เพื่อไทย ดักทางนักโหน เลิกคิดเถอะ จะเอาเรื่องทักษิณกลับบ้าน มาโจมตีพรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892903
‘ลิณธิภรณ์’ เชื่อกรณี ‘โทนี่’ อยากกลับไทย ไม่กระทบพรรค ขออย่าใช้โจมตีทางการเมือง
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อต่างประเทศ เรื่องพร้อมที่จะกลับมารับโทษจำคุกในประเทศไทย หากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขว้าง และถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง และเชื่อมโยงพรรคเพื่อไทย
น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าวต่ออีกว่า การแสดงความคิดเห็นของนายทักษิณ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยากกลับบ้านและกลับมาอยู่กลับลูกหลาน ในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อเข้าสู่กระบวนการกฎหมายของไทยอย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาคดีต่างๆ ที่นายทักษิณถูกดำเนินคดี ล้วนเกิดจากฝั่งตรงข้ามทางการเมือง จนทำให้เกิดคำถามว่าความยุติธรรมที่มีไว้เพื่อกำจัดฝั่งตรงข้าม จะยังใช่ความยุติธรรมไม่ วันนี้หากนายทักษิณจะเดินทางกลับไทยและเข้าสู่การพิจารณาคดีถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องที่ดีที่จะมาพิสูจน์ตนเอง ดังนั้น จึงไม่ควรใช้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง โดยการเชื่อมโยงบุคคลอื่นคดีอื่นๆ
“
วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพราะประชาชนเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าสามารถทำได้จริง ประเทศไทยล้าหลังและถดถอยมาตลอด 8 ปี ดังนั้น การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์คือการเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาดแบบแลนด์สไลด์ เหล่านักโหนทั้งหลายที่คิดใช้ประเด็นท่านทักษิณโจมตีพรรคเพื่อไทย ควรคิดเสียใหม่ เพราะที่ประชาชนชื่นชมและเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย คือนโยบายดีๆ ที่คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน” น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าว
เศรษฐา เคารพการตัดสินใจ ทักษิณ เห็นใจพ่อลูกสามเหมือนกัน เชื่อไม่กระทบแลนด์สไลด์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7578864
เศรษฐา เคารพการตัดสินใจ ทักษิณ เห็นใจพ่อลูกสามเหมือนกัน เชื่อไม่กระทบแลนด์สไลด์ ชลน่าน จับตาพรรคใส่ร้ายทำกระทบเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าพร้อมที่จะกลับไปรับโทษจำคุกในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.นี้จะออกมาเป็นอย่างไรว่า เท่าที่ตนได้ฟังเป็นการแสดงความคิดเห็นของนาย
ทักษิณ ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านเกิด และนาย
ทักษิณใช้คำว่าติดคุกมา 16 ปี และยินดีที่จะมาติดคุกกลับเมืองไทย เพราะต้องการจะมาอยู่ใกล้ลูก ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของตัวท่านเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค
เมื่อถามว่ามองการโจมตีของพรรคการเมืองอื่นๆ ในกรณีที่นาย
ทักษิณออกมาพูดในลักษณะนี้อย่างไร นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ละพรรคก็พยายามหาจุดเด่นจุดด้อยของตัวเองและคู่แข่ง ฉะนั้นประเด็นอะไรที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์กับเขา เขาก็ย่อมหยิบยกขึ้นมา แต่โดยรวมนายทักษิณเองเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักพรรค พท. ย้ำว่านาย
ทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค พท. เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพรรค พท. ดังนั้นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละคนก็เป็นสิทธิ์ของประชาชน ขณะเดียวกันคนที่ไม่ชอบนาย
ทักษิณก็มีเป็นธรรมดาประเด็นเหล่านี้เราต้องเฝ้ามองว่าจะกระทบต่อพรรคเรามากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง
“ในมุมที่เขามาใส่ร้ายที่เกินขอบเขต ที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เราก็จะดูในมุมนั้น แต่มันคือมิติในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง อย่าให้กระทบสิทธิและข้อกฎหมายแต่ละพรรค” นพ.
ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณระบุว่าจะไม่ขอนิรโทษกรรมจากรัฐสภาแม้ว่าพรรค พท. จะชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภาฯ นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า เป็นความคิดของตัวนาย
ทักษิณเอง ท่านบอกว่า ถ้าท่านจะกลับมา ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งนาย
ทักษิณยินดีกลับเข้าสู่กระบวนการ ถ้านายทักษิณพูดแบบนั้น คงมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม และมีความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรค พท.ว่าจะต้องทำอะไร
ด้านนาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ฐานะที่ตนก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่มีลูก 3 คน ก็เห็นใจนายทักษิณที่อยู่เมืองนอกมานาน และคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ขณะเดียวกันตนก็เคารพในกฎหมาย ซึ่งนาย
ทักษิณได้แสดงความคิดเห็นออกมาว่าตัวเองจะทำอย่างไรในอนาคต ตนก็เคารพการตัดสินใจของนาย
ทักษิณ ส่วนจะกระทบต่อแลนด์สไลด์หรือไม่นั้น ตนมองเป็นความเห็นส่วนตัวของนาย
ทักษิณ พรรค พท.ไม่ได้เกี่ยวข้อง มองว่านายทักษิณมีความเชื่อในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหน้าที่ของพรรคก็มีนโยบายดีๆ และส.ส.ที่พร้อมเสนอตัวให้กับประชาชน ฉะนั้นหน้าที่ของตัวเองและหัวหน้าพรรค ก็ลงพื้นที่เยอะขึ้น เพื่อกระจายนโยบายและฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน
“
การที่นายทักษิณออกมาพูด ผมเข้าใจว่าท่านไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นเงื่อนไข ทั้งผู้สมัครทั้งพรรคก็ดำเนินหน้าที่ของพรรคต่อไป อย่าเอาท่านมาเป็นประเด็น อย่าเอาท่านมาเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง หรือว่าการหาเสียงเลือกตั้ง เขาเป็นคุณพ่อที่รักครอบครัว เราให้ความเคารพ และเราก็เดินหน้าหาเสียงต่อไป” นาย
เศรษฐา กล่าว
ก้าวไกล ชู หวยใบเสร็จ กระตุ้นยอดขายเอสเอ็มอี ปลดล็อกผลิตสุราจากสินค้าเกษตร
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3892910
ก้าวไกล ชู หวยใบเสร็จ กระตุ้นยอดขายเอสเอ็มอี สร้างแฟร์เกม ปลดล็อกผลิตสุราจากสินค้าเกษตร ลดค่าไฟ 70 สต.ใน1ปี
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นาย
วรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงวิสัยทัศน์ “
นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ภายใต้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง”ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือเฟทโก้ ว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคจะมีอยู่ 3 ขั้น โดยขั้นแรก เป็นนโยบายเศรษฐกิจที่รองรับทุกคน ขั้นที่สอง คือ นโยบายเศรษฐกิจแบบเท่าเทียมและเป็นธรรม และ ขั้นที่สาม คือนโยบายเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด
นาย
วรภพ กล่าวว่า นโยบายขั้นแรก เศรษฐกิจที่รองรับทุกคนนั้น จะเริ่มตั้งแต่สวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย ส่วนเศรษฐกิจธุรกิจ คิดว่า ถึงเวลาสร้างแต้มต่อให้เอสเอ็มอีรายย่อยด้วยข้อเสนอนโยบายที่เรียกว่า “
