นิการากัวประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1972 อาคารในนครหลวงเกือบ 80%พังทลาย อนาสตาซิโอ โซโมซา เคบายล์ ใช้ประโยชน์จกเหตุการณ์นี้เพื่อสร้างอำนาจเผด็จการทั่วประเทศ เขาร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการทุจริตเงินช่วยเหลือระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุดและสร้างประเทศใหม่ แต่นี่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในนิการากัวในปี 1979 ประชาชนลุกขึ้นและขับไล่โซโมซาเผด็จการออกไป เหตุการณ์เหล่านี้ทำหี้ผู้เสียชีวิตเกือบ 40,000 คน น่าเสียดายที่มันทำให้เผด็จการอีกคนหนึ่งเข้ายึดอำนาจ ดาเนียล ออร์เตกา โดยมีผู้ร่วมงานของเขารวมตัวกันที่ค่ายอเมริกัน ดาเนียล ออร์เตกามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มตะวันออก และเขาได้โอนกรรมสิทธิ์ ธนาคาร บริษัทประกันภัย เหมืองแร่ และทรัพยากรป่าไม้มาเป็นของรัฐ แต่ประชาชนต่อต้านโครงการรวบรวมที่ดินของเขาอย่างรุนแรง และประเทศก็นองเลือดด้วยสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตผู้คนไป 29,000 คน สถานการณ์เลวร้ายสำหรับนิการากัวและเลือดไหลนองโดยไม่ช่วยแก้ไขความทุกข์ทรมานของประชาชน
- การประจักษ์ของแม่พระแห่งคัวปา นิการากัว
คัวปาเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ในเขต Nicarsguan ของ Chontales ทางตะวันออกของManagua ซี่งเป็นเมืองหลวง ความหมายที่พิเศษมากของ Cuapa มาจากคำว่า “coatl pan” ซึ่งในภาษา Nahuatl พื้นเมืองหมายถึง “เหนืองู” ซึ่งก็คือ “ผู้เหยียบหัวงู” หรือแม่พระนั่นเอง มีผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เขาคือ เบอร์นาโด มาร์ติเนส (Bernado Martinez) เขาเป็นชาวนาที่มีใจศรัทธาและถ่อมตน เขาทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อทุกคนและช่วยทางโบสถ์โดยสมัครใจในฐานะแซกซ์ตัน(อาสาสมัคร) เขาไม่เคยรู้จักสถานที่อื่นใดนอกจากคัวปาที่เขาเกิดในปี 1931 คุณยายของเขาเลี้ยงดูเขาและสอนเขาหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะการศึกษาด้านคริสตศาสนา เธอจะปลุกเร้าความศรัทธาของเขาตั้งแต่ยังเล็ก เบอร์นาโดอยากจะเป็นพระสงฆ์ แต่ด้วยระดับวัฒนธรรมความยากจนของเขา ทำให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เขาอาศัยอยู่กับคุณยายจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1974 ขณะนั้นเบอร์นาโดอายุ 43 ปี เขาตัดสินใจที่จะอยู่คนเดียว เขาอยู่ใกล้โบสถ์และเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือการงานของโบสถ์และเขาต้องการทำให้ดีที่สุดเสมอ
วันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1980 เขาได้เข้าไปในโบสถ์และพบว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์สว่างไสว ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกระเบื้องหลังคาที่ต้องแตกหักทำให้แสงสว่างส่องมากระทบกับรูปปั้น เขากังวลทันทีเกี่ยวกับการซ่อมแซมและสงสัยว่าพวกเขาจะจ่ายเงินได้อย่างไร เพราะโบสถ์ไม่มีเงินเลย ดังนั้นเขาจึงเข้าไปดูรูปปั้นแต่กลับประหลาดใจว่าหลังคาไม่มีรู แสงไม่ได้มาจากข้างบนหลังคา แต่แสงออกมาจากรูปปั้น เบอร์นาโดรู้สึกประหลาดใจมากและคิดทันทีว่ารูปปั้นเริ่มส่องแสงเพราะเขาตัองทำอะไรผิดพลาดไป และเขาจำได้ว่าเมื่อวานนี้เขาโกรธคนคิวบาคนหนึ่งที่เดินผ่านหมู่บ้าน คนคิวบาคนนี้เห็นเบอร์นาโดกำลังขอบคุณพระเจ้าที่ถนน จึงพูดกับเบอร์นาโดว่า “หยุดพูดและแสดงความขอบคุณนี้เสีย ฉันจะสอนคุณให้รู้ว่าควรขอบคุณใคร ต่อจากนี้ไปอย่าขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งใดๆ แต่จงขอบคุณ ฟิเดล คาสโตร เพราะเขาทำให้เรามีอาหารกิน” เบอร์นาโดโกรธและตอบเขาว่า “เราจะไม่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ และฉันจะขอบคุณพระเจ้าเสมอ” แต่ต่อมาเบอร์นาโดรู้สึกผิดที่ไม่สามารถสร้างสันติสุขในตัวเองได้ เบอร์นาโดพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ วันรุ่งขึ้นเขาจึงตัดสินใจขอโทษชาวคิวบาคนนี้ เขารอชาวคิวบาที่ถนนและขอให้เขายกโทษให้
