สวัสดีครับเพื่อนๆ นักเทรด ชาว TFEXCLUB
ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่าต่อเนื่อง จ่อหลุด 34
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูง ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึง ความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด (FOMC)
ตลาดรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) โดยเรามองว่า FOMC อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% เพื่อย้ำจุดยืนในการแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อ (ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังคงสูงกว่า 6%) ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องในระบบธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้สภาวะทางการเงิน (Financial Condition) ของสหรัฐฯ ตึงตัวมากขึ้น ทำให้ความจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ลดลง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองเพิ่มเติม คือ ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ของเฟด รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ใหม่ โดยประเมินว่า เฟดอาจไม่ได้ขยับประมาณการเศรษฐกิจมากนัก แต่มีความเป็นไปได้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่อาจมองว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจนแตะระดับ 5.50% ในปีนี้ ซึ่งจะสูงขึ้นจากที่เคยมองไว้ที่ระดับ 5.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในฝั่งภาคการบริการ มีแนวโน้มชะลอตัวลงช้า ส่วนปัญหาด้านสภาพคล่องของระบบธนาคารสหรัฐฯ ก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เพราะทางการสหรัฐฯ และเฟด ก็ได้ออกมาตรการรับมือไว้แล้ว
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟด ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ซึ่งตลาดคาดว่า ในเดือนมีนาคมนั้น ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ระดับ 47.6 จุด (ดัชนีน้อยกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) โดยส่วนหนึ่งมาจากตามความต้องการสินค้าที่ลดลง ทว่า ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวได้ดี ชี้จาก ดัชนี PMI ภาคการบริการที่ระดับกว่า 50.8 จุด
หนุนโดยตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC โดยมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับแรกแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์
Credit by : ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่าต่อเนื่อง จ่อหลุด 34 (msn.com)
กสิกรไทย มองหุ้นไทยสัปดาห์หน้า จับตาประชุมเฟด-เงินทุนต่างชาติ-การเมือง
บล.กสิกรไทย คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (20-24 มี.ค.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,535 และ 1,515 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (21-22 มี.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.
รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย LPR เดือนมี.ค. ของจีน การประชุม BOE ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของญี่ปุ่นและอังกฤษ ตลอดจนดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น และยูโรโซน
**แนวโน้มค่าเงินบาท
ส่วนทิศทางของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.80-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน dot plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของเฟด ผลการประชุม BOE อัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ประเด็นปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ สถานการณ์เงินลงทุนของต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนก.พ. ของไทย ข้อมูล PMI (เบื้องต้น)สำหรับเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.อังกฤษ
เปิดโผ 10 อันดับหุ้น สินทรัพย์รวมสูงที่สุด
อ่านต่อได้ที่ : เปิดโผ 10 อันดับหุ้น สินทรัพย์รวมสูงที่สุด (bangkokbiznews.com)
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด รับข่าว "ยูบีเอส" ซื้อกิจการ "เครดิต สวิส"
Credit by : ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด รับข่าว “ยูบีเอส” ซื้อกิจการ “เครดิต สวิส” (bangkokbiznews.com)
สำนักข่าว ไบเดน นิวส์ "นึกถึงหุ้น นึกถึงเรา" ฉบับวันที่ 20 มีนาคม 2566
-----------
NCAP กางแผนปี 66 ปีแห่งการต่อยอด
NCAP เปิดกลยุทธ์ปี 66 เน้น 2 ด้านหลัก คือ การต่อยอด และการเติบโตอย่างมีคุณภาพ “ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา” ซีอีโอ ประกาศต่อยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ล่าสุดบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสินเชื่อจำนำทะเบียนเล่มรถจักรยานยนต์และรถบรรทุก ที่เตรียมจะเปิดตัว Q2 ปีนี้ และธุรกิจประกันภัยเพื่อดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร หนุนพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตอย่างน้อย 10-15%
-----------
WP สัญญาณธุรกิจดี WP ส่งสัญญาณเข้าสู่ขาขึ้น หลังจากที่กบง.ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครัวเรือนอีก 15 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 1-31 มีนาคมนี้ ขณะที่ปริมาณการขายก๊าซ LPG ในประเทศและส่งออกของ WP ยังพุ่งตามการฟื้นตัวของความต้องการใช้ แถมธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปยังช่วยหนุน "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ซีอีโอ มั่นใจยอดขายก๊าซ LPG ปีนี้ไม่พลาดเป้า 8 แสนตัน ส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นลบ.
