พ่อค้าแม่ค้าโอด หมูเถื่อนทะลัก ยอดขายลดฮวบ ราคาถูกคนหันซื้อ วอนรัฐเร่งควบคุม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7535404
บุรีรัมย์ พ่อค้าแม่ค้าโอด หมูเถื่อนทะลักเข้าไทยต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายหมูชำแหละลดลงเท่าตัว ประชาชนหันซื้อราคาถูกกว่า วอนรัฐเร่งควบคุม ไมงั้นเขียงหมูอยู่ไม่รอด
28 ก.พ. 66 – บรรยากาศเขียงหมูชำแหละ ตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เงียบเหงา ยอดขายลดลง ถึงแม้ช่วงนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม และเนื้อหมูชำแหละปรับราคาลง 20-30 บาท โดยหมูเป็นหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 82-84 บาท จากเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 110- 115 บาท
ส่วนเนื้อหมูชำแหละหากเป็นสามชั้น หรือ สันคอ ลดเหลือกิโลกรัมละ 200 บาท จากเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 220 บาท สะโพก และขาหน้า ปัจจุบันเหลือกิโลกรัมละ 160 บาท จากก่อนหน้านี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 180 บาท โดยสาเหตุที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม และเนื้อหมูชำแหละราคาถูกลงช่วงนี้ สืบเนื่องมาจากมีหมูเถื่อนจากต่างประเทศทะลักเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดไปรับซื้อมาขายต่อ และขายในราคาถูกกว่าหมูที่เลี้ยงในฟาร์มและชำแหละส่งขายอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน พ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบอาหารขาย รวมถึงประชาชนทั่วไปจึงหันไปซื้อหมูเถื่อนที่นำมาวางขายตามตลาดมากกว่า เพราะมีราคาถูกกว่า
จากการตรวจสอบพบว่าเนื้อหมูเถื่อนที่ขายตามตลาดมีราคากิโลกรัมละ 120 บาทเท่านั้น ถูกกว่าหมูที่ชำแหละขายอย่างถูกต้องได้มาตรฐานกิโลกรัมละ 40 – 60 บาท
น.ส.
กานติมา ไกรสงฆ์ แม่ค้าเขียงหมูชำแหละในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ช่วงก่อนหน้านี้ที่หมูมีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 200-220 บาท ขายไม่ค่อยได้ เพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แต่พอหมูราคาถูกลงก็ยังขายไม่ค่อยได้เหมือนเดิม เพราะแม่ค้าที่ประกอบอาหารขาย และประชาชน ส่วนใหญ่จะหันไปซื้อเนื้อหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่ากิโลกรัมละ 40-60 บาท โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพด้วยซ้ำ
จึงอยากให้ทางภาครัฐหามาตรการสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาขายในประเทศ ไม่งั้นทั้งฟาร์มเลี้ยงขายหมูเป็น และเขียงหมูคงอยู่ไม่รอด เพราะที่ผ่านมาเขียงหมูหลายเจ้าก็ทยอยหยุดขายไปแล้วเพราะสู้ไม่ไหว
ร้านอาหารตามสั่งโคราช โอดก๊าซหุงต้มปรับราคาขึ้นอีก 1 มีค.นี้
https://www.innnews.co.th/news/local/news_508851/
ร้านอาหารตามสั่งโคราชโอด ราคาก๊าซหุงต้มปรับราคาขึ้นอีก 1 มี.ค.นี้ หวังรัฐบาลชุดใหม่ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน
ภายหลังจากที่ กบง.สั่งตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 408 บาทต่อถังจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.66 ก่อนที่วันที่ 1 มี.ค.66 จะมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มอีกครั้งเป็น 423 บาท ซึ่งรวมแล้วในรอบ 1 ปี ก๊าซหุงต้มจะปรับราคาขั้นทั้งหมด 108 บาท
ล่าสุด วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2566) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่ง ในพื้น อ.เมืองนครราชสีมา พบว่าร้านอาหารตามสั่งส่วนใหญ่ ใช้ก๊าซหุงต้มที่มีราคาสูงกว่าที่รัฐบาลประกาศมานานแล้ว อย่างเช่นร้านป๊อปโภชนา ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง อยู่ริมถนนสืบศิริ ซอย 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเข็มชาติ สุวรรณจักร
เจ้าของร้านฯ บอกว่า ร้านของตนเองนั้นใช้ก๊าซหุงต้มมาตั้งแต่ราคาถังละ 200 บาท (ถัง 15 ลิตร) ซึ่งราคาก๊าซหุงต้มก็มีการปรับราคาสูงขึ้นมาต่อเนื่อง จนขณะนี้ร้านขายก๊าซนำมาส่งถัง 15 ลิตร ในราคาถังละ 445 บาท ซึ่งราคาปรับขึ้นเกิน 1 เท่าตัวแล้ว แต่ราคาอาหารตามสั่ง เพิ่งปรับมาได้แค่ไม่กี่บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาก๊าซ และยังมีราคาวัตถุดิบอื่นๆ อีก ที่ปรับราคาขึ้นไม่หยุด
ถ้าครั้งนี้รัฐบาลปรับราคาก๊าซหุงต้นขึ้นอีก ก็คงจะแตะถังละ 500 บาทแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ร้านของตนเองก็คงจะต้องหันไปใช้เตาถ่านแล้ว เพราะไม่กล้าปรับขึ้นราคาค่าอาหาร กลัวว่าลูกค้าจะหนีหายหมด ตอนนี้เหนื่อยใจมาก คาดหวังอะไรจากรัฐบาลไม่ได้แล้ว ก็หวังว่ารัฐบาลชุดต่อไป จะมาช่วยเหลือทำให้ราคาก๊าซหุงต้มถูกลงกว่านี้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเดือดร้อนกันทั่วหน้าแน่.
เพื่อไทยตั้ง เศรษฐา นั่งประธานที่ปรึกษา 'อิ๊งค์' ช่วยดูนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเป็นหลัก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7535841
เพื่อไทยตั้ง เศรษฐา นั่งประธานที่ปรึกษา ‘อิ๊งค์’ ช่วยดูนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเป็นหลัก หลังคาดการณ์กันว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 มี.ค. พรรคเพื่อไทย (พท.) จะแถลงข่าวเปิดตัวนายเ
ศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดังด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นประธานที่ปรึกษา น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยจะเข้ามาให้คำปรึกษานโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก
ทั้งนี้ นาย
เศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับคาดหมายว่าจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่ใกล้มีขึ้น ซึ่งในวันเปิดตัว 1 มี.ค. นอกจากการแถลงข่าวแล้ว นาย
เศรษฐา จะร่วมประชุมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย
สุทิน ซัดรัฐบาลอย่ามองสภาฯ เป็นของเล่น ล้ม 'กม.อุ้มหาย' ทั้งที่เสนอเอง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7535275
สุทิน ซัดรัฐบาลอย่ามองสภาฯ เป็นของเล่น ล้ม ‘กม.อุ้มหาย’ ทั้งที่เสนอเอง เริ่มต้นจากรัฐบาล สับสนโดยรัฐบาล และจบโดยรัฐบาล
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ.2566 ว่า
ล่าสุดขณะมีการอภิปรายมีส.ส.รัฐบาลเข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากประธานสภาฯ รับ การอภิปรายต้องหยุดลง และรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฉะนั้น กฎหมายฉบับนี้จะค้างสภาฯ และทำให้พ.ร.ก.ที่ออกมามีผลบังคับใช้ต่อไป จนกว่าศาลจะวินิจฉัยชี้ขาด หมายความว่าสิทธิ เสรีภาพของประชาชนที่เคยถูกคุ้มครองจะหายไป
ทั้งนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือ เรื่องนี้เริ่มต้นจากรัฐบาล สับสนโดยรัฐบาล และจบโดยรัฐบาล เรื่องนี้ไม่เคยเกิดและไม่น่าเกิด แสดงว่าเอากระบวนการนิติบัญญัติ หรือนิติวิธีของสภาฯ มาเป็นของเล่น เราในฐานะฝ่ายค้านก็สับสนด้วย
“
เราคิดว่าคุณเสนอกฎหมายมา คุณก็ต้องผลักดันกฎหมายคุณ แต่ที่ไหนได้คุณกลับยับยั้งกฎหมายของคุณเอง แสดงว่ารัฐบาลสับสนในตัวเองอย่างหนัก ในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงขอตำหนินายกฯ และฝ่ายกฎหมายคือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และส.ส.รัฐบาลทุกคน ที่ไม่น่าทำให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หมายความว่ากฎหมายนี้ไม่ทันพิจารณาในสมัยประชุมนี้ เพราะเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณาไปสักระยะ ฉะนั้น จึงต้องข้ามไปสมัยหน้า
อย่างไรก็ตามเรื่องพ.ร.ก.เป็นกฎหมายที่หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรออก การออกกฎหมายควรออกโดยกระบวนการของประเทศที่สมบูรณ์ คือผ่านการพิจารณาของทั้ง 2 สภา 6 วาระ แต่พ.ร.ก.ที่รัฐบาลออกเอง ต้องออกในวาระที่จำเป็นที่สุด และรอบคอบที่สุด คุณต้องรับผิดชอบสูงสุด หากเกิดอะไรผิดพลาด
ฉะนั้น วันนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณคิดมาและคิดผิด คือลาออกแล้วยุบสภา และผมคิดว่ารัฐบาลก็คิดเป็นของเล่นอีกว่า ลาออกแล้วยุบสภา วันนี้ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็จะไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะทำอะไรก็ทำได้ ทั้งนี้ นายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ทำให้สภา เสียหายมาจนถึงนาทีสุดท้าย” นาย
สุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีวิธีการแก้เกมอะไรหรือไม่ นาย
สุทิน กล่าวว่า เราคงทำอะไรไม่ได้ เมื่อไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว มีวิธีเดียวคือต้องรอ ราคิดอยู่เหมือนกันว่าเขาจะล้มกฎหมายของเขาเองด้วยวิธีใด เช่น การไม่เป็นองค์ประชุม หรืออาจจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับเขา ทั้งนี้ เรื่องนี้เราทำอะไรไม่ได้ ลำบากอยู่
“โรม”ร้อง “ผบ.ตร.” เอาผิด “ส.ว.ทรงเอ” เตรียมยื่นก.ต.- อสส. เหตุเป็นคดีนอกราชอาณาจักร “บิ๊กเด่น” ยันไม่นิ่งนอนใจ
https://siamrath.co.th/n/426891
วันที่ 28 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.
ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดส.ว.ทรงเอ สืบเนื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
โดยนาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นคนอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ได้อภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ และไทยดำจีนเทา ซึ่งทั้ง 2 เรื่องมีความสำคัญ และวันที่ 28 ก.พ. จะเป็นวันสุดท้ายในสภาชุดนี้ ดังนั้นเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ส.ส.จะไม่มีอีกต่อไป จึงเริ่มต้นด้วยการยื่นหนังสือกับ ผบ.ตร. ซึ่งที่ตนอภิปรายมีหลักฐานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำคดี และเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทั้งกรณีของ ส.ว. ทรงเอ และไทยดำจีนเทาที่เกี่ยวข้องไปถึงนายกรัฐมนตรี
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ได้เตรียมหลักฐานเป็นเอกสารบางส่วนที่ไม่เคยเปิดเผยที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และทราบว่าวันนี้ ผบ.ตร. มาชี้แจง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 และ 2566 จึงต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนตั้งใจจะไปยื่นกับอัยการสูงสุด เนื่องจากบางประเภทคดี เป็นคดีนอกราชอาณาจักร และเกี่ยวข้องสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เนื่องจากมีกรณีที่มีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ
ด้านพล.ต.อ.
ดำรงศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือ พร้อมระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ จะเร่งตรวจสอบดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีที่อภิปรายในครั้งที่แล้ว ขอทำความเข้าใจว่ากรณี ส.ว. ทรงเอ เมื่อพบว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ก็ได้เสนออัยการสูงสุด และได้มอบหมายผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับอัยการสูงสุด ในลักษณะคล้ายกับคดี “ตู้ห่าว” ซึ่งตน ในฐานะหัวหน้าหน่วยได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้า พบว่ากำลังดำเนินการ และได้เร่งรัดให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสรวดเร็ว และให้การสนับสนุนเรื่องการสืบสวน ตนได้แนะนำไปหลายเรื่อง แต่ทางคดี ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ก็เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด
ขณะที่นาย
รังสิมันต์ ย้ำต่อว่า จะนำเรื่องดังกล่าว ไปยื่นต่อผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่าง อัยการสูงสุดต่อไปโดยแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ คดีของหลานพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับคดีตู้ห่าว และคดีของ ส.ว.ทรงเอ ว่าทางเจ้าพนักงานจะดำเนินการอย่างไร เพราะสมัยประชุมกำลังจะหมด เอกสิทธิ์ที่ ส.ส.เคยได้รับการคุ้มครองก็จะหมดไป สิ่งที่ตนทำทั้งหมด หวังว่าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้น คนชั่วจะลอยนวล
JJNY : 6in1 ยอดขายลดฮวบ│โอดก๊าซหุงต้มปรับราคา│พท.ตั้งปธ.ที่ปรึกษา│สุทินซัดรบ.│“โรม”ร้องเอาผิด“ส.ว.ทรงเอ”│มอลโดวากังวล
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7535404
บุรีรัมย์ พ่อค้าแม่ค้าโอด หมูเถื่อนทะลักเข้าไทยต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายหมูชำแหละลดลงเท่าตัว ประชาชนหันซื้อราคาถูกกว่า วอนรัฐเร่งควบคุม ไมงั้นเขียงหมูอยู่ไม่รอด
28 ก.พ. 66 – บรรยากาศเขียงหมูชำแหละ ตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เงียบเหงา ยอดขายลดลง ถึงแม้ช่วงนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม และเนื้อหมูชำแหละปรับราคาลง 20-30 บาท โดยหมูเป็นหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 82-84 บาท จากเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 110- 115 บาท
ส่วนเนื้อหมูชำแหละหากเป็นสามชั้น หรือ สันคอ ลดเหลือกิโลกรัมละ 200 บาท จากเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 220 บาท สะโพก และขาหน้า ปัจจุบันเหลือกิโลกรัมละ 160 บาท จากก่อนหน้านี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 180 บาท โดยสาเหตุที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม และเนื้อหมูชำแหละราคาถูกลงช่วงนี้ สืบเนื่องมาจากมีหมูเถื่อนจากต่างประเทศทะลักเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดไปรับซื้อมาขายต่อ และขายในราคาถูกกว่าหมูที่เลี้ยงในฟาร์มและชำแหละส่งขายอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน พ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบอาหารขาย รวมถึงประชาชนทั่วไปจึงหันไปซื้อหมูเถื่อนที่นำมาวางขายตามตลาดมากกว่า เพราะมีราคาถูกกว่า
จากการตรวจสอบพบว่าเนื้อหมูเถื่อนที่ขายตามตลาดมีราคากิโลกรัมละ 120 บาทเท่านั้น ถูกกว่าหมูที่ชำแหละขายอย่างถูกต้องได้มาตรฐานกิโลกรัมละ 40 – 60 บาท
น.ส.กานติมา ไกรสงฆ์ แม่ค้าเขียงหมูชำแหละในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ช่วงก่อนหน้านี้ที่หมูมีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 200-220 บาท ขายไม่ค่อยได้ เพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แต่พอหมูราคาถูกลงก็ยังขายไม่ค่อยได้เหมือนเดิม เพราะแม่ค้าที่ประกอบอาหารขาย และประชาชน ส่วนใหญ่จะหันไปซื้อเนื้อหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่ากิโลกรัมละ 40-60 บาท โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพด้วยซ้ำ
จึงอยากให้ทางภาครัฐหามาตรการสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาขายในประเทศ ไม่งั้นทั้งฟาร์มเลี้ยงขายหมูเป็น และเขียงหมูคงอยู่ไม่รอด เพราะที่ผ่านมาเขียงหมูหลายเจ้าก็ทยอยหยุดขายไปแล้วเพราะสู้ไม่ไหว
ร้านอาหารตามสั่งโคราช โอดก๊าซหุงต้มปรับราคาขึ้นอีก 1 มีค.นี้
https://www.innnews.co.th/news/local/news_508851/
ร้านอาหารตามสั่งโคราชโอด ราคาก๊าซหุงต้มปรับราคาขึ้นอีก 1 มี.ค.นี้ หวังรัฐบาลชุดใหม่ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน
ภายหลังจากที่ กบง.สั่งตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 408 บาทต่อถังจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.66 ก่อนที่วันที่ 1 มี.ค.66 จะมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มอีกครั้งเป็น 423 บาท ซึ่งรวมแล้วในรอบ 1 ปี ก๊าซหุงต้มจะปรับราคาขั้นทั้งหมด 108 บาท
ล่าสุด วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2566) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่ง ในพื้น อ.เมืองนครราชสีมา พบว่าร้านอาหารตามสั่งส่วนใหญ่ ใช้ก๊าซหุงต้มที่มีราคาสูงกว่าที่รัฐบาลประกาศมานานแล้ว อย่างเช่นร้านป๊อปโภชนา ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง อยู่ริมถนนสืบศิริ ซอย 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเข็มชาติ สุวรรณจักร
เจ้าของร้านฯ บอกว่า ร้านของตนเองนั้นใช้ก๊าซหุงต้มมาตั้งแต่ราคาถังละ 200 บาท (ถัง 15 ลิตร) ซึ่งราคาก๊าซหุงต้มก็มีการปรับราคาสูงขึ้นมาต่อเนื่อง จนขณะนี้ร้านขายก๊าซนำมาส่งถัง 15 ลิตร ในราคาถังละ 445 บาท ซึ่งราคาปรับขึ้นเกิน 1 เท่าตัวแล้ว แต่ราคาอาหารตามสั่ง เพิ่งปรับมาได้แค่ไม่กี่บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาก๊าซ และยังมีราคาวัตถุดิบอื่นๆ อีก ที่ปรับราคาขึ้นไม่หยุด
ถ้าครั้งนี้รัฐบาลปรับราคาก๊าซหุงต้นขึ้นอีก ก็คงจะแตะถังละ 500 บาทแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ร้านของตนเองก็คงจะต้องหันไปใช้เตาถ่านแล้ว เพราะไม่กล้าปรับขึ้นราคาค่าอาหาร กลัวว่าลูกค้าจะหนีหายหมด ตอนนี้เหนื่อยใจมาก คาดหวังอะไรจากรัฐบาลไม่ได้แล้ว ก็หวังว่ารัฐบาลชุดต่อไป จะมาช่วยเหลือทำให้ราคาก๊าซหุงต้มถูกลงกว่านี้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเดือดร้อนกันทั่วหน้าแน่.
เพื่อไทยตั้ง เศรษฐา นั่งประธานที่ปรึกษา 'อิ๊งค์' ช่วยดูนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเป็นหลัก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7535841
เพื่อไทยตั้ง เศรษฐา นั่งประธานที่ปรึกษา ‘อิ๊งค์’ ช่วยดูนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเป็นหลัก หลังคาดการณ์กันว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 มี.ค. พรรคเพื่อไทย (พท.) จะแถลงข่าวเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดังด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นประธานที่ปรึกษา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยจะเข้ามาให้คำปรึกษานโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับคาดหมายว่าจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่ใกล้มีขึ้น ซึ่งในวันเปิดตัว 1 มี.ค. นอกจากการแถลงข่าวแล้ว นายเศรษฐา จะร่วมประชุมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย
สุทิน ซัดรัฐบาลอย่ามองสภาฯ เป็นของเล่น ล้ม 'กม.อุ้มหาย' ทั้งที่เสนอเอง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7535275
สุทิน ซัดรัฐบาลอย่ามองสภาฯ เป็นของเล่น ล้ม ‘กม.อุ้มหาย’ ทั้งที่เสนอเอง เริ่มต้นจากรัฐบาล สับสนโดยรัฐบาล และจบโดยรัฐบาล
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ.2566 ว่า
ล่าสุดขณะมีการอภิปรายมีส.ส.รัฐบาลเข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากประธานสภาฯ รับ การอภิปรายต้องหยุดลง และรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฉะนั้น กฎหมายฉบับนี้จะค้างสภาฯ และทำให้พ.ร.ก.ที่ออกมามีผลบังคับใช้ต่อไป จนกว่าศาลจะวินิจฉัยชี้ขาด หมายความว่าสิทธิ เสรีภาพของประชาชนที่เคยถูกคุ้มครองจะหายไป
ทั้งนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือ เรื่องนี้เริ่มต้นจากรัฐบาล สับสนโดยรัฐบาล และจบโดยรัฐบาล เรื่องนี้ไม่เคยเกิดและไม่น่าเกิด แสดงว่าเอากระบวนการนิติบัญญัติ หรือนิติวิธีของสภาฯ มาเป็นของเล่น เราในฐานะฝ่ายค้านก็สับสนด้วย
“เราคิดว่าคุณเสนอกฎหมายมา คุณก็ต้องผลักดันกฎหมายคุณ แต่ที่ไหนได้คุณกลับยับยั้งกฎหมายของคุณเอง แสดงว่ารัฐบาลสับสนในตัวเองอย่างหนัก ในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงขอตำหนินายกฯ และฝ่ายกฎหมายคือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และส.ส.รัฐบาลทุกคน ที่ไม่น่าทำให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หมายความว่ากฎหมายนี้ไม่ทันพิจารณาในสมัยประชุมนี้ เพราะเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณาไปสักระยะ ฉะนั้น จึงต้องข้ามไปสมัยหน้า
อย่างไรก็ตามเรื่องพ.ร.ก.เป็นกฎหมายที่หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรออก การออกกฎหมายควรออกโดยกระบวนการของประเทศที่สมบูรณ์ คือผ่านการพิจารณาของทั้ง 2 สภา 6 วาระ แต่พ.ร.ก.ที่รัฐบาลออกเอง ต้องออกในวาระที่จำเป็นที่สุด และรอบคอบที่สุด คุณต้องรับผิดชอบสูงสุด หากเกิดอะไรผิดพลาด
ฉะนั้น วันนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณคิดมาและคิดผิด คือลาออกแล้วยุบสภา และผมคิดว่ารัฐบาลก็คิดเป็นของเล่นอีกว่า ลาออกแล้วยุบสภา วันนี้ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็จะไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะทำอะไรก็ทำได้ ทั้งนี้ นายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ทำให้สภา เสียหายมาจนถึงนาทีสุดท้าย” นายสุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีวิธีการแก้เกมอะไรหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เราคงทำอะไรไม่ได้ เมื่อไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว มีวิธีเดียวคือต้องรอ ราคิดอยู่เหมือนกันว่าเขาจะล้มกฎหมายของเขาเองด้วยวิธีใด เช่น การไม่เป็นองค์ประชุม หรืออาจจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับเขา ทั้งนี้ เรื่องนี้เราทำอะไรไม่ได้ ลำบากอยู่
“โรม”ร้อง “ผบ.ตร.” เอาผิด “ส.ว.ทรงเอ” เตรียมยื่นก.ต.- อสส. เหตุเป็นคดีนอกราชอาณาจักร “บิ๊กเด่น” ยันไม่นิ่งนอนใจ
https://siamrath.co.th/n/426891
วันที่ 28 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดส.ว.ทรงเอ สืบเนื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นคนอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ได้อภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ และไทยดำจีนเทา ซึ่งทั้ง 2 เรื่องมีความสำคัญ และวันที่ 28 ก.พ. จะเป็นวันสุดท้ายในสภาชุดนี้ ดังนั้นเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ส.ส.จะไม่มีอีกต่อไป จึงเริ่มต้นด้วยการยื่นหนังสือกับ ผบ.ตร. ซึ่งที่ตนอภิปรายมีหลักฐานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำคดี และเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทั้งกรณีของ ส.ว. ทรงเอ และไทยดำจีนเทาที่เกี่ยวข้องไปถึงนายกรัฐมนตรี
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ได้เตรียมหลักฐานเป็นเอกสารบางส่วนที่ไม่เคยเปิดเผยที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และทราบว่าวันนี้ ผบ.ตร. มาชี้แจง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 และ 2566 จึงต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนตั้งใจจะไปยื่นกับอัยการสูงสุด เนื่องจากบางประเภทคดี เป็นคดีนอกราชอาณาจักร และเกี่ยวข้องสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เนื่องจากมีกรณีที่มีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ
ด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือ พร้อมระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ จะเร่งตรวจสอบดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีที่อภิปรายในครั้งที่แล้ว ขอทำความเข้าใจว่ากรณี ส.ว. ทรงเอ เมื่อพบว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ก็ได้เสนออัยการสูงสุด และได้มอบหมายผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับอัยการสูงสุด ในลักษณะคล้ายกับคดี “ตู้ห่าว” ซึ่งตน ในฐานะหัวหน้าหน่วยได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้า พบว่ากำลังดำเนินการ และได้เร่งรัดให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสรวดเร็ว และให้การสนับสนุนเรื่องการสืบสวน ตนได้แนะนำไปหลายเรื่อง แต่ทางคดี ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ก็เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด
ขณะที่นายรังสิมันต์ ย้ำต่อว่า จะนำเรื่องดังกล่าว ไปยื่นต่อผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่าง อัยการสูงสุดต่อไปโดยแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ คดีของหลานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับคดีตู้ห่าว และคดีของ ส.ว.ทรงเอ ว่าทางเจ้าพนักงานจะดำเนินการอย่างไร เพราะสมัยประชุมกำลังจะหมด เอกสิทธิ์ที่ ส.ส.เคยได้รับการคุ้มครองก็จะหมดไป สิ่งที่ตนทำทั้งหมด หวังว่าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้น คนชั่วจะลอยนวล