วันต่อมา ด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เบอร์นาโดจึงเล่าให้เพื่อนบางคนฟังว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์เริ่มส่องแสงเมื่อวันก่อน แต่เขาขอร้องพวกเขาอย่าได้ไปบอกใคร น่าเสียดายที่มันตรงกันข้าม ข่าวแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านและเบอร์นาโดก็กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคน พระสงฆ์ในเมืองใกล้เคียง จุยกัวปา ได้ทราบเหตุการณ์นี้ ท่านขอพบเบอร์นาโดและถามเขาว่า “เขาสวดภาวนาอย่างไรบ้าง?” เบอร์นาโดอธิบายให้พระสงฆ์ฟังว่าคุณยายของเขาสอนให้เขาสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์ และเขาได้พัฒนาความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระนางและเรียนรู้ที่จะรักพระนาง เพราะพระนางคือความรักของจิตวิญญาณของเขา พระนางได้ชี้นำทุกย่างก้าวของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ และด้วยเหตุนี้ความรักของเขาต่อแม่พระจึงเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก พระสงฆ์รู้สึกประทับใจกับคำพูดของเบอร์นาโดและเชื่อถือในคำให้การของเขาอย่างจริงจัง พระสงฆ์บอกให้เบอร์นาโดสวดภาวนาต่อไปอย่างดีและให้ถามแม่พระว่า พระนางทรงคาดหวังอะไรจากหมู่บ้าน และพระรูปจะส่องแสงอีกมั้ย? ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้พระแม่มารีย์ประจักษ์แก่พวกเขา เบอร์นาโดสวดภาวนาดังนี้ “ข้าแต่พระมารดา โปรดอย่างคาดหวังอะไรจากลูกเลย ลูกมีปัญหามากมายที่โบสถ์ โปรดประจักษ์แก่คนอื่นเถิด เพราะลูกต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาใดๆที่จะเกิดขึ้น ลูกมีปัญหามากแล้ว ลูกไม่ต้องการมีมากกว่านี้”
วันเวลาผ่านไปและทุกคนลืมเรื่องราวของรูปปั้นเรืองแสงนี้ แต่ลึกๆในตัวของเบอร์นาโด เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขา แต่เขามีความสุขที่ได้ขอโทษและหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย
แม่พระประจักษ์ที่นิการากัว (Nicaragua)🇳🇮 ค.ศ.1980
นิการากัวประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1972 อาคารในนครหลวงเกือบ 80%พังทลาย อนาสตาซิโอ โซโมซา เคบายล์ ใช้ประโยชน์จกเหตุการณ์นี้เพื่อสร้างอำนาจเผด็จการทั่วประเทศ เขาร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการทุจริตเงินช่วยเหลือระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุดและสร้างประเทศใหม่ แต่นี่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในนิการากัวในปี 1979 ประชาชนลุกขึ้นและขับไล่โซโมซาเผด็จการออกไป เหตุการณ์เหล่านี้ทำหี้ผู้เสียชีวิตเกือบ 40,000 คน น่าเสียดายที่มันทำให้เผด็จการอีกคนหนึ่งเข้ายึดอำนาจ ดาเนียล ออร์เตกา โดยมีผู้ร่วมงานของเขารวมตัวกันที่ค่ายอเมริกัน ดาเนียล ออร์เตกามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มตะวันออก และเขาได้โอนกรรมสิทธิ์ ธนาคาร บริษัทประกันภัย เหมืองแร่ และทรัพยากรป่าไม้มาเป็นของรัฐ แต่ประชาชนต่อต้านโครงการรวบรวมที่ดินของเขาอย่างรุนแรง และประเทศก็นองเลือดด้วยสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตผู้คนไป 29,000 คน สถานการณ์เลวร้ายสำหรับนิการากัวและเลือดไหลนองโดยไม่ช่วยแก้ไขความทุกข์ทรมานของประชาชน
- การประจักษ์ของแม่พระแห่งคัวปา นิการากัว
คัวปาเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ในเขต Nicarsguan ของ Chontales ทางตะวันออกของManagua ซี่งเป็นเมืองหลวง ความหมายที่พิเศษมากของ Cuapa มาจากคำว่า “coatl pan” ซึ่งในภาษา Nahuatl พื้นเมืองหมายถึง “เหนืองู” ซึ่งก็คือ “ผู้เหยียบหัวงู” หรือแม่พระนั่นเอง มีผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เขาคือ เบอร์นาโด มาร์ติเนส (Bernado Martinez) เขาเป็นชาวนาที่มีใจศรัทธาและถ่อมตน เขาทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อทุกคนและช่วยทางโบสถ์โดยสมัครใจในฐานะแซกซ์ตัน(อาสาสมัคร) เขาไม่เคยรู้จักสถานที่อื่นใดนอกจากคัวปาที่เขาเกิดในปี 1931 