ชลัน
บทที่ 4 คู่แข่ง
วันจันทร์กานณดามาถึงบริษัทก่อนเวลาเหมือนเดิม ทว่าวันนี้หญิงสาวไม่ได้เดินทางมาทำงานเอง กันตภณอาสาขับรถมาส่ง พี่ชายให้เหตุผลว่า มาเยี่ยมแค่อาทิตย์เดียวก็อยากดูแลเทคแคร์น้องสาวบ้าง หล่อนจึงไม่ปฏิเสธ แม้จะขับรถกลับไปกลับมาไกล ๆ ถึงวันละสี่รอบเมื่อพี่อยากทำหล่อนจึงตามใจ ถ้าไม่คิดว่าจะเปลืองเวลาเปลืองน้ำมันก็ตามใจ
มาถึงบริษัทนาราสุสาวเจ้าลงจากรถ เผยยิ้มพร้อมพูดอะไรนิดหน่อยกับคนในรถ ก่อนจะโบกมือลาและทำท่าส่งจูบให้แล้วปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ จากนั้นคนในรถก็ขับออกไป เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของหนุ่มลูกครึ่งจีนอิตาลีตั้งเริ่มต้นจนจบ 'ใครมาส่งซินญอริน่าของเขา' ต้องเป็นคนสำคัญแน่ ๆ ถึงมีการส่งจูบให้ด้วย ชายหนุ่มนึกอย่างใคร่รู้และใจวาบหวิวคล้ายคนที่คาดหวังอะไรไว้มาก ๆ แล้วผิดหวังแบบไม่ทันตั้งตัว จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่เคยถามเธอเลยว่า ตลอดเวลาที่เลิกคุยกันไปสามปีนั้น 'เธอมีคนใหม่ไปแล้วหรือยัง'
จิมมี่ลงจากรถเดินตามกานณดาเข้าไปในบริษัทเงียบ ๆ ก็ยังมิวายเห็นสาวเจ้ายืนคุยกับหนุ่มพนักงานอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม 'อลงกรณ์' พนักงานที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสามเดือนก่อนหน้าที่กานณดาจะมาฝึกงาน มาฝึกงานยังไม่ถึงเดือน สนิทกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ขนาดนี้เชียว ชายหนุ่มนึกอย่างไม่พอใจอีกรอบ มาทำงานส่งจูบให้อีกคน พอเข้ามาในบริษัทก็อ่อยอีกคน เสน่ห์แรงจริงแม่คุณ! จิมมี่ยืนมองทั้งสองคนอยู่ไกล ๆ ด้วยความไม่ชอบใจที่สุด
หนุ่มลูกครึ่งยืนมองพนักงานรุ่นน้องด้วยสายตาวาววับ จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนกว่าตนตั้งหลายปี เขามองอลงกรณ์ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาแต่ชาติปางก่อน ก่อนจะรีบเดินหลบไปอีกทางเพื่อให้ไปถึงห้องทำงานก่อนสาวเจ้า วันนี้วันอะไรของเขากันนะ อุตส่าห์ตื่นมาทำงานแต่เช้าเพื่อจะได้เจอกับเธอ ดันมาเจอภาพบาดใจตั้งสองครั้งสองครา
มาถึงห้องทำงานเขาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้นวมตัวหนาและนุ่ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้รอว่าเด็กฝึกงานอัธยาศัยดีไปทั่วโดยเฉพาะกับผู้ชาย จะมาถึงห้องทำงานเวลาไหน
"อ้าวพี่จิมมานานแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะ" กานณดาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาก็พบเจ้าของห้องมาถึงแล้ว จึงยกมือไหว้ทักทายด้วยน้ำเสียงใส ดูเหมือนผู้บริหารคนนี้จะมาถึงที่ทำงานแต่เช้า เพราะหล่อนเองก็มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาตั้งเกือบยี่สิบนาที ทว่าหล่อนกลับเห็นว่าชายหนุ่มหน้าบึ้งตอบ จ้องมองตนคล้ายไปทำอะไรผิดมาเสียอย่างนั้น จากนั้นก็เดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