-----------
L&E ส่งซิกปี 66 สดใส L&E เชื่อแนวโน้มปี 66 สดใส ธุรกิจในประเทศฟื้นตัว งานภาคเอกชนและรัฐกลับมาดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ล่าสุดตุน Backlog ที่ 1,300 ลบ. ชูจุดแข็งจาก “Total Lighting Solution Provider” สู่ “Tech Company” ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ตอกย้ำการทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร บวก Innovation การเป็นมากกว่าแสงสว่าง สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด
-----------
DEXON ปิดฉากโรดโชว์ DEXON ร่วมนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกความเชื่อมั่น ก่อนเสนอขายหุ้น IPO 123.18 ล้านหุ้น ชูจุดเด่นผู้นำธุรกิจให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพในการผลิตเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบและการประเมินความสมบูรณ์ของระบบท่อส่ง (Pipeline Integrity)
-----------
PRINC เปิดตัวโครงการ ‘ล้ม Look’ PRINC ผนึก ‘มูลนิธิพงษ์ศักดิ์ วิทยากร - เมดคิวรี’ พร้อมพันธมิตรภาคเอกชน เปิดตัวโครงการ ‘ล้ม Look’ Every Second We Care และอุปกรณ์ Smart Device ในชื่อ ‘ล้ม Look’ สำหรับตรวจจับการพลัดตกหกล้ม และยังเป็นระบบติดตามผลข้อมูลด้านสุขภาพในผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
-----------
พบกับหนังสือพิมพ์ THE VALUE INVESTOR NEWS แหล่งรวมหุ้นสายพื้นฐานเมืองไทย ไปกับ Uncle Graham 20 March 2023
-----------
SCGP โอกาสหรือความเสี่ยง มุมมองจากนักวิเคาะห์ชี้ ราคาหุ้น SCGP มักจะวิ่งอยู่ในระดับ P/E > 30 เท่าอยู่ตลอด แปลว่า ตลาดหวังจะเห็นกำไรที่เติบโต ไม่ว่าจะมาจากการซื้อกิจการ เพิ่มกำลังการผลิต หรือลดต้นทุนก็แล้วแต่ พอทำได้น้อยกว่าที่คาด ราคาก็เลยลงแรง พร้อมมอง SCGP เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ไม่ล้มง่าย เพียงแต่การเติบโตมาไม่ทัน ต้นทุนดันมีปัญหา และตลาดคาดหวังสูง รวมไปถึงผู้เล่นในเกมส์นี้ คือ กองทุนไทย ฝรั่ง และรายย่อยจำนวนมาก
-----------
ITC แนวโน้มสดใส KS แนะ “ซื้อ” TP ที่ 40.8 บาท จาก 1) ลูกค้ารายใหญ่รายใหม่ในจีน 2) คาดทำสถิตรายได้สูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/66 3) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง และ 4) M&A ที่เป็นไปได้ มาพร้อมกับแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรและ ESG
สูงอย่างต่อเนื่อง เช่น โปรตีนจากแมลง อาหารเสริม และขนมหวาน
-----------
KTB มีดีที่ Digital Platform KTB ตั้งเป้าปี 66 สินเชื่อโต 3-5% NPL < 3.5% มองเศรษฐกิจฟื้นตัวช่วยหนุน บวกกับคาดที่จะได้รับผลบวกจากการต่อยอดธุรกิจจากลูกค้าที่เริ่มต้นจากภาครัฐ อย่างแอปเป๋าตังและถุงเงินในอนาคต LHS ระบุราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากจากความกังวลปัญหาแบงก์โลก เป็นโอกาส “ซื้อ” เพราะไม่ได้รับผลกระทบ
-----------
อัพเดทราคาหุ้น TFEX และทองคำ 20/03/2023
ตลาดรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) โดยเรามองว่า FOMC อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% เพื่อย้ำจุดยืนในการแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อ (ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังคงสูงกว่า 6%) ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องในระบบธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้สภาวะทางการเงิน (Financial Condition) ของสหรัฐฯ ตึงตัวมากขึ้น ทำให้ความจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ลดลง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองเพิ่มเติม คือ ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ของเฟด รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ใหม่ โดยประเมินว่า เฟดอาจไม่ได้ขยับประมาณการเศรษฐกิจมากนัก แต่มีความเป็นไปได้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่อาจมองว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจนแตะระดับ 5.50% ในปีนี้ ซึ่งจะสูงขึ้นจากที่เคยมองไว้ที่ระดับ 5.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในฝั่งภาคการบริการ มีแนวโน้มชะลอตัวลงช้า ส่วนปัญหาด้านสภาพคล่องของระบบธนาคารสหรัฐฯ ก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เพราะทางการสหรัฐฯ และเฟด ก็ได้ออกมาตรการรับมือไว้แล้ว
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟด ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ซึ่งตลาดคาดว่า ในเดือนมีนาคมนั้น ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ระดับ 47.6 จุด (ดัชนีน้อยกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) โดยส่วนหนึ่งมาจากตามความต้องการสินค้าที่ลดลง ทว่า ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวได้ดี ชี้จาก ดัชนี PMI ภาคการบริการที่ระดับกว่า 50.8 จุด
หนุนโดยตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC โดยมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับแรกแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์
Credit by : ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่าต่อเนื่อง จ่อหลุด 34 (msn.com)