หวยใบเสร็จ” ให้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังซื้อสินค้าจากร้านค้าเอสเอ็มอีรายย่อย เมื่อซื้อสะสม 500 บาทนำไปแลกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ 1 ใบ จะทำให้เกิดแรงจูงใจหรือแต้มต่อให้ผู้บริโภคหันมาสนับสนุนรายย่อยมากขึ้น ส่วนรายใหญ่ บริษัทนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าบริการเอสเอ็มอีเพิ่มเท่าไหร่ก็นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 50% สร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตลาดมาให้แก่ซัพพลายเชน
นาย
วรภพ กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจขั้นที่สอง คือ การทำธุรกิจแบบเท่าเทียม (แฟร์เกม) จะเริ่มตั้งแต่กฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ และการรื้อกฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่ผูกขาด ที่เราพูดถึงมาก คือ การปลดล็อกผู้ผลิตสุราที่จะสร้างสินค้าเกษตรแปรรูปจำนวนมาก อาทิ มังคุดก็นำมาทำเบียร์ได้ กระเจี๊ยบทำเป็นไวน์ได้ด้วย เรื่องการลดค่าครองชีพ ผ่านการลดค่าไฟฟ้า ก้าวไกลเสนอลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ภายใน 1 ปี เพียงแค่ประเทศไทยเปลี่ยนนโยบายเรื่องก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายปลดล็อกท้องถิ่นให้ยึดประโยชน์ประชาชนไม่ใช่ระเบียบข้าราชการ ส่วนนโยบายเศรษฐกิจขั้นที่สาม คือ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งพรรคมีนโยบายเข้าไปสนับสนุนให้ธุรกิจของไทยเข้าไปสู่ซัพพลายเชนของโลก
นาย
วรภพ กล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านตลาดทุนนั้น มี 3 เรื่อง คือ
1. การเพิ่มการระดมทุนเอสเอ็มอีขนาดกลาง โดยใช้นโยบายหวยใบเสร็จ หนุนให้เอสเอ็มอีเติบโตและสามารถระดมทุนในตลาดทุนได้
2. การเพิ่มจำนวนนักลงทุนในประเทศ ปัจจุบันเรามีนักลงทุน 3 ล้านรายเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบประชากรของประเทศ
เราจึงเสนอเรื่องการพัฒนาข้อมูลการเงินที่เชื่อมโยงกันได้ ทำให้นักลงทุนรู้จักการออม และเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และ
3. เรื่องความยั่งยืนของตลาดทุนผ่านการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แนวนโยบาย คือ SET Zero ผ่านการปลดล็อกธุรกิจสินค้าหรือครัวเรือนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า การส่งเสริมรถอีวี หรือนโยบายต้นไม้ปลดหนี้เป็นต้น
ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สตางค์/ลิตร - น้ำมันดิบตลาดโลกร่วงลงเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/340507
วานนี้ (24 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.40 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 25 มี.ค.2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 43.56, GSH95 = 35.75, E20 = 33.44, GSH91 = 35.48, E85 = 33.89, พรีเมี่ยม GSH95 = 43.04, HSD-B7 = 33.44, HSD-B10 = 33.44, HSD-B20 = 33.44, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 42.56 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ รายงานจากบางจากฯ ก็แจ้งปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และ Hi Premium 97 +40 สต. สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม ดังนี้
BCP Retail Price : GSH95S EVO 35.75 / GSH91S EVO 35.48 / GSH E20S EVO 33.44 / GSH E85S EVO 33.89 / Hi Premium 97 (GSH95++) 45.64 / Hi Diesel B20S 33.44 / Hi Diesel S 33.44 / Hi Diesel S B7 33.44 / Hi Premium Diesel S B7 42.66 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ กทม.)
