ปรับแผนกลยุทธ์การตลาดของคุณให้เชื่อมโยงกับลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น Gen Z ที่กำลังมาในช่วงเวลานี้
คุณ Quynh Mai ประธานผู้ก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ที่ได้รับรางวัลมากมาย Qulture บอกเราว่า “Gen Z มีกำลังซื้อโดยเฉลี่ยประมาณ 360 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นวัยที่มี Influence เยอะที่สุดด้วย”
Gen Z นอกจากกำลังเติบโตเข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังสร้างวัฒนธรรมและกระแสเทรนด์หรือแบรนด์ใหม่ๆ ให้ประชาชนยุคก่อนต้องคอยปรับตัวตาม การวิจัยเผยว่า Gen Z สนใจในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นแรงบันดาลใจหลัก และต้องการให้ผู้อื่นใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
วัยรุ่นทุกยุคสมัยต่างจุดประกายการเปลี่ยนแปลงวงการโฆษณาเรื่อยมา แต่พอมาถึงยุคของโซเชียลมีเดียผู้บริโภคเริ่มมีอำนาจในการยกระดับแบรนด์ ให้มีความน่าสนใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในอนาคตได้
การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่เด็กลงมาอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นเรื่องสำคัญในการรักษาแบรนด์ให้อยู่ในตลาดได้นานขึ้น
ซึ่งวิธีก็คือ…
นำเสนอด้วยค่านิยมของแบรนด์
“Gen Z เน้นคุณค่าของสินค้าเป็นหลัก และเชื่อว่าธุรกิจนั้นๆผลิตสินค้ามาอย่างสุจริต” กล่าวโดยคุณ Corey Seemiller ตำแหน่งศาสตราจารย์จาก Wright State University และผู้เชี่ยวชาญด้าน Gen Z
“พวกเขาต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน เสมอภาค และสามารถใช้ได้หลากหลายเพศ ทุกครั้งก่อนที่พวกเขาจะซื้ออะไรบางอย่าง เขาจะคิดเสมอว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นตอบโจทย์ค่านิยมของเขาหรือไม่”
จากผลวิจัยของ Instagram พบว่า Gen Z ในปี 2023 ส่วนใหญ่ซื้อของเน้นสนับสนุนค่านิยมของตนเอง เพื่อสร้างความแตกต่าง เน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก พวกเขาจะดูทุกอย่างตั้งแต่ที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิตและวัสดุที่ใช้บรรจุภัณฑ์ (ไม่ใช่แค่โฆษณาการตลาด)
ถ้าคุณอยากรู้เรื่องนี้ลึกกว่านั้น สามารถดาวน์โหลดคู่มือได้ที่ E-book ความยั่งยืนและความหลากหลาย
วัยรุ่นยุคใหม่มักศึกษาสินค้าอย่างหนักก่อนเลือกซื้อ ว่าคุณเป็นตัวจริงหรือแค่แกล้งปลอมมาหลอกขายพวกเขา เพราะฉะนั้นก่อนวางขายอะไรควรตรวจสอบขั้นตอนการผลิตให้ดี ๆ
นอกจากพวกเขาจะชื่นชอบแบรนด์ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว พวกเขายังมีการบริจาคเงินส่วนหนึ่งเพื่อใช้พิทักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
หาช่องทางใหม่ ๆ ในการนำเสนอ
คุณ Mark Beal ตำแหน่งศาสตราจารย์จาก Rutgers University กล่าวว่า “แบรนด์ยังต้องแข่งผลิตคอนเทนต์ที่เรียกกระแสและน่าสนใจ ลงบนโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok, Instagram, Youtube ด้วย”
เข้าหาลูกค้าดีกว่าปล่อยคาดหวังให้ลูกค้ามาหาเราเอง
เดือนก่อนเราได้ร่วมงานกับแบรนด์สินค้าเครื่องใช้ในบ้านผลิตจากธรรมชาติชื่อ Piglet in Bed ในการทำสตอรี่ลง TikTok สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หัวหน้าแบรนด์คุณ Rhiannon Johns บอกเราว่าก่อนหน้าที่จะทำโฆษณาลง TikTok ก่อนปี 2021 เรามีลูกค้าวัย 35+ ขึ้นไปทั้งนั้น
หลังจากเราเข้าสู่ TikTok กลุ่มลูกค้าและเพศวัยเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆเป็นกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ เพราะพวกเขาชอบแต่งบ้านให้น่าอยู่ขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา การทำครีเอทีฟคอนเทนต์จึงต้องหลากหลายและตรงกลุ่มเป้าหมายเข้าไว้
จากรายงานเทรนด์ของ Instagram Trend 2023 เกือบ 1 ใน 3 ของ Gen Z ต้องการได้รับประสบการณ์ด้วยตนเอง เช่น ได้พบกับ Influence ที่ตัวเองชอบใช้ของแบบเดียวกัน เป็นต้น
และอีก 40% จากทั้งหมดอยากฟัง Podcast จากนักผลิตคอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบ
พัฒนาอัตลักษณ์ของแบรนด์อยู่เสมอ
คุณ Quynh Mai จาก Qulture กล่าวว่า “แม้ว่าคุณจะย้ายช่องทางการทำโฆษณาหรือเปลี่ยนรูปแบบใดๆก็ตาม อย่าพยายามฝืนวัยรุ่นหรือทำตัวเท่ๆตามวัยที่เป็นเป้าหมาย เพราะนั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุดในการทำแบรนด์” เพราะพวกเขาต้องการความจริงจากแบรนด์ และต้องการอุดหนุนแบรนด์ในแบบที่ควรเป็น
“ถ้าประวัติศาสตร์แบรนด์ของคุณดูแก่กว่ายุคปัจจุบัน อย่าได้กังวลเพราะถ้ารากฐานของคุณแน่นพอ เป็นตัวจริงและน่าเชื่อถือ ก็อย่าไปเปลี่ยนแปลงมูลค่าตัวเอง”
การปล่อยคอนเทนต์ตามกระแสเป็นเรื่องดี แต่ถ้ากระแสนั้นไม่เข้ากับแบรนด์ก็อาจกลายเป็นดาบสองคมที่มีผลกระทบต่อแกนหลักของแบรนด์ได้ ผู้บริโภคนั้นรู้เสมอว่าคุณนั้นพยายามทำตัวให้เหมือนกับแบรนด์อื่นทั้งที่ไม่ใช่
เป็นตัวของตัวเองแต่ขยายขอบเขตการโฆษณาของคุณไปเรื่อย ๆ เพื่อรวบรวมคนจากที่ต่างๆให้รู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น
ก่อนจะเริ่มแคมเปญแบรนด์ใดๆให้ลองสุมหัวประชุมไอเดียกันก่อนว่า ดีไซน์เป็นอย่างไร ไอเดียคืออะไร ปล่อยออกไปถี่แค่ไหน รวมถึงเอาความสำเร็จในช่วงแคมเปญก่อนๆมาดูด้วยว่าจะไปในทิศทางไหนต่อ เพื่อความสำเร็จที่มากขึ้น
คุยกับกลุ่มเป้าหมายเยอะ ๆ
คุณไม่สามารถเข้าใจวัยรุ่นยุคใหม่ได้เลยถ้าไม่เริ่มคุยกับพวกเขาก่อน
ในปี 2018 บริษัท Target เป็นแบรนด์แรกที่จัดสัมนาทั่วประเทศ เพื่อช่วยเจ้าของธุรกิจ Gen Z สร้างพอร์ตงานและนำเสนอธุรกิจต่อผู้เชี่ยวชาญ
ผลก็คือไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ ประชาชนแถวนั้น หรือเจ้าของร้านค้าใดๆก็ตามสามารถมาพบปะพูดคุยสร้างคอนเนคชั่นกันได้ มีผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็ก
นักเรียน ให้ความสนใจเต็มไปหมด ถึงว่างานนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก
นี่คือวิธีการที่ใช้พูดคุยกับ Gen Z ได้อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาจะกลายเป็นลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ในอนาคตเท่านั้น พวกเขาอาจจะช่วยแชร์เรื่องราวของบริษัทคุณให้กับเพื่อนของเขาที่สนใจในเรื่องเดียวกันได้อีกด้วย
ใช้กลยุทธ์ปลูกฝังและคงความเป็นตัวจริงให้แบรนด์
เมื่อคุณต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังวัยรุ่นยุคใหม่ อย่าลืมว่ายังมีคนยุคเก่าที่เคยตามคุณอยู่เช่นกัน เน้นขยายเรื่องความหลากหลายและปรับปรุงประสบการณ์การรับรู้ในแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะดีกว่า เพื่อป้องกันการกีดกันเรื่องวัยในการใช้สินค้านั้นออกไป
แล้วก็อย่าลืมรับข้อเสนอแนะมาปรับปรุงและรับฟังสิ่งที่ลูกค้าต้องการด้วย เพื่ออนาคตของแบรนด์ต่อไปในอนาคต
ทำอย่างไรให้แบรนด์ของคุณตอบโจทย์วัยรุ่นมากขึ้น!
คุณ Quynh Mai ประธานผู้ก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ที่ได้รับรางวัลมากมาย Qulture บอกเราว่า “Gen Z มีกำลังซื้อโดยเฉลี่ยประมาณ 360 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นวัยที่มี Influence เยอะที่สุดด้วย”
Gen Z นอกจากกำลังเติบโตเข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังสร้างวัฒนธรรมและกระแสเทรนด์หรือแบรนด์ใหม่ๆ ให้ประชาชนยุคก่อนต้องคอยปรับตัวตาม การวิจัยเผยว่า Gen Z สนใจในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นแรงบันดาลใจหลัก และต้องการให้ผู้อื่นใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
วัยรุ่นทุกยุคสมัยต่างจุดประกายการเปลี่ยนแปลงวงการโฆษณาเรื่อยมา แต่พอมาถึงยุคของโซเชียลมีเดียผู้บริโภคเริ่มมีอำนาจในการยกระดับแบรนด์ ให้มีความน่าสนใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในอนาคตได้
การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่เด็กลงมาอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นเรื่องสำคัญในการรักษาแบรนด์ให้อยู่ในตลาดได้นานขึ้น
ซึ่งวิธีก็คือ…
“Gen Z เน้นคุณค่าของสินค้าเป็นหลัก และเชื่อว่าธุรกิจนั้นๆผลิตสินค้ามาอย่างสุจริต” กล่าวโดยคุณ Corey Seemiller ตำแหน่งศาสตราจารย์จาก Wright State University และผู้เชี่ยวชาญด้าน Gen Z
“พวกเขาต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน เสมอภาค และสามารถใช้ได้หลากหลายเพศ ทุกครั้งก่อนที่พวกเขาจะซื้ออะไรบางอย่าง เขาจะคิดเสมอว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นตอบโจทย์ค่านิยมของเขาหรือไม่”
จากผลวิจัยของ Instagram พบว่า Gen Z ในปี 2023 ส่วนใหญ่ซื้อของเน้นสนับสนุนค่านิยมของตนเอง เพื่อสร้างความแตกต่าง เน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก พวกเขาจะดูทุกอย่างตั้งแต่ที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิตและวัสดุที่ใช้บรรจุภัณฑ์ (ไม่ใช่แค่โฆษณาการตลาด)
ถ้าคุณอยากรู้เรื่องนี้ลึกกว่านั้น สามารถดาวน์โหลดคู่มือได้ที่ E-book ความยั่งยืนและความหลากหลาย
นอกจากพวกเขาจะชื่นชอบแบรนด์ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว พวกเขายังมีการบริจาคเงินส่วนหนึ่งเพื่อใช้พิทักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
หาช่องทางใหม่ ๆ ในการนำเสนอ
คุณ Mark Beal ตำแหน่งศาสตราจารย์จาก Rutgers University กล่าวว่า “แบรนด์ยังต้องแข่งผลิตคอนเทนต์ที่เรียกกระแสและน่าสนใจ ลงบนโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok, Instagram, Youtube ด้วย”
เข้าหาลูกค้าดีกว่าปล่อยคาดหวังให้ลูกค้ามาหาเราเอง
เดือนก่อนเราได้ร่วมงานกับแบรนด์สินค้าเครื่องใช้ในบ้านผลิตจากธรรมชาติชื่อ Piglet in Bed ในการทำสตอรี่ลง TikTok สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หัวหน้าแบรนด์คุณ Rhiannon Johns บอกเราว่าก่อนหน้าที่จะทำโฆษณาลง TikTok ก่อนปี 2021 เรามีลูกค้าวัย 35+ ขึ้นไปทั้งนั้น
หลังจากเราเข้าสู่ TikTok กลุ่มลูกค้าและเพศวัยเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆเป็นกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ เพราะพวกเขาชอบแต่งบ้านให้น่าอยู่ขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา การทำครีเอทีฟคอนเทนต์จึงต้องหลากหลายและตรงกลุ่มเป้าหมายเข้าไว้
และอีก 40% จากทั้งหมดอยากฟัง Podcast จากนักผลิตคอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบ
พัฒนาอัตลักษณ์ของแบรนด์อยู่เสมอ
คุณ Quynh Mai จาก Qulture กล่าวว่า “แม้ว่าคุณจะย้ายช่องทางการทำโฆษณาหรือเปลี่ยนรูปแบบใดๆก็ตาม อย่าพยายามฝืนวัยรุ่นหรือทำตัวเท่ๆตามวัยที่เป็นเป้าหมาย เพราะนั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุดในการทำแบรนด์” เพราะพวกเขาต้องการความจริงจากแบรนด์ และต้องการอุดหนุนแบรนด์ในแบบที่ควรเป็น
“ถ้าประวัติศาสตร์แบรนด์ของคุณดูแก่กว่ายุคปัจจุบัน อย่าได้กังวลเพราะถ้ารากฐานของคุณแน่นพอ เป็นตัวจริงและน่าเชื่อถือ ก็อย่าไปเปลี่ยนแปลงมูลค่าตัวเอง”
การปล่อยคอนเทนต์ตามกระแสเป็นเรื่องดี แต่ถ้ากระแสนั้นไม่เข้ากับแบรนด์ก็อาจกลายเป็นดาบสองคมที่มีผลกระทบต่อแกนหลักของแบรนด์ได้ ผู้บริโภคนั้นรู้เสมอว่าคุณนั้นพยายามทำตัวให้เหมือนกับแบรนด์อื่นทั้งที่ไม่ใช่
ก่อนจะเริ่มแคมเปญแบรนด์ใดๆให้ลองสุมหัวประชุมไอเดียกันก่อนว่า ดีไซน์เป็นอย่างไร ไอเดียคืออะไร ปล่อยออกไปถี่แค่ไหน รวมถึงเอาความสำเร็จในช่วงแคมเปญก่อนๆมาดูด้วยว่าจะไปในทิศทางไหนต่อ เพื่อความสำเร็จที่มากขึ้น
คุยกับกลุ่มเป้าหมายเยอะ ๆ
คุณไม่สามารถเข้าใจวัยรุ่นยุคใหม่ได้เลยถ้าไม่เริ่มคุยกับพวกเขาก่อน
ในปี 2018 บริษัท Target เป็นแบรนด์แรกที่จัดสัมนาทั่วประเทศ เพื่อช่วยเจ้าของธุรกิจ Gen Z สร้างพอร์ตงานและนำเสนอธุรกิจต่อผู้เชี่ยวชาญ
ผลก็คือไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ ประชาชนแถวนั้น หรือเจ้าของร้านค้าใดๆก็ตามสามารถมาพบปะพูดคุยสร้างคอนเนคชั่นกันได้ มีผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็ก
นักเรียน ให้ความสนใจเต็มไปหมด ถึงว่างานนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เมื่อคุณต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังวัยรุ่นยุคใหม่ อย่าลืมว่ายังมีคนยุคเก่าที่เคยตามคุณอยู่เช่นกัน เน้นขยายเรื่องความหลากหลายและปรับปรุงประสบการณ์การรับรู้ในแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะดีกว่า เพื่อป้องกันการกีดกันเรื่องวัยในการใช้สินค้านั้นออกไป
แล้วก็อย่าลืมรับข้อเสนอแนะมาปรับปรุงและรับฟังสิ่งที่ลูกค้าต้องการด้วย เพื่ออนาคตของแบรนด์ต่อไปในอนาคต
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24