เสียงหวานใสของกานณดาที่ดังมากระทบแก้วหู เกือบทำให้เขาลืมความโกรธที่สะสมไว้ตั้งแต่มาถึงบริษัท แต่เสียงนั้นก็มิอาจทำอะไรกับใจที่ร้อนดั่งไฟของหนุ่มฝรั่งได้
"กว่าจะเดินมาถึงห้องทำงานได้เนอะ" คำทักทายกลับกลายเป็นคำประชด หล่อนไม่ได้รับการทักทายที่ดีและรอยยิ้มของเขาเหมือนทุกวัน แต่กลับได้คำพูดคล้าย ๆ ว่าตนไปทำอะไรผิดมาแทน หญิงสาวกำลังงงว่าตนทำอะไรผิด ทั้งที่เพิ่งจะมาถึงที่ทำงานแท้ ๆ ถึงกระนั้นสาวเจ้าก็ยังเผยยิ้มสู้ บางทีอาจคิดและรู้สึกไปเอง
"อ๋อ กานต์มาถึงตั้งนานแล้วค่ะ แต่ว่าเจอกับพี่กรณ์พอดี เราก็เลยคุยกันนิดหน่อย พี่กรณ์เขานิสัยดีนะคะ เห็นว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือนเอง พี่กรณ์บอกกานต์ว่าถ้าไม่เข้าใจงานตรงไหนถามพี่กรณ์ได้" หญิงสาวตอบตามความซื่อ ก็อลงกรณ์บอกกับหล่อนมาแบบนี้จริง ๆ
"เด็กเข้ามาทำงานได้แค่สามเดือนน่ะเหรอจะรู้อะไร อยากรู้อะไรน้องกานต์ก็ถามพี่ ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามพี่ เราอยู่ในความดูแลของพี่ไม่ต้องไปถามคนอื่น" จิมมี่พูดด้วยความไม่พอใจ สีหน้าและแววตายังบอกบุญไม่รับ ทั้งที่สิ่งที่เขาพูดมันไม่ถูกต้อง เธอสามารถจะถามใครก็ได้ที่ทำงานอยู่ในบริษัทนี้ แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้สาวเจ้าอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเลย โดยเฉพาะกับผู้ชายที่มองด้วยสายตาที่อยากเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน
กานณดามั่นใจแล้วว่าจิมมี่ต้องไม่พอใจตนเองแน่ ๆ แต่จะเป็นเรื่องอะไร หญิงสาวพยายามนึกหาว่าเขาโกรธเรื่องอะไร หรือโกรธที่หล่อนไม่ยอมตอบข้อความของเขากลับไปเมื่อคืน ที่ส่งมาบอกฝันดีแล้วตนไม่ตอบกลับ เช้านี้จึงพาลหาเรื่องอารมณ์เสียใส่ พอคิดแบบนั้น 'คนอะไรไม่มีเหตุผล' หล่อนค้อนเขาในใจ และแสดงออกผ่านทางสายตา
"เข้าใจค่ะ ต่อไปกานต์จะถามแค่พี่จิมค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบและเงียบไปไม่ยอมพูดอะไรต่อ รอยยิ้มที่บ่งบอกว่ามีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มหายไปจากใบหน้าเนียน เหลือเพียงอาการนิ่งเฉยไม่มองและไม่สนใจเขาอีก กานณดานั่งก้มหน้าอ่านเอกสารที่จิมมี่ให้ศึกษาข้อมูลเงียบ ๆ ตอนนี้ยังไม่มีงานอะไรให้หล่อนช่วยทำ
จิมมี่พอเห็นว่ากานณดาเงียบผิดปกติ หนุ่มลูกครึ่งก็รู้ตัวว่าทำผิดไป เขาไม่ควรแสดงออกว่าหึงเธอมากเกินความจำเป็น สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ และนี่เขาอิจฉาเด็กเข้าใหม่หรือไร พยายามที่จะไม่แสดงอาการและสงบสติแล้ว แต่ก็ยังควบคุมมันไม่ได้
หึงเพราะเขากับเธอเคยคบกัน ก่อนจะเลิกติดต่อกันโดยไม่รู้สาเหตุ จู่ ๆ กานณดาก็หายไป เฟสบุ๊ก ไลน์ ที่เคยใช่ติดต่อกันก็หายไปหมด เธอคงไม่อยากเจอเขา หรือไม่ก็มีแฟนไปแล้ว ถึงได้ไม่ยอมมาเจอในวันที่นัดเจอกัน
ยอมรับว่าเข้าขั้น 'รัก' สาวน้อยบ้านนานัยน์ตาคมคนนี้ เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน เขารักคนในอินเตอร์เน็ตได้จริง ๆ และผิดที่ชายหนุ่มไว้ใจคนในโลกออนไลน์มากเกินไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงไว้ใจเช่นนั้น ทั้งที่ผ่านโลกมามากมาย เข้าทำนอง 'มีความรู้ท่วมหัว ดันเอาตัวไม่รอดเรื่องผู้หญิง' ก็เขาคนนี้เลย อยู่ที่อังกฤษหรือแม้กระทั่งตอนนี้จะมีผู้หญิงรายล้อมรอบตัว ก็ไม่สามารถดึงเขาออกจากจุดสนใจของเธอได้
จนสุดท้ายความบังเอิญก็เกิดขึ้นกับเขาอีก ตลกร้าย เมื่อรายชื่อนักศึกษาที่จะมาฝึกงานเป็นชื่อของเธอ จากแต่ก่อนหนุ่มลูกครึ่งคิดว่าลืมเธอได้แล้ว ไม่ใส่ใจ ทุ่มเทกับงานกับบริษัทที่ลงทุนร่วมกับนาราภัทรและพสุธร ทว่าพอได้มาเจอกันอีก ชายหนุ่มกลับพบว่า 'แท้จริงแล้วหัวใจของเขาอ่อนแอ แท้จริงแล้วไม่เคยลืมได้เลย' เรื่องราวของหญิงสาวทุกอย่างเขายังจำได้เสมอ
"น้องกานต์" จิมมีเรียก อยากบอกอะไรบางอย่าง รู้ตัวว่าทำผิดไปที่หาเรื่อง ให้เธอหายงอนเสียก่อน ขืนพูดไปตอนนี้ กานณดางอนอยู่จะทำให้เธอปฏิเสธความต้องการของเขาเปล่า ๆ
"คะ" กานณดาเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า เงยหน้ามองคนเรียก คราวนี้เขาจะมาอารมณ์ไหนอีก
"พี่ยังไม่ได้ทานกาแฟตอนเช้าเลย น้องกานต์ช่วยไปชงให้พี่ที" จิมมี่สั่ง จากปกติเขาเดินออกไปทำเอง
"ค่ะ" กานณดารับคำ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของจิมมี่ไป แต่ละชั้นจะมีมุมกาแฟที่นาราภัทรจัดเตรียมไว้ให้กับพนักงาน ชั้นสามสำหรับผู้บริหารก็เช่นกัน มีมุมกาแฟและขนมไว้ให้ทานเล่น
พอเดินมาถึงหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ จิมมี่ทานกาแฟแบบไหน สำเร็จรูปหรือปรุงเอง ครั้นจะเดินกลับไปถามคงโดนกินหัวอีกแน่ ๆ ขนาดเมื่อเช้ายังโดนระเบิดลูกเล็ก ๆ แบบไม่รู้ตัวมาแล้วเลย กานณดาจึงใช่วิธี 'สุ่ม' แทน หญิงสาวเลือกกาแฟสำเร็จรูปให้เขา พอชงเสร็จก็นำมาเสิร์ฟให้
จิมมี่รับถ้วยกาแฟจากเธอ ปรายตามองคนนำกาแฟมาให้ยังคงหน้าบึ้งหน่อย ๆ ก่อนจะยกถ้วยกาแฟจิบเบา ๆ "น้องกานต์ พี่ไม่กินกาแฟสำเร็จรูป" ชายหนุ่มว่า กานณดาอ้าปากเหว๋อ คงคิดว่าเขารู้ได้ขนาดนี้เลย ชายหนุ่มแอบยิ้มขำที่แกล้งหล่อนได้ ช่วยไม่ได้เขาอยากง้อเธอนี่นาที่หงุดหงิดให้เมื่อตอนเช้า "ไปชงมาใหม่ไป" เขาสั่งอีกรอบ
"ค่ะ" หญิงสาวรับคำสั่งและจะเดินไปชงมาเปลี่ยนให้ใหม่ ทว่ากำลังจะเปิดประตูห้องหล่อนก็นึกขึ้นได้ หล่อนชงกาแฟไม่เป็น "พี่จิมเอ่อ... พี่จิมจะให้กานต์ชงยังไงคะ แบบหมายความว่า ต้องผสมยังไง" หล่อนถาม กลัวชงมาให้ไม่ถูกใจอีก
หนุ่มลูกครึ่งยิ้มขำ "ชงไม่เป็น! ว้าคนอะไรชงกาแฟไม่เป็น" เขาถามและแกล้งว่า มุกนี้ใช้ได้ทุกทีสำหรับกานณดามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ร่างบางในชุดนักศึกษาทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่นึกได้ว่าไม่ควร "เป็นค่ะ..."
"อ่อ งั้นก็รีบไปทำมาซี พี่ง่วงจะแย่ ตื่นเช้าจัด กลัวมาสายกว่าเด็กฝึกงาน" จิมมีพูดทั้งมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป เขายิ้มแกมหัวเราะให้เธอ จิมมี่คนเมื่อวานและที่ผ่านมากลับมาแล้ว แต่เจ้าหล่อนก็ยังทำปั้นปึ่งให้ไม่เลิก
"กานต์ชงเป็นค่ะ แต่กลัวไม่ถูกใจอีกแค่นั้น" หล่อนตอบและค้อนสายตาให้ด้วย ลืมไปว่าเขาคือผู้กุมคะแนนของตนเองอยู่ เป็นเจ้านาย ไม่ใช่จิมมี่คนเมื่อสามปีก่อนที่จะแสดงออกยังไงก็ได้
คนโดนค้อนพยักหน้าเข้าใจ แต่เป็นไปในทางล้อเลียน "งั้นพี่ไปชงเองดีกว่า กลัวได้รสชาติกาแฟเพี้ยน ๆ อ๊ะไม่ล่ะ! กินถ้วยนี้ก็ได้ เดี๋ยวนักศึกษาฝึกงานจะหมดกำลังใจเสียก่อน ฝึกไม่จบล่ะแย่เลย" เขากล่าว พอไม่ต้องทำแล้วกานณดาก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานประจำของตน จากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบไปอีก
จิมมี่รู้ตัวว่าวันนี้ทำพลาดไป เพราะสาวเจ้าไม่ยอมคุยกับเขาเลย ต่างจากทุกวันที่พูดเจื้อยแจ้ว ถามนั่นถามนี่ตามประสานิสัยใฝ่รู้ ทำยังไงได้ก็เขาหึงเธอ จึงพยายามหาเรื่องชวนคุยอยู่เรื่อย ๆ แต่พอเขาเลิกถามเจ้าตัวก็เงียบ ถามคำตอบคำ หนุ่มลูกครึ่งไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย และร้อนใจ
"น้องกานต์" ชายหนุ่มเรียกชื่อของนักศึกษาฝึกงานคนพิเศษอีก ตั้งแต่เช้ามานี่ไม่รู้ว่าเขาเรียกเธอไปกี่รอบแล้ว คงบ่อยและถี่มาก รับรู้ได้จากการแสดงผ่านทางใบหน้าของหญิงสาวที่มองมา รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อ "เอ่อพี่อยาก... พี่อยากจะขอโทษกานต์น่ะ"
"ขอโทษกานต์ ขอโทษเรื่องอะไรคะ" หญิงสาวแสร้งถาม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าลึก ๆ หล่อนเองก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกันที่เขาไม่พอใจ ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้มาลงใส่ตนเองอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เขาวีนใส่เบา ๆ ในตอนเช้านั่นล่ะกานณดาจึงไม่ยอมพูดคุยด้วย เนื่องจากไม่เข้าใจว่าตนเองไปทำอะไรผิดมา แค่ไม่พิมพ์ตอบกลับไปเมื่อคืนต้องโกรธขนาดนี้เชียว
"ขอโทษเรื่องเมื่อเช้าที่พี่อารมณ์เสียใส่กานต์น่ะ ก็พี่... ก็พี่เห็นกานต์มาถึงตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมเข้าห้องทำงานนี่นา มัวแต่ยืนคุยกับผู้ชาย เอ่อ เอิ่มแบบมัวแต่ยืนคุยกะไอ้กรณ์อยู่ได้" จิมที่เน้นเสียงตรงประโยคชื่อของพนักงานรุ่นน้อง "แล้วเมื่อเช้าใครมาส่งล่ะ เห็นส่งจุ๊บให้กันด้วยแหนะ" ประโยคนี้จิมมี่พูดด้วยใบหน้าละห้อย หญิงสาวจะรู้ไหมว่าเขาจะหนาวสะท้านแค่ไหนหากเธอตอบว่า 'แฟน' สุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมพูดเรื่องที่รบกวนจิตใจมาเกือบครึ่งวัน
กานณดายิ้มค่อนไปทางหัวเราะ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองที่ตนโดนหาเรื่องตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงาน "อย่าบอกว่าหึงกานต์นะคะ" หล่อนตอบทีเล่นทีจริง ยังไม่ยอมบอกความจริงกับเขา "อย่ามาทำหึงกานต์เลย มีพี่นาราอยู่ทั้งคน" หญิงสาวพึมพำ
"อะไรนะ กานต์ว่าอะไรนะเมื่อกี้ พี่ฟังไม่ถนัด"
"เปล่าค่ะ... เมื่อเช้าพี่ชายกานต์มาส่ง พี่กันต์มากรุงเทพฯ ก็เลยอาสามาส่งกานต์ ที่กานต์ส่งจูจุ๊บให้น่ะ กานต์ทำให้หลานชายกานต์ค่ะ ลูกชายพี่กันต์" หญิงสาวอธิบาย สบายใจขึ้นมาดื้อ ๆ และแอบเข้าข้างตนเองว่าเขาหึง "ส่วนพี่กรณ์ กานต์เพิ่งรู้ว่าเขาจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับกานต์ ก็เลยคุยกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องค่ะ"
รักภักดิ์ดี (4)
ชลัน
บทที่ 4 คู่แข่ง
วันจันทร์กานณดามาถึงบริษัทก่อนเวลาเหมือนเดิม ทว่าวันนี้หญิงสาวไม่ได้เดินทางมาทำงานเอง กันตภณอาสาขับรถมาส่ง พี่ชายให้เหตุผลว่า มาเยี่ยมแค่อาทิตย์เดียวก็อยากดูแลเทคแคร์น้องสาวบ้าง หล่อนจึงไม่ปฏิเสธ แม้จะขับรถกลับไปกลับมาไกล ๆ ถึงวันละสี่รอบเมื่อพี่อยากทำหล่อนจึงตามใจ ถ้าไม่คิดว่าจะเปลืองเวลาเปลืองน้ำมันก็ตามใจ
มาถึงบริษัทนาราสุสาวเจ้าลงจากรถ เผยยิ้มพร้อมพูดอะไรนิดหน่อยกับคนในรถ ก่อนจะโบกมือลาและทำท่าส่งจูบให้แล้วปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ จากนั้นคนในรถก็ขับออกไป เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของหนุ่มลูกครึ่งจีนอิตาลีตั้งเริ่มต้นจนจบ 'ใครมาส่งซินญอริน่าของเขา' ต้องเป็นคนสำคัญแน่ ๆ ถึงมีการส่งจูบให้ด้วย ชายหนุ่มนึกอย่างใคร่รู้และใจวาบหวิวคล้ายคนที่คาดหวังอะไรไว้มาก ๆ แล้วผิดหวังแบบไม่ทันตั้งตัว จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่เคยถามเธอเลยว่า ตลอดเวลาที่เลิกคุยกันไปสามปีนั้น 'เธอมีคนใหม่ไปแล้วหรือยัง'
จิมมี่ลงจากรถเดินตามกานณดาเข้าไปในบริษัทเงียบ ๆ ก็ยังมิวายเห็นสาวเจ้ายืนคุยกับหนุ่มพนักงานอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม 'อลงกรณ์' พนักงานที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสามเดือนก่อนหน้าที่กานณดาจะมาฝึกงาน มาฝึกงานยังไม่ถึงเดือน สนิทกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ขนาดนี้เชียว ชายหนุ่มนึกอย่างไม่พอใจอีกรอบ มาทำงานส่งจูบให้อีกคน พอเข้ามาในบริษัทก็อ่อยอีกคน เสน่ห์แรงจริงแม่คุณ! จิมมี่ยืนมองทั้งสองคนอยู่ไกล ๆ ด้วยความไม่ชอบใจที่สุด
หนุ่มลูกครึ่งยืนมองพนักงานรุ่นน้องด้วยสายตาวาววับ จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนกว่าตนตั้งหลายปี เขามองอลงกรณ์ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาแต่ชาติปางก่อน ก่อนจะรีบเดินหลบไปอีกทางเพื่อให้ไปถึงห้องทำงานก่อนสาวเจ้า วันนี้วันอะไรของเขากันนะ อุตส่าห์ตื่นมาทำงานแต่เช้าเพื่อจะได้เจอกับเธอ ดันมาเจอภาพบาดใจตั้งสองครั้งสองครา
มาถึงห้องทำงานเขาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้นวมตัวหนาและนุ่ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้รอว่าเด็กฝึกงานอัธยาศัยดีไปทั่วโดยเฉพาะกับผู้ชาย จะมาถึงห้องทำงานเวลาไหน
"อ้าวพี่จิมมานานแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะ" กานณดาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาก็พบเจ้าของห้องมาถึงแล้ว จึงยกมือไหว้ทักทายด้วยน้ำเสียงใส ดูเหมือนผู้บริหารคนนี้จะมาถึงที่ทำงานแต่เช้า เพราะหล่อนเองก็มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาตั้งเกือบยี่สิบนาที ทว่าหล่อนกลับเห็นว่าชายหนุ่มหน้าบึ้งตอบ จ้องมองตนคล้ายไปทำอะไรผิดมาเสียอย่างนั้น จากนั้นก็เดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
เสียงหวานใสของกานณดาที่ดังมากระทบแก้วหู เกือบทำให้เขาลืมความโกรธที่สะสมไว้ตั้งแต่มาถึงบริษัท แต่เสียงนั้นก็มิอาจทำอะไรกับใจที่ร้อนดั่งไฟของหนุ่มฝรั่งได้
"กว่าจะเดินมาถึงห้องทำงานได้เนอะ" คำทักทายกลับกลายเป็นคำประชด หล่อนไม่ได้รับการทักทายที่ดีและรอยยิ้มของเขาเหมือนทุกวัน แต่กลับได้คำพูดคล้าย ๆ ว่าตนไปทำอะไรผิดมาแทน หญิงสาวกำลังงงว่าตนทำอะไรผิด ทั้งที่เพิ่งจะมาถึงที่ทำงานแท้ ๆ ถึงกระนั้นสาวเจ้าก็ยังเผยยิ้มสู้ บางทีอาจคิดและรู้สึกไปเอง
"อ๋อ กานต์มาถึงตั้งนานแล้วค่ะ แต่ว่าเจอกับพี่กรณ์พอดี เราก็เลยคุยกันนิดหน่อย พี่กรณ์เขานิสัยดีนะคะ เห็นว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือนเอง พี่กรณ์บอกกานต์ว่าถ้าไม่เข้าใจงานตรงไหนถามพี่กรณ์ได้" หญิงสาวตอบตามความซื่อ ก็อลงกรณ์บอกกับหล่อนมาแบบนี้จริง ๆ
"เด็กเข้ามาทำงานได้แค่สามเดือนน่ะเหรอจะรู้อะไร อยากรู้อะไรน้องกานต์ก็ถามพี่ ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามพี่ เราอยู่ในความดูแลของพี่ไม่ต้องไปถามคนอื่น" จิมมี่พูดด้วยความไม่พอใจ สีหน้าและแววตายังบอกบุญไม่รับ ทั้งที่สิ่งที่เขาพูดมันไม่ถูกต้อง เธอสามารถจะถามใครก็ได้ที่ทำงานอยู่ในบริษัทนี้ แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้สาวเจ้าอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเลย โดยเฉพาะกับผู้ชายที่มองด้วยสายตาที่อยากเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน
กานณดามั่นใจแล้วว่าจิมมี่ต้องไม่พอใจตนเองแน่ ๆ แต่จะเป็นเรื่องอะไร หญิงสาวพยายามนึกหาว่าเขาโกรธเรื่องอะไร หรือโกรธที่หล่อนไม่ยอมตอบข้อความของเขากลับไปเมื่อคืน ที่ส่งมาบอกฝันดีแล้วตนไม่ตอบกลับ เช้านี้จึงพาลหาเรื่องอารมณ์เสียใส่ พอคิดแบบนั้น 'คนอะไรไม่มีเหตุผล' หล่อนค้อนเขาในใจ และแสดงออกผ่านทางสายตา
"เข้าใจค่ะ ต่อไปกานต์จะถามแค่พี่จิมค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบและเงียบไปไม่ยอมพูดอะไรต่อ รอยยิ้มที่บ่งบอกว่ามีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มหายไปจากใบหน้าเนียน เหลือเพียงอาการนิ่งเฉยไม่มองและไม่สนใจเขาอีก กานณดานั่งก้มหน้าอ่านเอกสารที่จิมมี่ให้ศึกษาข้อมูลเงียบ ๆ ตอนนี้ยังไม่มีงานอะไรให้หล่อนช่วยทำ
จิมมี่พอเห็นว่ากานณดาเงียบผิดปกติ หนุ่มลูกครึ่งก็รู้ตัวว่าทำผิดไป เขาไม่ควรแสดงออกว่าหึงเธอมากเกินความจำเป็น สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ และนี่เขาอิจฉาเด็กเข้าใหม่หรือไร พยายามที่จะไม่แสดงอาการและสงบสติแล้ว แต่ก็ยังควบคุมมันไม่ได้
หึงเพราะเขากับเธอเคยคบกัน ก่อนจะเลิกติดต่อกันโดยไม่รู้สาเหตุ จู่ ๆ กานณดาก็หายไป เฟสบุ๊ก ไลน์ ที่เคยใช่ติดต่อกันก็หายไปหมด เธอคงไม่อยากเจอเขา หรือไม่ก็มีแฟนไปแล้ว ถึงได้ไม่ยอมมาเจอในวันที่นัดเจอกัน
ยอมรับว่าเข้าขั้น 'รัก' สาวน้อยบ้านนานัยน์ตาคมคนนี้ เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน เขารักคนในอินเตอร์เน็ตได้จริง ๆ และผิดที่ชายหนุ่มไว้ใจคนในโลกออนไลน์มากเกินไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงไว้ใจเช่นนั้น ทั้งที่ผ่านโลกมามากมาย เข้าทำนอง 'มีความรู้ท่วมหัว ดันเอาตัวไม่รอดเรื่องผู้หญิง' ก็เขาคนนี้เลย อยู่ที่อังกฤษหรือแม้กระทั่งตอนนี้จะมีผู้หญิงรายล้อมรอบตัว ก็ไม่สามารถดึงเขาออกจากจุดสนใจของเธอได้
จนสุดท้ายความบังเอิญก็เกิดขึ้นกับเขาอีก ตลกร้าย เมื่อรายชื่อนักศึกษาที่จะมาฝึกงานเป็นชื่อของเธอ จากแต่ก่อนหนุ่มลูกครึ่งคิดว่าลืมเธอได้แล้ว ไม่ใส่ใจ ทุ่มเทกับงานกับบริษัทที่ลงทุนร่วมกับนาราภัทรและพสุธร ทว่าพอได้มาเจอกันอีก ชายหนุ่มกลับพบว่า 'แท้จริงแล้วหัวใจของเขาอ่อนแอ แท้จริงแล้วไม่เคยลืมได้เลย' เรื่องราวของหญิงสาวทุกอย่างเขายังจำได้เสมอ
"น้องกานต์" จิมมีเรียก อยากบอกอะไรบางอย่าง รู้ตัวว่าทำผิดไปที่หาเรื่อง ให้เธอหายงอนเสียก่อน ขืนพูดไปตอนนี้ กานณดางอนอยู่จะทำให้เธอปฏิเสธความต้องการของเขาเปล่า ๆ
"คะ" กานณดาเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า เงยหน้ามองคนเรียก คราวนี้เขาจะมาอารมณ์ไหนอีก
"พี่ยังไม่ได้ทานกาแฟตอนเช้าเลย น้องกานต์ช่วยไปชงให้พี่ที" จิมมี่สั่ง จากปกติเขาเดินออกไปทำเอง
"ค่ะ" กานณดารับคำ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของจิมมี่ไป แต่ละชั้นจะมีมุมกาแฟที่นาราภัทรจัดเตรียมไว้ให้กับพนักงาน ชั้นสามสำหรับผู้บริหารก็เช่นกัน มีมุมกาแฟและขนมไว้ให้ทานเล่น
พอเดินมาถึงหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ จิมมี่ทานกาแฟแบบไหน สำเร็จรูปหรือปรุงเอง ครั้นจะเดินกลับไปถามคงโดนกินหัวอีกแน่ ๆ ขนาดเมื่อเช้ายังโดนระเบิดลูกเล็ก ๆ แบบไม่รู้ตัวมาแล้วเลย กานณดาจึงใช่วิธี 'สุ่ม' แทน หญิงสาวเลือกกาแฟสำเร็จรูปให้เขา พอชงเสร็จก็นำมาเสิร์ฟให้
จิมมี่รับถ้วยกาแฟจากเธอ ปรายตามองคนนำกาแฟมาให้ยังคงหน้าบึ้งหน่อย ๆ ก่อนจะยกถ้วยกาแฟจิบเบา ๆ "น้องกานต์ พี่ไม่กินกาแฟสำเร็จรูป" ชายหนุ่มว่า กานณดาอ้าปากเหว๋อ คงคิดว่าเขารู้ได้ขนาดนี้เลย ชายหนุ่มแอบยิ้มขำที่แกล้งหล่อนได้ ช่วยไม่ได้เขาอยากง้อเธอนี่นาที่หงุดหงิดให้เมื่อตอนเช้า "ไปชงมาใหม่ไป" เขาสั่งอีกรอบ
"ค่ะ" หญิงสาวรับคำสั่งและจะเดินไปชงมาเปลี่ยนให้ใหม่ ทว่ากำลังจะเปิดประตูห้องหล่อนก็นึกขึ้นได้ หล่อนชงกาแฟไม่เป็น "พี่จิมเอ่อ... พี่จิมจะให้กานต์ชงยังไงคะ แบบหมายความว่า ต้องผสมยังไง" หล่อนถาม กลัวชงมาให้ไม่ถูกใจอีก
หนุ่มลูกครึ่งยิ้มขำ "ชงไม่เป็น! ว้าคนอะไรชงกาแฟไม่เป็น" เขาถามและแกล้งว่า มุกนี้ใช้ได้ทุกทีสำหรับกานณดามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ร่างบางในชุดนักศึกษาทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่นึกได้ว่าไม่ควร "เป็นค่ะ..."
"อ่อ งั้นก็รีบไปทำมาซี พี่ง่วงจะแย่ ตื่นเช้าจัด กลัวมาสายกว่าเด็กฝึกงาน" จิมมีพูดทั้งมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป เขายิ้มแกมหัวเราะให้เธอ จิมมี่คนเมื่อวานและที่ผ่านมากลับมาแล้ว แต่เจ้าหล่อนก็ยังทำปั้นปึ่งให้ไม่เลิก
"กานต์ชงเป็นค่ะ แต่กลัวไม่ถูกใจอีกแค่นั้น" หล่อนตอบและค้อนสายตาให้ด้วย ลืมไปว่าเขาคือผู้กุมคะแนนของตนเองอยู่ เป็นเจ้านาย ไม่ใช่จิมมี่คนเมื่อสามปีก่อนที่จะแสดงออกยังไงก็ได้
คนโดนค้อนพยักหน้าเข้าใจ แต่เป็นไปในทางล้อเลียน "งั้นพี่ไปชงเองดีกว่า กลัวได้รสชาติกาแฟเพี้ยน ๆ อ๊ะไม่ล่ะ! กินถ้วยนี้ก็ได้ เดี๋ยวนักศึกษาฝึกงานจะหมดกำลังใจเสียก่อน ฝึกไม่จบล่ะแย่เลย" เขากล่าว พอไม่ต้องทำแล้วกานณดาก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานประจำของตน จากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบไปอีก
จิมมี่รู้ตัวว่าวันนี้ทำพลาดไป เพราะสาวเจ้าไม่ยอมคุยกับเขาเลย ต่างจากทุกวันที่พูดเจื้อยแจ้ว ถามนั่นถามนี่ตามประสานิสัยใฝ่รู้ ทำยังไงได้ก็เขาหึงเธอ จึงพยายามหาเรื่องชวนคุยอยู่เรื่อย ๆ แต่พอเขาเลิกถามเจ้าตัวก็เงียบ ถามคำตอบคำ หนุ่มลูกครึ่งไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย และร้อนใจ
"น้องกานต์" ชายหนุ่มเรียกชื่อของนักศึกษาฝึกงานคนพิเศษอีก ตั้งแต่เช้ามานี่ไม่รู้ว่าเขาเรียกเธอไปกี่รอบแล้ว คงบ่อยและถี่มาก รับรู้ได้จากการแสดงผ่านทางใบหน้าของหญิงสาวที่มองมา รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อ "เอ่อพี่อยาก... พี่อยากจะขอโทษกานต์น่ะ"
"ขอโทษกานต์ ขอโทษเรื่องอะไรคะ" หญิงสาวแสร้งถาม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าลึก ๆ หล่อนเองก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกันที่เขาไม่พอใจ ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้มาลงใส่ตนเองอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เขาวีนใส่เบา ๆ ในตอนเช้านั่นล่ะกานณดาจึงไม่ยอมพูดคุยด้วย เนื่องจากไม่เข้าใจว่าตนเองไปทำอะไรผิดมา แค่ไม่พิมพ์ตอบกลับไปเมื่อคืนต้องโกรธขนาดนี้เชียว
"ขอโทษเรื่องเมื่อเช้าที่พี่อารมณ์เสียใส่กานต์น่ะ ก็พี่... ก็พี่เห็นกานต์มาถึงตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมเข้าห้องทำงานนี่นา มัวแต่ยืนคุยกับผู้ชาย เอ่อ เอิ่มแบบมัวแต่ยืนคุยกะไอ้กรณ์อยู่ได้" จิมที่เน้นเสียงตรงประโยคชื่อของพนักงานรุ่นน้อง "แล้วเมื่อเช้าใครมาส่งล่ะ เห็นส่งจุ๊บให้กันด้วยแหนะ" ประโยคนี้จิมมี่พูดด้วยใบหน้าละห้อย หญิงสาวจะรู้ไหมว่าเขาจะหนาวสะท้านแค่ไหนหากเธอตอบว่า 'แฟน' สุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมพูดเรื่องที่รบกวนจิตใจมาเกือบครึ่งวัน
กานณดายิ้มค่อนไปทางหัวเราะ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองที่ตนโดนหาเรื่องตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงาน "อย่าบอกว่าหึงกานต์นะคะ" หล่อนตอบทีเล่นทีจริง ยังไม่ยอมบอกความจริงกับเขา "อย่ามาทำหึงกานต์เลย มีพี่นาราอยู่ทั้งคน" หญิงสาวพึมพำ
"อะไรนะ กานต์ว่าอะไรนะเมื่อกี้ พี่ฟังไม่ถนัด"
"เปล่าค่ะ... เมื่อเช้าพี่ชายกานต์มาส่ง พี่กันต์มากรุงเทพฯ ก็เลยอาสามาส่งกานต์ ที่กานต์ส่งจูจุ๊บให้น่ะ กานต์ทำให้หลานชายกานต์ค่ะ ลูกชายพี่กันต์" หญิงสาวอธิบาย สบายใจขึ้นมาดื้อ ๆ และแอบเข้าข้างตนเองว่าเขาหึง "ส่วนพี่กรณ์ กานต์เพิ่งรู้ว่าเขาจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับกานต์ ก็เลยคุยกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องค่ะ"