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ปัจจัยหลักเกิดจากความวิตกกังวลต่อสภาพคล่องธนาคารในยุโรป
น้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.2 เปอร์เซนต์ ปิดตลาดที่ 74.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล-ขณะที่เวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1 เปอร์เซนต์ ปิดตลาดที่ 69.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล-ราคาน้ำมันที่ร่วงลงเกิดจากความวิตกกังวลต่อวิกฤตธนาคารต่างๆในสหรัฐฯและยุโรป จะทำให้ภาวะสินเชื่อตึงตัว และจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันที่จะลดลง
แต่ถ้าเทียบเป็นรายสัปดาห์น้ำมันดิบเบรนท์ยังคงเพิ่มขึ้น 2.8 เปอร์เซนต์ ขณะที่เวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียทเพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซนต์
JJNY : 5in1 พท.ดักทางนักโหน│เศรษฐาเคารพการตัดสินใจทักษิณ│ก้าวไกลชูหวยใบเสร็จ│ราคาน้ำมันปรับขึ้น│รัสเซียสังหารปชช.ยูเครน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892903
‘ลิณธิภรณ์’ เชื่อกรณี ‘โทนี่’ อยากกลับไทย ไม่กระทบพรรค ขออย่าใช้โจมตีทางการเมือง
น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวต่ออีกว่า การแสดงความคิดเห็นของนายทักษิณ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยากกลับบ้านและกลับมาอยู่กลับลูกหลาน ในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อเข้าสู่กระบวนการกฎหมายของไทยอย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาคดีต่างๆ ที่นายทักษิณถูกดำเนินคดี ล้วนเกิดจากฝั่งตรงข้ามทางการเมือง จนทำให้เกิดคำถามว่าความยุติธรรมที่มีไว้เพื่อกำจัดฝั่งตรงข้าม จะยังใช่ความยุติธรรมไม่ วันนี้หากนายทักษิณจะเดินทางกลับไทยและเข้าสู่การพิจารณาคดีถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องที่ดีที่จะมาพิสูจน์ตนเอง ดังนั้น จึงไม่ควรใช้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง โดยการเชื่อมโยงบุคคลอื่นคดีอื่นๆ
“วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพราะประชาชนเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าสามารถทำได้จริง ประเทศไทยล้าหลังและถดถอยมาตลอด 8 ปี ดังนั้น การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์คือการเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาดแบบแลนด์สไลด์ เหล่านักโหนทั้งหลายที่คิดใช้ประเด็นท่านทักษิณโจมตีพรรคเพื่อไทย ควรคิดเสียใหม่ เพราะที่ประชาชนชื่นชมและเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย คือนโยบายดีๆ ที่คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว
เศรษฐา เคารพการตัดสินใจ ทักษิณ เห็นใจพ่อลูกสามเหมือนกัน เชื่อไม่กระทบแลนด์สไลด์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7578864
เศรษฐา เคารพการตัดสินใจ ทักษิณ เห็นใจพ่อลูกสามเหมือนกัน เชื่อไม่กระทบแลนด์สไลด์ ชลน่าน จับตาพรรคใส่ร้ายทำกระทบเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าพร้อมที่จะกลับไปรับโทษจำคุกในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.นี้จะออกมาเป็นอย่างไรว่า เท่าที่ตนได้ฟังเป็นการแสดงความคิดเห็นของนายทักษิณ ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านเกิด และนายทักษิณใช้คำว่าติดคุกมา 16 ปี และยินดีที่จะมาติดคุกกลับเมืองไทย เพราะต้องการจะมาอยู่ใกล้ลูก ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของตัวท่านเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค
เมื่อถามว่ามองการโจมตีของพรรคการเมืองอื่นๆ ในกรณีที่นายทักษิณออกมาพูดในลักษณะนี้อย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ละพรรคก็พยายามหาจุดเด่นจุดด้อยของตัวเองและคู่แข่ง ฉะนั้นประเด็นอะไรที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์กับเขา เขาก็ย่อมหยิบยกขึ้นมา แต่โดยรวมนายทักษิณเองเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักพรรค พท. ย้ำว่านายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค พท. เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพรรค พท. ดังนั้นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละคนก็เป็นสิทธิ์ของประชาชน ขณะเดียวกันคนที่ไม่ชอบนายทักษิณก็มีเป็นธรรมดาประเด็นเหล่านี้เราต้องเฝ้ามองว่าจะกระทบต่อพรรคเรามากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง
“ในมุมที่เขามาใส่ร้ายที่เกินขอบเขต ที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เราก็จะดูในมุมนั้น แต่มันคือมิติในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง อย่าให้กระทบสิทธิและข้อกฎหมายแต่ละพรรค” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณระบุว่าจะไม่ขอนิรโทษกรรมจากรัฐสภาแม้ว่าพรรค พท. จะชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภาฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นความคิดของตัวนายทักษิณเอง ท่านบอกว่า ถ้าท่านจะกลับมา ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งนายทักษิณยินดีกลับเข้าสู่กระบวนการ ถ้านายทักษิณพูดแบบนั้น คงมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม และมีความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรค พท.ว่าจะต้องทำอะไร
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ฐานะที่ตนก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่มีลูก 3 คน ก็เห็นใจนายทักษิณที่อยู่เมืองนอกมานาน และคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ขณะเดียวกันตนก็เคารพในกฎหมาย ซึ่งนายทักษิณได้แสดงความคิดเห็นออกมาว่าตัวเองจะทำอย่างไรในอนาคต ตนก็เคารพการตัดสินใจของนายทักษิณ ส่วนจะกระทบต่อแลนด์สไลด์หรือไม่นั้น ตนมองเป็นความเห็นส่วนตัวของนายทักษิณ พรรค พท.ไม่ได้เกี่ยวข้อง มองว่านายทักษิณมีความเชื่อในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหน้าที่ของพรรคก็มีนโยบายดีๆ และส.ส.ที่พร้อมเสนอตัวให้กับประชาชน ฉะนั้นหน้าที่ของตัวเองและหัวหน้าพรรค ก็ลงพื้นที่เยอะขึ้น เพื่อกระจายนโยบายและฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน
“การที่นายทักษิณออกมาพูด ผมเข้าใจว่าท่านไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นเงื่อนไข ทั้งผู้สมัครทั้งพรรคก็ดำเนินหน้าที่ของพรรคต่อไป อย่าเอาท่านมาเป็นประเด็น อย่าเอาท่านมาเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง หรือว่าการหาเสียงเลือกตั้ง เขาเป็นคุณพ่อที่รักครอบครัว เราให้ความเคารพ และเราก็เดินหน้าหาเสียงต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว
ก้าวไกล ชู หวยใบเสร็จ กระตุ้นยอดขายเอสเอ็มอี ปลดล็อกผลิตสุราจากสินค้าเกษตร
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3892910
ก้าวไกล ชู หวยใบเสร็จ กระตุ้นยอดขายเอสเอ็มอี สร้างแฟร์เกม ปลดล็อกผลิตสุราจากสินค้าเกษตร ลดค่าไฟ 70 สต.ใน1ปี
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงวิสัยทัศน์ “นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ภายใต้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง”ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือเฟทโก้ ว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคจะมีอยู่ 3 ขั้น โดยขั้นแรก เป็นนโยบายเศรษฐกิจที่รองรับทุกคน ขั้นที่สอง คือ นโยบายเศรษฐกิจแบบเท่าเทียมและเป็นธรรม และ ขั้นที่สาม คือนโยบายเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด
นายวรภพ กล่าวว่า นโยบายขั้นแรก เศรษฐกิจที่รองรับทุกคนนั้น จะเริ่มตั้งแต่สวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย ส่วนเศรษฐกิจธุรกิจ คิดว่า ถึงเวลาสร้างแต้มต่อให้เอสเอ็มอีรายย่อยด้วยข้อเสนอนโยบายที่เรียกว่า “หวยใบเสร็จ” ให้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังซื้อสินค้าจากร้านค้าเอสเอ็มอีรายย่อย เมื่อซื้อสะสม 500 บาทนำไปแลกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ 1 ใบ จะทำให้เกิดแรงจูงใจหรือแต้มต่อให้ผู้บริโภคหันมาสนับสนุนรายย่อยมากขึ้น ส่วนรายใหญ่ บริษัทนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าบริการเอสเอ็มอีเพิ่มเท่าไหร่ก็นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 50% สร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตลาดมาให้แก่ซัพพลายเชน
