ทั้งซาชิมิวาฬ เบคอนวาฬ หนังวาฬ และสเต็กวาฬ อีกด้วย
ที่มา
https://www.insider.com/japan-bear-meat-vending-machine-2023-4
https://www.yahoo.com/lifestyle/bear-meat-vending-machine-japan-045832243
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คห.ส่วน มองว่า ก็ยังดีหนะนะ
ชาติที่เจริญแล้วเขาคิดแบบที่เอามาใช้ประโยชน์,สร้างเงินได้ ไม่ใช่แค่ฆ่าแล้วทิ้งไปเฉยๆ
แบบบ้านเราที่พวกจนท.ทำเป้นดลกสวยเผากกระทิง, ซากช้าง อ้างไม่ให้เกิดใช้ประโยชน์ แต่ไม่รู้ระหว่างเผา ตอนกำลังสุกแอบหั่นไปกินกันเองในหน่วยงานรึเปล่า
ส่วนเรื่องรุกรานป่าก็คงได้แต่หาทางแก้กันไป และ
อย่าได้เอาดราม่ามาเทียบกับบ้านเรา เพราะ หมีควายในญป.มีเป็นหลักหมื่นตัว สามารถเปิดฤดูล่าได้
ในขณะที่บ้านเราเหลือถึง ๑,๐๐๐ ตัวเปล่าไม่รู้? อย่าเลียนแบบ แต่ถ้าจะนำซากสัตว์ป่าที่มาใช้สร้างเงิน อันนี้เข้าท่า
ไอเดียเมนูใหม่ ญี่ปุ่นผลิต ‘ตู้ขายเนื้อหมี’
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน รายงานว่าสิ่งนี้เป็นเหมือนสินค้าพิเศษประจำภูมิภาคที่หากินไม่ได้ในที่อื่น หมีป่าถูกล่าโดยพรานท้องถิ่นซึ่งได้รับอนุญาตให้ฆ่าหมีจำนวนหนึ่ง (รายงานไม่ได้ระบุว่ากี่ตัวกันแน่) ในช่วงฤดูล่าสัตว์ประจำปี จากนั้นชำแหละและส่งต่อให้บริษัทจัดจำหน่าย ด้วยสโลแกนที่ว่า ‘เนื้อหมีมีรสชาติที่สะอาดและไม่แข็งแม้จะเย็น สามารถรับประทานได้หลากหลายเมนู ตั้งแต่สตูว์ไปจนถึงสเต็ก”
ภาคเหนือของญี่ปุ่นเป็นภาคที่มีการกินเนื้อหมีมากที่สุด โดยทั้งขายเป็นกระป๋อง เป็นแกงกะหรี่สำเร็จรูป หลายคนบอกว่ามีรสชาติเหมือนเนื้อกวาง ยังไงก็ตามทางกระทรวงสิ่งแวดล้อมระบุว่าปัจจุบันญี่ปุ่นมีปัญหาการเผชิญระหว่างคนกับหมีมากขึ้นซึ่งนำไปสู่การฆ่า ซึ่งมีสาเหตุจากหมีสูญเสียที่อยู่อาศัยและอาหารตามธรรมชาติ พวกมันจึงออกจากป่าและเข้ามาในเมืองเพราะไม่มีอาหารให้กิน
“หากหมีไม่สามารถหาลูกโอ๊คบนภูเขาได้เพียงพอ พวกมันก็จะเข้ามาในที่ที่คนอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ยูโกะ มุโรทานิ ประธาน Japan's Bear and Forest Society บอกกับ The Guardian
ขณะที่ ชิโนะสุเกะ โคอิเกะ ผู้เชี่ยวชาญด้านหมีจากมหาวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีโตเกียวกล่าวว่า การฆ่าหมีที่หลงไปในเมืองเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้ “เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอื่น ๆ การกำจัดเป็นวิธีเดียวจริง ๆ” เขากล่าว
เมื่อปี ๒๕๔๘ เกิดเหตุการณหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่กว่า ๒.๗ เมตรที่หนักกว่า ๓๐๐ กิโลกรัมหลุดเข้ามาในเมืองและสังหารชาวบ้านไป ๗ คน บาดเจ็บอีก
๓ คน จนมันถูกยิงตายในที่สุด
เนื้อหมีไม่ได้เป็นเนื้อสัตว์ชนิดเดียวที่ขายเป็นอาหารในญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวตู้ขายเนื้อวาฬไปแล้วโดยสามารถนำไปทำได้ทั้งซาชิมิวาฬ เบคอนวาฬ หนังวาฬ และสเต็กวาฬ อีกด้วย
ที่มา
https://www.insider.com/japan-bear-meat-vending-machine-2023-4
https://www.yahoo.com/lifestyle/bear-meat-vending-machine-japan-045832243
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คห.ส่วน มองว่า ก็ยังดีหนะนะ ชาติที่เจริญแล้วเขาคิดแบบที่เอามาใช้ประโยชน์,สร้างเงินได้ ไม่ใช่แค่ฆ่าแล้วทิ้งไปเฉยๆ
แบบบ้านเราที่พวกจนท.ทำเป้นดลกสวยเผากกระทิง, ซากช้าง อ้างไม่ให้เกิดใช้ประโยชน์ แต่ไม่รู้ระหว่างเผา ตอนกำลังสุกแอบหั่นไปกินกันเองในหน่วยงานรึเปล่า
ส่วนเรื่องรุกรานป่าก็คงได้แต่หาทางแก้กันไป และ อย่าได้เอาดราม่ามาเทียบกับบ้านเรา เพราะ หมีควายในญป.มีเป็นหลักหมื่นตัว สามารถเปิดฤดูล่าได้
ในขณะที่บ้านเราเหลือถึง ๑,๐๐๐ ตัวเปล่าไม่รู้? อย่าเลียนแบบ แต่ถ้าจะนำซากสัตว์ป่าที่มาใช้สร้างเงิน อันนี้เข้าท่า