สาปอัปสรานครขอมโบราณ ตอน อวสานสมิงบายันนครอินทร์ (P.1)
ล. วิลิศมาหรา
บนชายหาดริมลำธารแห่งนั้นเอง ใกล้กับต้นตะเคียนสูงที่สะบัดกิ่งใบไหวตามกระแสแรงลม ตะวันได้เห็นรอยลากถูตะกุยตะกาย คล้ายมีการดิ้นรนของอะไรบางอย่าง และมีรอยเลือดหยดเป็นทางหายไปทางป่าละเมาะ เลี้ยวเลาะไปทางซ้ายมือ มุ่งสู่ป่าทึบเบื้องหน้า เหล่าชายฉกรรจ์เดินนำไปโดยนายบ้านคะยอ ชี้ให้คนอื่นดูรอยเลือดที่หยดลงบนใบไม้แห้งและผืนทราย ทั้งหมดติดตามรอยเลือดไปจนถึงบริเวณพื้นดินเปียก และคล้ายแกจะสังเกตเห็นบางอย่างในป่าละเมาะนั้น แกจึงร้องลั่นขึ้น
“มาดูทางนี้กันเร็ว”
แกวิ่งนำไปก่อนพร้อมกับนายพรานเดอโพ ตะวันกับจ่าชิตวิ่งตามไปติด ๆ และถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ตะวันก็อดจะเบือนหน้าหนีไปจากซากของมนุษย์ที่ถูกกัดลำคอเป็นแผลเหวะหวะ ใบหน้าที่เห็นเป็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง ที่นายบ้านชาวกะเหรี่ยงถึงกับร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ
“ไอ้เซก่า” คะยอทรุดตัวลงนั่งข้างซากศพ ส่ายหน้าไปมาอย่างแสนเวทนา เมื่อเห็นว่าเป็นลูกบ้านของตนคนหนึ่ง ที่เพิ่งหายตัวไปจริง ๆ
“มันโดนเสือกัดตายไปอีกคนแล้ว ไอ้เสือตัวนี้ทำไมมันถึงได้ดุร้ายและหิวกระหายขนาดนี้ แค่เดือนนี้เดือนเดียว มันกัดคนไปถึงสองคนแล้ว”
ทุกคนทรุดตัวลงไปดูและต่างมีความเห็นพ้องในทำนองเดียวกัน ร่องรอยบาดแผลที่เห็นตามลำตัวชองชายผู้เคราะห์ร้ายนั้น ต้องเป็นคมเขี้ยวของพยัคฆ์ร้ายอย่างแน่นอน มันจึงกัดกระชากลากร่างของเซก่ามาได้ไกลขนาดนี้
“มีรอยดิ้นรนต่อสู้ของเซก่า เห็นรอยตีนเสืออยู่บนดินเปียกแถวนี้ แต่ดูให้ดี ๆ รอยตีนเสือมันหายไปไหน ไม่มีร่องรอยอะไรอีกเลย ตั้งแต่ตรงนี้ไปจนถึงราวป่า”
หลังพิจารณาดูแล้ว พรานเดอไพที่ลุกเดินไปดูจนถึงราวป่าเบื้องหน้า ก็กลับมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ดูเหมือนพอเสือมันคาบเซก่ามาถึงตรงนี้ มันก็ผละหนีไปเฉย ๆ ทำไมมันไม่คาบเหยื่อเข้าไปกินในป่าด้วย มันคงลากเซก่ามาเซ่นสังเวยอะไรมากกว่า”
นั่นมันเป็นคำพึมพำที่ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่านายบ้านคะยอกำลังพูดถึงอะไรอยู่ พร้อมกันนั้นก็เหมือนสิ่งอื่นจะร่วมรับรู้ไปกับนัยยะของคำพูดนั้นด้วย กิ่งตะเคียนสูงจึงสั่นไหวดังซู่ขึ้นทำเอาทุกคนสะดุ้ง
“เก็บซากของเซก่าไปก่อนดีกว่า เรื่องล่าไอ้เสือสมิงค่อยว่ากันทีหลัง”
คะยอหันไปสั่งชายฉกรรจ์ชาวบ้าน ไม่มีใครคัดค้านความคิดของแกแต่ประการใด ด้วยต่างรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะยังอยู่กันตรงนี้กันต่ออีก ช่วยกันหามร่างของเซก่ากลับเข้าไปในหมู่บ้าน และตอนที่เดินผ่านต้นตะเคียนต้นนั้น หางตาของตะวันก็คล้ายมองเห็นร่างเลือนรางของผีสาวปรากฏตัวอยู่ที่โคนต้นตะเคียน แต่เห็นได้ไม่ชัดนัก ชายหนุ่มขนลุกเกรียวขึ้นมา สะกิดจ่าชิตที่เดินอยู่ด้านข้าง พลางบุ้ยปากไปทางต้นตะเคียน เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ที่นั่น จ่าชิตหันไปดูแล้วเบือนหน้ามาบอกตะวันด้วยสุ้มเสียงกระซิบที่เครียดเข้มขึ้น
“นางตะเคียนมันจับจ้องมองเราอยู่ อาถรรพ์ของมันแข็งกล้ามาก จนแม้กระทั่งแสดงตัวออกมาตอนกลางวันแบบนี้ได้”
คะยอและพรานเดอโพก็คงรู้สึกได้เช่นเดียวกัน เขากับกลุ่มชาวบ้านรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หวังเข้าไปในหมู่บ้านให้เร็วที่สุด
พื้นที่ราบของที่ลานใจกลางหมู่บ้าน พวกชาวบ้านต่างมามุงดูซากศพของเซก่า ที่นับว่าเป็นศพที่สองแล้วสำหรับไม่กี่เดือนมานี้ หลังจากมีคนหายไปจากหมู่บ้าน แล้วพบว่าถูกเสือกัดตายอยู่ในลำห้วยข้างหน้า แม่เฒ่ายีบาพาร่างงองุ้มของแกเข้ามายืนมองดูด้วยสีหน้าที่สังเวชใจ
“ต้องเป็นฝีมือของไอ้สมิงตัวนั้นแน่”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่มามุงดูพูดขึ้นมา เขาคงเป็นญาติพี่น้องของเซก่าจึงมีสีหน้าท่าทางทั้งเคียดแค้นและเสียใจ ขณะก้มลงดูซากร่างที่ลำคอมีร่องรอยถูกกัดจากคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย แม่เฒ่ายีบามีสีหน้าที่เรียบขรึม สายตาบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ อันที่จริงแกเคยเห็นความตายมามากแล้ว ผ่านวัยอันแก่ชราของตัวเอง แต่การตายโดยผิดธรรมชาติของชาวบ้าน ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับลูกชายในไส้ก็คงทำให้ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่คิดว่าอาจเป็นเสือตัวอื่นมากัดมันมั่งเรอะ” เสียงแหบแห้งของแกเอ่ยออกมา
“จะมีเสือตัวไหนอีกล่ะ แม่หมอ หมู่บ้านเราไม่เคยมีเสือมาเพ่นพ่านเป็นสิบปีแล้วนะ เพิ่งจะมีเสือมากัดคนตายก็ตอนที่เจ้าอ่องแลมันอายุครบยี่สิบปีนี่เองไม่ใช่เหรอ หรือแม่หมอจะเถียง”
ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงกระชากห้วน แม่หมอถึงกับอึ้งไปกับคำพูดยอกย้อนของอีกฝ่าย คล้ายจะนึกหาคำพูดมาแก้ต่างให้ลูกชายของตัวเองไม่ทัน เพราะมันก็มีหลักความจริงอยู่ในนั้น ซ้ำร้ายตัวของแม่หมอเองก็ไม่สามารถบอกออกมาได้ว่าอ่องแลมิใช่สายเลือดบายันอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะจนบัดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าใครคือผู้เป็นบิดาตัวจริงของอ่องแล มีเพียงแค่แม่หมอยอมเปิดปากยอมรับว่าอ่องแลคือลูกชายของแกเท่านั้นเอง
“ลูกสาวของแม่หมอเองก็ถูกเสือกัดตาย แม่หมอน่าจะรู้ดีที่สุด” ชาวบ้านอีกคนพูดเสริมขึ้นมา
“ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าขิ่นยอถูกเสือสมิงกัดตายเลยนะ”
“ก็ถ้างั้นทำไมถึงมีคนเห็นผีของขิ่นยอขี่อยู่บนหลังเสือล่ะ ถ้ามันไม่ใช่เสือสมิง และขิ่นยอไม่ใช่บริวารนางตะเคียนของมัน”
นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านสรุปได้ว่าขิ่นยอถูกเสือสมิงกัดตาย แต่ในความคิดของตะวันแล้ว เขากลับคิดว่า ถ้านางตะเคียนขิ่นยอตกเป็นบริวารของเสือสมิงจริง เธอก็ไม่น่าจะขึ้นไปขี่อยู่บนหลังของผู้เป็นนาย แต่สิ่งที่ชาวบ้านเล่าลือมา มันคล้ายกับว่าขิ่นยอเองจะเป็นผู้บังคับบัญชาเสือตัวนั้นเสียมากกว่า ผีที่ถูกเสือกัดตายจะไม่อาฆาตมาดร้ายเคียดแค้นต่อเสือเลยเชียวหรือ
จ่าชิตเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน
“หมายความว่าถ้าใครถูกเสือสมิงกัดตายก็จะกลายมาเป็นบริวารของเสือสมิงใช่ไหมล่ะ ผมว่าดูเหมือนขิ่นยอจะใช้ให้เสือมากัดคนเสียมากกว่านะครับ”
“เสือมันลากเอาคนไปเซ่นสังเวยให้แก่นางตะเคียนน่ะสิ”
มีเสียงพูดแทรกดังระงมขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บัดนี้ทั้งลูกสาวและลูกชายของหมอผีประจำเผ่า ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน กลับกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวอันตรายต่อชาวบ้านไปเสียเอง
“ถ้างั้นก็ต้องโค่นต้นตะเคียนต้นนั้นทิ้ง แม่หมอต้องจัดการกับนางตะเคียนนะ มันนั่นแหละเป็นตัวการให้เสือมาอาละวาดในหมู่บ้านของเรา”
ติดตามเรื่องราวต่อได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
https://youtu.be/PO17XURKkR0
สาปอัปสรานครขอมโบราณ ตอน อวสานสมิงบายันนครอินทร์ (P.1)
“มาดูทางนี้กันเร็ว”
แกวิ่งนำไปก่อนพร้อมกับนายพรานเดอโพ ตะวันกับจ่าชิตวิ่งตามไปติด ๆ และถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ตะวันก็อดจะเบือนหน้าหนีไปจากซากของมนุษย์ที่ถูกกัดลำคอเป็นแผลเหวะหวะ ใบหน้าที่เห็นเป็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง ที่นายบ้านชาวกะเหรี่ยงถึงกับร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ
“ไอ้เซก่า” คะยอทรุดตัวลงนั่งข้างซากศพ ส่ายหน้าไปมาอย่างแสนเวทนา เมื่อเห็นว่าเป็นลูกบ้านของตนคนหนึ่ง ที่เพิ่งหายตัวไปจริง ๆ
“มันโดนเสือกัดตายไปอีกคนแล้ว ไอ้เสือตัวนี้ทำไมมันถึงได้ดุร้ายและหิวกระหายขนาดนี้ แค่เดือนนี้เดือนเดียว มันกัดคนไปถึงสองคนแล้ว”
ทุกคนทรุดตัวลงไปดูและต่างมีความเห็นพ้องในทำนองเดียวกัน ร่องรอยบาดแผลที่เห็นตามลำตัวชองชายผู้เคราะห์ร้ายนั้น ต้องเป็นคมเขี้ยวของพยัคฆ์ร้ายอย่างแน่นอน มันจึงกัดกระชากลากร่างของเซก่ามาได้ไกลขนาดนี้
“มีรอยดิ้นรนต่อสู้ของเซก่า เห็นรอยตีนเสืออยู่บนดินเปียกแถวนี้ แต่ดูให้ดี ๆ รอยตีนเสือมันหายไปไหน ไม่มีร่องรอยอะไรอีกเลย ตั้งแต่ตรงนี้ไปจนถึงราวป่า”
หลังพิจารณาดูแล้ว พรานเดอไพที่ลุกเดินไปดูจนถึงราวป่าเบื้องหน้า ก็กลับมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ดูเหมือนพอเสือมันคาบเซก่ามาถึงตรงนี้ มันก็ผละหนีไปเฉย ๆ ทำไมมันไม่คาบเหยื่อเข้าไปกินในป่าด้วย มันคงลากเซก่ามาเซ่นสังเวยอะไรมากกว่า”
นั่นมันเป็นคำพึมพำที่ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่านายบ้านคะยอกำลังพูดถึงอะไรอยู่ พร้อมกันนั้นก็เหมือนสิ่งอื่นจะร่วมรับรู้ไปกับนัยยะของคำพูดนั้นด้วย กิ่งตะเคียนสูงจึงสั่นไหวดังซู่ขึ้นทำเอาทุกคนสะดุ้ง
“เก็บซากของเซก่าไปก่อนดีกว่า เรื่องล่าไอ้เสือสมิงค่อยว่ากันทีหลัง”
คะยอหันไปสั่งชายฉกรรจ์ชาวบ้าน ไม่มีใครคัดค้านความคิดของแกแต่ประการใด ด้วยต่างรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะยังอยู่กันตรงนี้กันต่ออีก ช่วยกันหามร่างของเซก่ากลับเข้าไปในหมู่บ้าน และตอนที่เดินผ่านต้นตะเคียนต้นนั้น หางตาของตะวันก็คล้ายมองเห็นร่างเลือนรางของผีสาวปรากฏตัวอยู่ที่โคนต้นตะเคียน แต่เห็นได้ไม่ชัดนัก ชายหนุ่มขนลุกเกรียวขึ้นมา สะกิดจ่าชิตที่เดินอยู่ด้านข้าง พลางบุ้ยปากไปทางต้นตะเคียน เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ที่นั่น จ่าชิตหันไปดูแล้วเบือนหน้ามาบอกตะวันด้วยสุ้มเสียงกระซิบที่เครียดเข้มขึ้น
“นางตะเคียนมันจับจ้องมองเราอยู่ อาถรรพ์ของมันแข็งกล้ามาก จนแม้กระทั่งแสดงตัวออกมาตอนกลางวันแบบนี้ได้”
คะยอและพรานเดอโพก็คงรู้สึกได้เช่นเดียวกัน เขากับกลุ่มชาวบ้านรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หวังเข้าไปในหมู่บ้านให้เร็วที่สุด
พื้นที่ราบของที่ลานใจกลางหมู่บ้าน พวกชาวบ้านต่างมามุงดูซากศพของเซก่า ที่นับว่าเป็นศพที่สองแล้วสำหรับไม่กี่เดือนมานี้ หลังจากมีคนหายไปจากหมู่บ้าน แล้วพบว่าถูกเสือกัดตายอยู่ในลำห้วยข้างหน้า แม่เฒ่ายีบาพาร่างงองุ้มของแกเข้ามายืนมองดูด้วยสีหน้าที่สังเวชใจ
“ต้องเป็นฝีมือของไอ้สมิงตัวนั้นแน่”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่มามุงดูพูดขึ้นมา เขาคงเป็นญาติพี่น้องของเซก่าจึงมีสีหน้าท่าทางทั้งเคียดแค้นและเสียใจ ขณะก้มลงดูซากร่างที่ลำคอมีร่องรอยถูกกัดจากคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย แม่เฒ่ายีบามีสีหน้าที่เรียบขรึม สายตาบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ อันที่จริงแกเคยเห็นความตายมามากแล้ว ผ่านวัยอันแก่ชราของตัวเอง แต่การตายโดยผิดธรรมชาติของชาวบ้าน ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับลูกชายในไส้ก็คงทำให้ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่คิดว่าอาจเป็นเสือตัวอื่นมากัดมันมั่งเรอะ” เสียงแหบแห้งของแกเอ่ยออกมา
“จะมีเสือตัวไหนอีกล่ะ แม่หมอ หมู่บ้านเราไม่เคยมีเสือมาเพ่นพ่านเป็นสิบปีแล้วนะ เพิ่งจะมีเสือมากัดคนตายก็ตอนที่เจ้าอ่องแลมันอายุครบยี่สิบปีนี่เองไม่ใช่เหรอ หรือแม่หมอจะเถียง”
ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงกระชากห้วน แม่หมอถึงกับอึ้งไปกับคำพูดยอกย้อนของอีกฝ่าย คล้ายจะนึกหาคำพูดมาแก้ต่างให้ลูกชายของตัวเองไม่ทัน เพราะมันก็มีหลักความจริงอยู่ในนั้น ซ้ำร้ายตัวของแม่หมอเองก็ไม่สามารถบอกออกมาได้ว่าอ่องแลมิใช่สายเลือดบายันอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะจนบัดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าใครคือผู้เป็นบิดาตัวจริงของอ่องแล มีเพียงแค่แม่หมอยอมเปิดปากยอมรับว่าอ่องแลคือลูกชายของแกเท่านั้นเอง
“ลูกสาวของแม่หมอเองก็ถูกเสือกัดตาย แม่หมอน่าจะรู้ดีที่สุด” ชาวบ้านอีกคนพูดเสริมขึ้นมา
“ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าขิ่นยอถูกเสือสมิงกัดตายเลยนะ”
“ก็ถ้างั้นทำไมถึงมีคนเห็นผีของขิ่นยอขี่อยู่บนหลังเสือล่ะ ถ้ามันไม่ใช่เสือสมิง และขิ่นยอไม่ใช่บริวารนางตะเคียนของมัน”
นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านสรุปได้ว่าขิ่นยอถูกเสือสมิงกัดตาย แต่ในความคิดของตะวันแล้ว เขากลับคิดว่า ถ้านางตะเคียนขิ่นยอตกเป็นบริวารของเสือสมิงจริง เธอก็ไม่น่าจะขึ้นไปขี่อยู่บนหลังของผู้เป็นนาย แต่สิ่งที่ชาวบ้านเล่าลือมา มันคล้ายกับว่าขิ่นยอเองจะเป็นผู้บังคับบัญชาเสือตัวนั้นเสียมากกว่า ผีที่ถูกเสือกัดตายจะไม่อาฆาตมาดร้ายเคียดแค้นต่อเสือเลยเชียวหรือ
จ่าชิตเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน
“หมายความว่าถ้าใครถูกเสือสมิงกัดตายก็จะกลายมาเป็นบริวารของเสือสมิงใช่ไหมล่ะ ผมว่าดูเหมือนขิ่นยอจะใช้ให้เสือมากัดคนเสียมากกว่านะครับ”
“เสือมันลากเอาคนไปเซ่นสังเวยให้แก่นางตะเคียนน่ะสิ”
มีเสียงพูดแทรกดังระงมขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บัดนี้ทั้งลูกสาวและลูกชายของหมอผีประจำเผ่า ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน กลับกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวอันตรายต่อชาวบ้านไปเสียเอง
“ถ้างั้นก็ต้องโค่นต้นตะเคียนต้นนั้นทิ้ง แม่หมอต้องจัดการกับนางตะเคียนนะ มันนั่นแหละเป็นตัวการให้เสือมาอาละวาดในหมู่บ้านของเรา”
ติดตามเรื่องราวต่อได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ https://youtu.be/PO17XURKkR0