นายวรภพ กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจขั้นที่สอง คือ การทำธุรกิจแบบเท่าเทียม (แฟร์เกม) จะเริ่มตั้งแต่กฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ และการรื้อกฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่ผูกขาด ที่เราพูดถึงมาก คือ การปลดล็อกผู้ผลิตสุราที่จะสร้างสินค้าเกษตรแปรรูปจำนวนมาก อาทิ มังคุดก็นำมาทำเบียร์ได้ กระเจี๊ยบทำเป็นไวน์ได้ด้วย เรื่องการลดค่าครองชีพ ผ่านการลดค่าไฟฟ้า ก้าวไกลเสนอลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ภายใน 1 ปี เพียงแค่ประเทศไทยเปลี่ยนนโยบายเรื่องก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายปลดล็อกท้องถิ่นให้ยึดประโยชน์ประชาชนไม่ใช่ระเบียบข้าราชการ ส่วนนโยบายเศรษฐกิจขั้นที่สาม คือ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งพรรคมีนโยบายเข้าไปสนับสนุนให้ธุรกิจของไทยเข้าไปสู่ซัพพลายเชนของโลก
นายวรภพ กล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านตลาดทุนนั้น มี 3 เรื่อง คือ
1. การเพิ่มการระดมทุนเอสเอ็มอีขนาดกลาง โดยใช้นโยบายหวยใบเสร็จ หนุนให้เอสเอ็มอีเติบโตและสามารถระดมทุนในตลาดทุนได้
2. การเพิ่มจำนวนนักลงทุนในประเทศ ปัจจุบันเรามีนักลงทุน 3 ล้านรายเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบประชากรของประเทศ
เราจึงเสนอเรื่องการพัฒนาข้อมูลการเงินที่เชื่อมโยงกันได้ ทำให้นักลงทุนรู้จักการออม และเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และ
3. เรื่องความยั่งยืนของตลาดทุนผ่านการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แนวนโยบาย คือ SET Zero ผ่านการปลดล็อกธุรกิจสินค้าหรือครัวเรือนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า การส่งเสริมรถอีวี หรือนโยบายต้นไม้ปลดหนี้เป็นต้น
ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สตางค์/ลิตร - น้ำมันดิบตลาดโลกร่วงลงเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/340507
วานนี้ (24 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.40 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 25 มี.ค.2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 43.56, GSH95 = 35.75, E20 = 33.44, GSH91 = 35.48, E85 = 33.89, พรีเมี่ยม GSH95 = 43.04, HSD-B7 = 33.44, HSD-B10 = 33.44, HSD-B20 = 33.44, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 42.56 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ รายงานจากบางจากฯ ก็แจ้งปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และ Hi Premium 97 +40 สต. สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม ดังนี้
BCP Retail Price : GSH95S EVO 35.75 / GSH91S EVO 35.48 / GSH E20S EVO 33.44 / GSH E85S EVO 33.89 / Hi Premium 97 (GSH95++) 45.64 / Hi Diesel B20S 33.44 / Hi Diesel S 33.44 / Hi Diesel S B7 33.44 / Hi Premium Diesel S B7 42.66 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ กทม.)
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ปัจจัยหลักเกิดจากความวิตกกังวลต่อสภาพคล่องธนาคารในยุโรป
น้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.2 เปอร์เซนต์ ปิดตลาดที่ 74.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล-ขณะที่เวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1 เปอร์เซนต์ ปิดตลาดที่ 69.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล-ราคาน้ำมันที่ร่วงลงเกิดจากความวิตกกังวลต่อวิกฤตธนาคารต่างๆในสหรัฐฯและยุโรป จะทำให้ภาวะสินเชื่อตึงตัว และจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันที่จะลดลง
แต่ถ้าเทียบเป็นรายสัปดาห์น้ำมันดิบเบรนท์ยังคงเพิ่มขึ้น 2.8 เปอร์เซนต์ ขณะที่เวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียทเพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซนต์