สมิงล่าพราน ตอนที่.2(2.2)

กระทู้สนทนา

นิยายเรื่องนี้  ผู้เขียนขอสงวนสิทธิ์มิให้นำไปเผยแพร่ในทุกช่องทาง
ตรัยโศก   ณ  ริมน่าน

ตอนที่2 ชบาผู้น่าสงสาร(2.2)


        ว่าแล้วจันทร์ทาก็จ้ำพรวดตรงไปยังดอนหินปูนตรงหน้าทันที  ข้าพเจ้าหันกลับไปมองเพื่อนทหารคนอื่น ๆ เพื่อขอคำปรึกษา  สายตาและท่าทางยักไหล่ของแต่ละคนเป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่าการพูดว่า

         ‘คุณมืงเป็นหัวหน้า  คุณมืงตัดสินใจเอาเลยครับผม’

        “เอาวะ! มาถึงนี่แล้วก็ไม่มีทางเลือก”  ข้าพเจ้าบ่นกับตัวเอง  ลุกขึ้นแล้วก้าวฉับ ๆ ตามหลังจันท์ทาที่ทิ้งห่างไปพอสมควร  

        “นาย! อย่าเพิ่งเข้ามา!!!”  จันทร์ทาตะโกนบอกดังลั่นพร้อมกับรั้งตัวเองถอยหลังจนสะดุดหงายท้อง  

          แรกทีเดียวข้าพเจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ  อะไร?  เดี๋ยวบอกให้ตามไป  เดี๋ยวบอกว่าอย่าเพิ่ง  จนเมื่อได้ยินเสียงคำรามลั่นก้องสะท้อนออกมาจากภายในโถงใต้เงื้อมหิน  พร้อมกับร่างของนักล่าลายเหลืองดำกระโจนพรวดออกมานั่นล่ะจึงตระหนักถึง

         ปืนในมือของข้าพเจ้าตวัดขึ้นปลดเซฟเล็งอย่างประณีตวาดตามร่างที่ลอยคว้างอย่างสง่างาม   กระทั่งมันลงพื้นนิ้วของข้าพเจ้าก็รั้งไกปืนเข้าหาตัว
เปรี้ยง!  กระสุนนัดนั้นแม่นเหมือนจับวาง  จริงอยู่เองข้าพเจ้าเคยได้ยินมาว่าจะยิงสัตว์สักตัวให้ล้มหรือสิ้นฤทธิ์   เป้าใหญ่อันควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือซอกขาหน้า  แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถทำได้ในเวลานี้  

        ตอนฝึกทหารเป้ากระดาษระยะยี่สิบห้าหลาหรือไกลกว่านั้น  ข้าพเจ้าทำได้ดี  แต่เหยื่อกระสุนคราวนี้มิได้อยู่นิ่งรอให้ยิง  มันเคลื่อนไหวฉับไว  ฉะนั้น  ยิงโดนขาหลังก็นับว่าบุญหัวแล้ว

         ทว่า  สิ่งที่ข้าพเจ้าวาดไว้ในใจกลับตาลปัตร  แทนที่จะเห็นเสือโคร่งตัวนั้นร้องลั่นดิ้นพลาด ๆ เพราะกระสุนปืนของข้าพเจ้าอานุภาพก็ไม่ใช่ย่อย ๆ กลับกลายเป็นว่าบั้นท้ายมันมีอาการสะบัดเพียงเล็กน้อย   เลือดไม่มีกระเซ็นสักหยด  ซ้ำยังหันหน้ามามองพวกเราขู่คำรามแล้วกระโจนหนีไป

         “เกิดอะไรขึ้นจันทร์ทา?  ไหนว่าไอ้เสือเวรตะไรนั่นไม่อยู่กับศพไม่ใช่รึ?”

         “ฉันคาดผิดไปนาย”  จันทร์ทาตอบ  “มันฉลาด  มันรู้ว่าเรามา  มันรอขย้ำเราอยู่  มันรอจังหวะ  มัน...ไม่ใช่เสือธรรมดา!  ตอนฉันเห็นมันตอนแรก  มันไม่ใช่เสือแต่...!!”

        ‘สิ่งที่คร่อมร่างพี่ชายฉันเอาไว้ไม่ใช่เสือแต่เป็นคน  เป็นผู้หญิง  แก้ผ้าแก้ผ่อนไม่อายผีสางเทวดา   เนื้อตัวเจ้าหล่อนขาวโพลนปานหยวกกล้วย แต่มีริ้วรอยคาดดำเต็มพรืดไปหมด  มันเป็นรอยสักหรืออักขระเลขยันต์อะไรสักอย่าง’

         คำพูดของจันทร์แล่นปราดเข้ามาในหัวของข้าพเจ้า  เรื่องราวเมื่อครั้งที่เขาบุกเดี่ยวอย่างห้าวหาญไปช่วยพี่ชายแล้วได้พบกับสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้บนโลกนี้แก่ตาตนเอง

         “หรือว่า...”

        “จริงอย่างที่จันทร์ทามันบอกครับผู้กอง”  ลิ้นข้าพเจ้ายังไม่ทันเข้าปาก  คำถามยังค้างเติ่งไม่จบดี  จ่าหาญก็ร้องบอก  เขาไปอยู่ยังจุดที่เสือใหญ่ตัวนั้นกระโจนลงพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

         “จ่าหมายความว่ายังไง?”  ข้าพเจ้าตั้งกระทู้ทันที  ความจริงในใจอยากจะถามว่าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน  ไม่ใช่ว่าจันทร์ทามันเมาแดดเลยเห็นเสือเป็นอย่างอื่นไปหรือ?   จ่าหาญกวักมือเรียกข้าพเจ้าไปหา  กางมือออกวางทาบกับพื้นดินข้าง ๆ รอยเท้าที่มันทิ้งไว้

         “ดูสิครับผู้กอง  รอยตีนขนาดนี้มีไม่ต่ำกว่าเก้าศอก  ดีไม่ดีโดดไปถึงสิบ  สิบเอ็ดศอกโน่นกระมัง  แล้วสังเกตดูนะครับ  ถ้าเป็นเสือทั่วไปรอยบุ๋มของนิ้วจะมีแค่สี่   แต่ไอ้ตัวนี้มีห้า  อีกอย่าง  ผู้กองก็เห็นกับตาแล้วว่ายิงไม่มันเข้า  ไม่ใช่พลาดแต่โดนจัง ๆ มันทิ้งไว้แต่รอยตีนกับกระจุกขน  เสือโลกไหนทำได้แบบนี้บ้างล่ะครับ?”

       ว่าแล้วจ่าหาญก็หันไปถามจันทร์ทา  คาดคั้นจะเอารายละเอียดเพื่อเสริมความมั่นใจ

       “เมื่อครู่ที่บอกว่าเห็นมันเป็นอย่างอื่นก่อนจะเป็นเสือ  เอ็งเห็นมันเป็นอะไร?  คน? หรือสัตว์อย่างอื่น?”

       “คนนาย...ซ้ำยังเป็นคนที่ฉันรู้จักด้วย”

       จ่าหาญลุกขึ้นเดินไปหาพรานหนุ่มตั้งกระทู้ถามอีกข้อด้วยอาการจริงจัง  “ใคร?”

        “ตามี  พรานคนหนึ่งในหมู่บ้าน  หายเข้าป่าไปร่วมอาทิตย์  เมื่อสามวันก่อน  ชบาลูกสาวของแกอดรนทนไม่ไหวเลยออกจากหมู่บ้านมาตามหาเอง”

         “แล้วเจอมั้ย?”  จ่าหาญถามอีก  ในใจข้าพเจ้าพึมพำว่า  ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

          “ชบามันแอบหนีออกไปตอนเช้า  อาศัยว่าเป็นคนบ้านนี้เลยไม่กลัวหลงป่ากระมัง แต่มันคิดสั้นไป  คิดสั้นตามประสาลูกสาวที่มีพ่อเป็นทุกอย่างในชีวิต  ป่าแห่งนี้ไม่ได้ใจดีให้ความปราณีแก่ใครทั้งนั้น  พอตกบ่ายแก่วันเดียวกัน  ศพตามีก็ถูกหามกลับเข้าหมู่บ้านโดยบรรดาพรานที่ไม่นิ่งนอนใจ  แต่มันสายไปแล้ว...อีชบามันออกไปก่อนหน้า  แล้วก็ไม่รู้ว่ามันไปทางไหนด้วยถึงได้คลาดกัน”

          ความเงียบงันอึดอัดเข้าครอบงำทั่วอาณาบริเวณอยู่พักใหญ่  ข้าพเจ้าเชื่อว่า  นอกจากตัวจันทร์ทาเองแล้ว  คนอื่น ๆ ต่างก็คิดในแบบเดียวกับที่ข้าพเจ้ากลัวจะได้ยิน  แต่จนแล้วจนรอด  จ่าหาญก็ตั้งกระทู้อีกข้อ  คราวนี้เสียงของเขาทุ้มต่ำราวกับจะบอกใบ้เตือนให้จันทร์ทารู้  หากคิดว่าสิ่งที่พูดออกมาพอได้ยินแล้วจะต้องหดหู่ใจก็ไม่ต้องบอก   

          “แล้วคิดว่าพวกเราจะบังเอิญได้เจอแม่สาวชบานั่นรึเปล่า?”

         “เจอนาย”  จันทร์ทาตอบเสียงเรียบ  ทว่าข้าพเจ้าจับความรู้สึกเศร้าหมองได้ในน้ำเสียง   “พวกเราเจอมันแล้ว  นอนอืดอยู่นั่นไง...”  

         ปานฟ้าถล่มดินทลายลงมาทับจนข้าพเจ้าหายใจไม่ออก  แม้จะเดาเอาไว้อยู่บ้างว่าศพที่กำลังส่งกลิ่นในโถงนั้นอาจเป็นเด็กสาว  แต่พอความจริงมันเป็นเช่นนั้น  ข้าพเจ้าก็อดสะอึกจนลืมหายใจไม่ได้  นี่เหล่าเทวดามันนั่งนิ่งหรือหลับตานอนงอก่องอขิงอยู่หรืออย่างไร?  จึงไม่คิดจะปกป้องเด็กผู้หญิงที่ออกมาตามหาพ่อให้พ้นเงื้อมมือมัจจุราช หากจะมาอ้างเวรอ้างกรรมก็รู้จักหากินเองไม่ต้องให้มนุษย์เซ่นสรวง  เพราะให้ไปก็ไร้ประโยชน์  ข้าพเจ้าพาลโกรธไปถึงเทวดาเมื่อเห็นว่าสภาพศพของเด็กสาวอนาถนัยน์ตาเพียงใด

         ร่างที่เริ่มบวม เปลี่ยนสีและส่งกลิ่น  นอนตะแคงคุดคู้ตัวแข็งเนื้อแหว่งวิ่นท้องไส้เหวอะหวะ  ใบหน้าที่บวมฉุตาถลนยังแสดงอาการเจ็บปวดหรือหวาดกลัวก่อนตายให้เห็น  ทั่วอาณาบริเวณในโถงแห่งนั้นเต็มไปด้วยเศษเลือดเศษเนื้อ  ซึ่งอาจเกิดจากเสือตัวนั้นกินด้วยอาการตะกระตะกราม  น่าสงสาร   น่าสงสารนัก   นั่นคือสิ่งเดียวที่ระงมอยู่ในอกข้าพเจ้ายามนี้

          “ช่วยกันเผาศพเธอ  เผาให้หมด  เธอเป็นผู้หญิงคงไม่อยากให้ใครในหมู่บ้านเห็นตัวเองในสภาพนี้  และพวกเราก็ไม่มีเวลามากพอจะหามเอาศพของเธอกลับหมู่บ้านด้วย”   

         ข้าพเจ้าออกคำสั่งเสียงเครือ  ตลอดเวลาหลังจากนั้นก็ได้แต่ยืนดูคนอื่นทำงานโดยที่ไม่ขยับไปไหนสักก้าว  ความเลวร้ายของภารกิจครั้งนี้มิใช่ความเจ็บปวดใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าเอง  หากแต่เป็นความสูญเสีย  ความสูญเสียที่ข้าพเจ้ากลัวว่าจะต้องพบเห็นมันอีกบนหนทางข้างหน้าต่อไป  

         นานตราบเท่าที่เปลวไฟร้อนแรงจะแผดเผาร่างอันน่าสังเวชของสาวน้อยชบาจนเหลือเพียงกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อย   พวกเราไม่ไปไหนกันเลย  จันทร์ทาเขี่ยเอาเศษกระดูกบางชิ้นออกมา  ราดน้ำลงไปพอให้ไอระอุร้อนเบาบางลง  เสร็จแล้วก็จัดการห่อเอาไว้กับเศษผ้าที่ล้วงออกมาจากย่าม

         “สงสารมันน่ะนาย”  จันทร์ทาเอ่ยขณะยืนมองเถ้าถ่านและควันที่ลอยเอื่อย  “ป่านนี้มันจะรู้แล้วหรือยังว่าพ่อมันตายแล้ว”...

       เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบใด ๆ ข้าพเจ้าเข้าใจดี

จบตอนชบาผู้น่าสงสาร

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่