คุณยายของเขาเลี้ยงดูเขาและสอนเขาหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะการศึกษาด้านคริสตศาสนา เธอจะปลุกเร้าความศรัทธาของเขาตั้งแต่ยังเล็ก เบอร์นาโดอยากจะเป็นพระสงฆ์ แต่ด้วยระดับวัฒนธรรมความยากจนของเขา ทำให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เขาอาศัยอยู่กับคุณยายจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1974 ขณะนั้นเบอร์นาโดอายุ 43 ปี เขาตัดสินใจที่จะอยู่คนเดียว เขาอยู่ใกล้โบสถ์และเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือการงานของโบสถ์และเขาต้องการทำให้ดีที่สุดเสมอ
วันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1980 เขาได้เข้าไปในโบสถ์และพบว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์สว่างไสว ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกระเบื้องหลังคาที่ต้องแตกหักทำให้แสงสว่างส่องมากระทบกับรูปปั้น เขากังวลทันทีเกี่ยวกับการซ่อมแซมและสงสัยว่าพวกเขาจะจ่ายเงินได้อย่างไร เพราะโบสถ์ไม่มีเงินเลย ดังนั้นเขาจึงเข้าไปดูรูปปั้นแต่กลับประหลาดใจว่าหลังคาไม่มีรู แสงไม่ได้มาจากข้างบนหลังคา แต่แสงออกมาจากรูปปั้น เบอร์นาโดรู้สึกประหลาดใจมากและคิดทันทีว่ารูปปั้นเริ่มส่องแสงเพราะเขาตัองทำอะไรผิดพลาดไป และเขาจำได้ว่าเมื่อวานนี้เขาโกรธคนคิวบาคนหนึ่งที่เดินผ่านหมู่บ้าน คนคิวบาคนนี้เห็นเบอร์นาโดกำลังขอบคุณพระเจ้าที่ถนน จึงพูดกับเบอร์นาโดว่า “หยุดพูดและแสดงความขอบคุณนี้เสีย ฉันจะสอนคุณให้รู้ว่าควรขอบคุณใคร ต่อจากนี้ไปอย่าขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งใดๆ แต่จงขอบคุณ ฟิเดล คาสโตร เพราะเขาทำให้เรามีอาหารกิน” เบอร์นาโดโกรธและตอบเขาว่า “เราจะไม่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ และฉันจะขอบคุณพระเจ้าเสมอ” แต่ต่อมาเบอร์นาโดรู้สึกผิดที่ไม่สามารถสร้างสันติสุขในตัวเองได้ เบอร์นาโดพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ วันรุ่งขึ้นเขาจึงตัดสินใจขอโทษชาวคิวบาคนนี้ เขารอชาวคิวบาที่ถนนและขอให้เขายกโทษให้
วันต่อมา ด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เบอร์นาโดจึงเล่าให้เพื่อนบางคนฟังว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์เริ่มส่องแสงเมื่อวันก่อน แต่เขาขอร้องพวกเขาอย่าได้ไปบอกใคร น่าเสียดายที่มันตรงกันข้าม ข่าวแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านและเบอร์นาโดก็กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคน พระสงฆ์ในเมืองใกล้เคียง จุยกัวปา ได้ทราบเหตุการณ์นี้ ท่านขอพบเบอร์นาโดและถามเขาว่า “เขาสวดภาวนาอย่างไรบ้าง?” เบอร์นาโดอธิบายให้พระสงฆ์ฟังว่าคุณยายของเขาสอนให้เขาสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์ และเขาได้พัฒนาความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระนางและเรียนรู้ที่จะรักพระนาง เพราะพระนางคือความรักของจิตวิญญาณของเขา พระนางได้ชี้นำทุกย่างก้าวของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ และด้วยเหตุนี้ความรักของเขาต่อแม่พระจึงเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก พระสงฆ์รู้สึกประทับใจกับคำพูดของเบอร์นาโดและเชื่อถือในคำให้การของเขาอย่างจริงจัง พระสงฆ์บอกให้เบอร์นาโดสวดภาวนาต่อไปอย่างดีและให้ถามแม่พระว่า พระนางทรงคาดหวังอะไรจากหมู่บ้าน และพระรูปจะส่องแสงอีกมั้ย? ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้พระแม่มารีย์ประจักษ์แก่พวกเขา เบอร์นาโดสวดภาวนาดังนี้ “ข้าแต่พระมารดา โปรดอย่างคาดหวังอะไรจากลูกเลย ลูกมีปัญหามากมายที่โบสถ์ โปรดประจักษ์แก่คนอื่นเถิด เพราะลูกต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาใดๆที่จะเกิดขึ้น ลูกมีปัญหามากแล้ว ลูกไม่ต้องการมีมากกว่านี้”
วันเวลาผ่านไปและทุกคนลืมเรื่องราวของรูปปั้นเรืองแสงนี้ แต่ลึกๆในตัวของเบอร์นาโด เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขา แต่เขามีความสุขที่ได้ขอโทษและหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย