.
.
These superpigs are an enormous
hybrid speciesof the feral pigs laying
sieging upon places like California
© Ed Van Duijn via Unsplash
.
.
Super pigs from Canada
could soon invade US
.
.
.
สหรัฐอเมริกา เผชิญกับภัยคุกคามใหม่
จาก ซุปเปอร์หมู/หมูป่ายักษ์ ของแคนาดา
พวกมันฉลาดอย่างเหลือเชื่อและเข้าใจยาก
รัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา
เริ่มตื่นตัวต่อการบุกรุกของหมูป่าพันธุ์ผสม
ที่คุกคามพืชและสัตว์ และยากที่จะหยุดยั้ง
เป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้ว
ที่หมูป่าทำลายพืชและสัตว์ในสหรัฐอเมริกา
พวกมันกัดกินพืชผล แพร่เชื้อโรค
และแม้กระทั่งฆ่ากวางและกวางเอลก์
ในขณะนี้ ความกลัวเกี่ยวกับศักยภาพ
ของผลกระทบของหมูในสหรัฐฯ เริ่มมากขึ้น
อเมริกาเหนือก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามใหม่
ที่มาจาก หมูป่ายักษ์ของแคนาดา
ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์
ที่ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ เข้าใจยาก
สามารถอยู่รอดได้ภายใต้สภาพอากาศ
ที่หนาวเย็นด้วยการขุดอุโมงค์ใต้หิมะ
และพร้อมที่จะแทรกซึมเข้ามา
ในตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา
การเกิดขึ้นมาของสิ่งที่เรียกว่า หมูป่ายักษ์
เป็นผลมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์
ระหว่างหมูบ้านกับหมูป่า
เพื่อสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพกว่าเดิม
จุดประสงค์แรกไว้ใช้ในการล่าสัตว์
ที่ได้ใบอนุญาตล่าสัตว์
หมูป่าไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา
แต่ได้สร้างความเสียหาย
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
มีการประมาณการว่า
หมูป่าดุร้ายประมาณ 6 ล้านตัว
ในประเทศจะสร้างความเสียหาย
ราว ๆ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
ในบางพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา
มีการตั้งเป้าว่าจะฆ่าหมูป่าทั้งหมด
โดยมีคนยอมจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์
เพื่อฆ่าหมูป่าและยิงทิ้งด้วยปืนกล
แต่โดยรวมแล้ว ผลกระทบของหมู
ที่มีการนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกา
ในศตวรรษที่ 16 เป็นไปในเชิงลบอย่างมาก
เพราะหมูไม่ที่ไม่รู้จักแยกแยะ(คัดสายพันธุ์)
ได้แพร่ระบาดกระจายไปทั่วประเทศ
“ เราเห็นการแข่งขันกันโดยตรง
สำหรับสายพันธุ์พื้นเมืองของเรา
ที่เลี้ยงกันเพื่อทำเป็นอาหาร
เมื่อเทียบกับหมูป่าที่เป็นนักล่า
ที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
พวกมันจะฉวยโอกาสหาสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่
และตัวผู้ที่มีเขี้ยวยาวจะสามารถวิ่งไล่กัด
และคว้าเหยื่อของมันงับด้วยปากได้
พวกมันจะฆ่ากวางที่อายุน้อย
เป็นที่รู้กันว่าเป็นสัตว์นักล่าในรัง
จึงส่งผลกระทบต่อไก่งวงและลูกนกกระทา
หมูป่าสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่การกินพืชผลของชาวไร่ชาวนาในพื้นที่
ไปจนถึงการทำลายต้นไม้ สร้างมลพิษทางน้ำ
นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
และความปลอดภัยของมนุษย์
หมูเป็นหม้อต้มขนาดใหญ่
ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัส
เช่น ไข้หวัด ซึ่งติดต่อสู่คนได้
National Geographic รายงานว่า
หมูมีศักยภาพในการ
สร้างไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ซึ่งอาจแพร่กระจายสู่มนุษยชาติได้
บันทึกแรกเกิดของหมูในสหรัฐอเมริกา
มาจากภาคพื้นทวีปยุโรป
ในปี ค.ศ. 1539 เมื่อนักสำรวจชาวสเปน
Hernando De Soto landed
ขึ้นฝั่งที่ Florida พร้อมกับผู้ติดตาม
และมีหมูบนเรือลำนั้นเพียง 13 ตัว
ในระหว่างการเดินทางสำรวจ 4 ปี
Hernando De Soto landed
ได้สั่งฆ่าชาวอเมริกันพื้นเมืองหลายพันคน
แล้วประกาศตัวเองว่าเป็น
บุตรแห่งดวงอาทิตย์ ที่เป็นอมตะ
แต่แล้วตายด้วยโรคไข้ป่า
ในเวลาเดียวกัน
จำนวนหมูเพิ่มขึ้นประมาณ 700 ตัว
แล้วแพร่กระจายไปทั่ว เดินทางข้ามรัฐ
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
แต่เมื่อไม่นานมานี้
ที่พวกหมูเริ่มกลายเป็นปัญหา
พวกมันใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 ทศวรรษก่อน
เราเริ่มเห็นการเดินทางอย่างรวดเร็ว
ของพวกหมูป่าในพื้นที่
ที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน
สาเหตุมาจากการจงใจปล่อยหมูป่า
โดยผู้ที่ต้องกาสร้างจำนวนหมูป่าที่ถูกล่า
หมูป่าจะถูกวางยาสลบ/เคลื่อนย้ายไปมา
ซึ่งในบางพื้นที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย
และถูกทิ้งไว้ในพื้นที่เพื่อเพิ่มจำนวน
และนั่นคือ จุดที่เราเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
จำนวนหมูป่าในสหรัฐอเมริกา
เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 ล้านตัวใน 34 รัฐ
หมูป่าโดยทั่วไปมีน้ำหนักโดยเฉลี่ย
ระหว่าง 75-250 ปอนด์ (34-113.4 กิโลกรัม)
แต่อาจจะมีน้ำหนักมากกว่า 2 เท่าก็ได้
ตามข้อมูลของ USDA
มีความสูง 3 ฟุตและยาว 5 ฟุต
พวกมันเป็นศัตรูตัวฉกาจของพืชและสัตว์ต่าง ๆ
แม้ว่าทีมงานของ Marlow
จะสามารถกำจัดหมูป่าได้ใน 7 รัฐ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แต่กลายเป็นความหวังลมลมแล้งแล้ง
ที่จะกำจัดหมูป่าให้ให้หมดไปได้
เพราะยังมีความกังวลต่อผลกระทบ
ที่อาจเกิดขึ้นจากโรคที่เกิดจากหมู
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู
(คนกินแล้วไม่ตายก็เจ็บป่วย)
โรคนี้มักทำให้หมูตายเสมอ
ในประเทศจีนซึ่งเลี้ยงหมูมากกว่า 400 ล้านตัว
คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูทั่วโลก
โรคอหิวาต์หมูแอฟริกันได้ทำลายล้าง
จำนวนหมูไปกว่า 30% ในปี 2018 และ 2019
มีการตรวจพบในยุโรปบางประเทศด้วย
แต่ยังไม่มีรายงานตรวจพบในสหรัฐอเมริกา "
Michael Marlow ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ
จัดการความเสียหายของสุกรดุร้ายแห่งชาติ
ของกรมวิชาการเกษตร กล่าวสรุป
.
.
แต่สิ่งที่ Ryan Brook ผู้นำโครงการวิจัย
หมูป่าแคนาดาของมหาวิทยาลัย Saskatchewan ได้กล่าวสรุปว่า
" ในแคนาดา ปัญหาเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา
หมูป่าเป็นปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
จนกระทั่งถึงปี 2002
แทบจะไม่มีหมูป่าในประเทศเลย
แต่จำนวนหมูป่าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
ขณะนี้หมูป่าเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วแคนาดา
ทุก ๆ 1 ตารางกิโลเมตร (625 ไร่ป
โดยส่วนใหญ่อยู่ใน Alberta
Manitoba และ Saskatchewan
หมูป่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
ที่รุกรานได้ง่ายที่สุดในโลก
พวกมันฉลาดอย่างเหลือเชื่อ
พวกมันเข้าใจยากมาก
และเมื่อมีแรงกดดันใด ๆ เป็นกัยพวกมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้คนเริ่มล่าพวกมัน
พวกมันจะออกหากินเวลากลางคืน
และพวกมันจะเข้าใจยากมาก (ว่าจะสู้หรือหนี)
พวกมันซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบปกคลุม
และพวกมันหายไปในพื้นที่ชุ่มน้ำ
และพวกมันหลบซ่อนตัวได้เก่งมาก
การเกิดขึ้นของ หมูป่ายักษ์
สร้างขึ้นโดยเกษตรกรที่ผสมข้ามพันธุ์
ระหว่างหมูป่ากับหมูบ้านในช่วงปี 1980
ผลที่ได้คือ หมูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ให้เนื้อมากขึ้น และง่ายต่อการยิงของคน
ในเขตสงวนการล่าสัตว์ของแคนาดา
หมูเหล่านี้ถุกปล่อยเสรีในป่า
และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วแคนาดา
โดยหมูป่ายักษ์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เป็นสายพันธุ์ที่เก่งกาจอย่างเหลือเชื่อ
โดยที่ความใหญ่ยักษ์ของพวกมัน
หมู 1 ตัวมีน้ำหนักมากกว่า
300 กก.(661ปอนด์)
ทำให้มันสามารถอยู่รอดได้
ทางตะวันตกของแคนาดาในฤดูหนาว
ซึ่งอุณหภูมิจะติดลบถึง -50 องศาเซลเซียส
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในเวลานั้นมักพูดว่า
ไม่ต้องกังวลไปเลย
ถ้าหมูป่าหรือหมูเลี้ยงหนีออกจากฟาร์ม
ไม่มีทางที่พวกมันจะอยู่รอดได้ในฤดูหนาว
ทางตะวันตกของแคนาดา พวกมันจะแข็งตาย
กลับกลายเป็นว่าขนาดตัวใหญ่ของพวกมัน
กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก
ในการอยู่รอดท่ามกลางความหนาวเย็น
พวกหมูเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศเลวร้าย
ด้วยการขุดอุโมงค์ใต้หิมะสูงถึง 2 เมตร
พวกมันสร้างถ้ำหิมะ ด้วยการใช้เขี้ยวที่คมกริบ
กัดพืชประเภทธูปฤาษี [พืชพื้นเมือง]
แล้ววางกั้นรอบถ้ำด้วยธูปฤาษี
เพื่อทำให้เป็นชั้นฉนวนที่อบอุ่นเวลาอยู่ข้างใน
ความจริงแล้ว ข้างในถ้ำของพวกมันอุ่นมาก
และนั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราใช้
ในการค้นหาพวกหมูป่าเหล่านี้
คือ การบินเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า
เมื่ออากาศหนาวจัดกว่า -30 C
จะเห็นไอน้ำพวยพุ่งออกมาด้านบนของหิมะ
แสดงว่ามีฝูงหมูป่าอยู่ข้างในนี้
(แล้วจัดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกมันทั้งหมด)
แม้ว่ามีความพยายามกำจัดพวกมันหลายครั้ง
นักวิทยาศาสตร์/นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา/แคนาดา
ประสบความสำเร็จในการจับเป็น
หมูป่ายักษ์ด้วยกับดักขนาดใหญ่
ในขณะที่ความพยายามของสหรัฐฯ
บางครั้งก็ประสบผลสำเร็จในการวางพิษหมูป่า
มีอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลในสหรัฐอเมริกา
นั่นคือ การใช้ หมูจูดาส
(คนทรยศชี้เป้าพระเยซูให้ทหารโรมันจับกุม)
หมูป่าโดดเดี่ยวถูกจับและสวมปลอกคอ GPS
จากนั้นปล่อยสู่ธรรมชาติ โดยหวังว่า
มันจะเข้าร่วมกับฝูงหมูป่าโดยไม่เป็นที่สงสัย
แนวคิดนี้คือ ปล่อยหมูป่าที่ถูกจับได้ออกไป
แล้วปล่อยพวกมันเข้าป่าไปหาฝูงหมูป่า
แล้วมันก็จะไปหาหมูป่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
(คนก็ตามไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หมูป่า)
เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย
ในการจัดการกับปัญหาหมูป่า
แต่ความพยายามที่แท้จริงนั้น
เป็นเรื่องของการจัดการความเสียหาย
ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(หมูป่า)
ที่ไม่ใช่เจ้าของถิ่นพื้นที่เหล่านี้
มากกว่าการที่จะกำจัดหมูป่าทั้งหมด
โดยเฉพาะในแคนาดา
โอกาสนั้นจบสิ้นลงแล้ว (สายเสียแล้ว)
ความเป็นไปได้คือ
อย่างช้าที่สุดในปี 2010 ถึง 2012
อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
มีโอกาสจะค้นหาและกำจัดให้หมดสิ้น
แต่ในตอนนี้
พวกมันแพร่หลายและมีจำนวนมากมาย
แน่นอนว่าปลายปี 2018 หรือ 19
เลิกพูดได้เลยว่า การกำจัดนั้นเป็นไปได้
เพราะพวกมันตั้งตัวได้แล้ว ย้ายเข้ามาแล้ว
และจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกยาวนาน
กว่าจะกำจัดหมดได้ "
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3INyGSp
https://bit.ly/3Kqx95X
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
หมู เป็นสัตว์สองกีบสี่เท้า
แดx ได้ทุกอย่าง ไม่เลือกกิน
เหมือนกับสัตว์มีกีบประเภทอื่น ๆ
ศาสนายูดาห์(ยิว) ห้ามกินหมู
อ้างว่าสกปรก พระเจ้าห้าม
เพราะส่วนหนึ่งในช่วงสงครามระหว่างกัน
หมู กับ หมา จะกินศพนักรบในสนามรบ
ทำให้เกิดอาการสา(ไม่สบายใจ) ถ้ากิน
เลยห้ามไว้ในคัมภีร์ศาสนาและต่อ ๆ มา
ทำให้คนนับถือศาสนายิวไม่กินกัน
แต่มีบางพื้นที่อนุโลมให้กินได้
ด้วยการอ้างว่า อาหารขาดแคลน
ทุกอย่างพระเจ้าสร้าง เลยกินได้
และมีข้อยกเว้นถ้ามีเหตุจำเป็น
หมูเป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์เร็วมาก
เกิดลูกครอกหนึ่ง ๆ ราว 8-12 ตัว
จนมีคำแซวในวงการเล่นพระเครื่องว่า
เสือเกิดปีละตัวสองตัว
หมูเกิดปีละสองสามครอก
ยังไง ๆ วงการนี้ หมูก็มากกว่าเสือ
หมูทำอะไรกินก็อร่อย
เพราะมีชั้นไขมันที่แทรกในเนื้อ
ทำให้เคี้ยวได้นุ่มชุ่มชื่นปากกว่าเนื้ออื่น
ที่มักจะไม่มีชั้นไขมันแทรกมากกว่าหมู
น้ำมันหมูทอดไข่ดาว ทำข้าวผัด
จะดีกิน หรอยอย่างแรง
แต่พอมีงานวิจัยต่าง ๆ
ห้ามเรื่องกินน้ำมันหมูมาก
เลยไม่ค่อยมีร้านอาหารผัดทอดกับน้ำมันหมู
แต่บางแห่งมักจะใช้น้ำมันหมูในการทำอาหาร
การยิงหมูป่า=มวลสารxความเร่ง
อันตรายยิ่งนัก ตาย>เจ็บ
หมูป่าจะมีขนสามเส้นงอกในรูเดียวกัน
มีทั้งหมูขุน/ของป่าดั้งเดิม
เนื้อมักจะสาบต้องหนักเครื่องเทศ
แต่มีความเสี่ยงถ้าคิดจะกิน
เพราะบางตัวมีเชื้อโรคติดต่อ
หรือกินอาหารบางอย่างเข้าไป
หมูกินไม่เป็นไร แต่คนกินชักตาตั้ง
ตายมานักต่อนักแล้วในอดีต
ทำให้มีช่วงหนึ่งที่เป็นข่าว
คนไม่กล้ากินเนื้อหมูป่าไปนาน
ยิ่งในสหรัฐอเมริกาคนยิ่งป๊อดอยู่ด้วย
หมูป่ายักษ์ภัยคุกคามสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
.
These superpigs are an enormous
hybrid speciesof the feral pigs laying
sieging upon places like California
© Ed Van Duijn via Unsplash
.
.
Super pigs from Canada
could soon invade US
.
.
สหรัฐอเมริกา เผชิญกับภัยคุกคามใหม่
จาก ซุปเปอร์หมู/หมูป่ายักษ์ ของแคนาดา
พวกมันฉลาดอย่างเหลือเชื่อและเข้าใจยาก
รัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา
เริ่มตื่นตัวต่อการบุกรุกของหมูป่าพันธุ์ผสม
ที่คุกคามพืชและสัตว์ และยากที่จะหยุดยั้ง
เป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้ว
ที่หมูป่าทำลายพืชและสัตว์ในสหรัฐอเมริกา
พวกมันกัดกินพืชผล แพร่เชื้อโรค
และแม้กระทั่งฆ่ากวางและกวางเอลก์
ในขณะนี้ ความกลัวเกี่ยวกับศักยภาพ
ของผลกระทบของหมูในสหรัฐฯ เริ่มมากขึ้น
อเมริกาเหนือก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามใหม่
ที่มาจาก หมูป่ายักษ์ของแคนาดา
ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์
ที่ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ เข้าใจยาก
สามารถอยู่รอดได้ภายใต้สภาพอากาศ
ที่หนาวเย็นด้วยการขุดอุโมงค์ใต้หิมะ
และพร้อมที่จะแทรกซึมเข้ามา
ในตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา
การเกิดขึ้นมาของสิ่งที่เรียกว่า หมูป่ายักษ์
เป็นผลมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์
ระหว่างหมูบ้านกับหมูป่า
เพื่อสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพกว่าเดิม
จุดประสงค์แรกไว้ใช้ในการล่าสัตว์
ที่ได้ใบอนุญาตล่าสัตว์
หมูป่าไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา
แต่ได้สร้างความเสียหาย
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
มีการประมาณการว่า
หมูป่าดุร้ายประมาณ 6 ล้านตัว
ในประเทศจะสร้างความเสียหาย
ราว ๆ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
ในบางพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา
มีการตั้งเป้าว่าจะฆ่าหมูป่าทั้งหมด
โดยมีคนยอมจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์
เพื่อฆ่าหมูป่าและยิงทิ้งด้วยปืนกล
แต่โดยรวมแล้ว ผลกระทบของหมู
ที่มีการนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกา
ในศตวรรษที่ 16 เป็นไปในเชิงลบอย่างมาก
เพราะหมูไม่ที่ไม่รู้จักแยกแยะ(คัดสายพันธุ์)
ได้แพร่ระบาดกระจายไปทั่วประเทศ
“ เราเห็นการแข่งขันกันโดยตรง
สำหรับสายพันธุ์พื้นเมืองของเรา
ที่เลี้ยงกันเพื่อทำเป็นอาหาร
เมื่อเทียบกับหมูป่าที่เป็นนักล่า
ที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
พวกมันจะฉวยโอกาสหาสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่
และตัวผู้ที่มีเขี้ยวยาวจะสามารถวิ่งไล่กัด
และคว้าเหยื่อของมันงับด้วยปากได้
พวกมันจะฆ่ากวางที่อายุน้อย
เป็นที่รู้กันว่าเป็นสัตว์นักล่าในรัง
จึงส่งผลกระทบต่อไก่งวงและลูกนกกระทา
หมูป่าสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่การกินพืชผลของชาวไร่ชาวนาในพื้นที่
ไปจนถึงการทำลายต้นไม้ สร้างมลพิษทางน้ำ
นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
และความปลอดภัยของมนุษย์
หมูเป็นหม้อต้มขนาดใหญ่
ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัส
เช่น ไข้หวัด ซึ่งติดต่อสู่คนได้
National Geographic รายงานว่า
หมูมีศักยภาพในการ
สร้างไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ซึ่งอาจแพร่กระจายสู่มนุษยชาติได้
บันทึกแรกเกิดของหมูในสหรัฐอเมริกา
มาจากภาคพื้นทวีปยุโรป
ในปี ค.ศ. 1539 เมื่อนักสำรวจชาวสเปน
Hernando De Soto landed
ขึ้นฝั่งที่ Florida พร้อมกับผู้ติดตาม
และมีหมูบนเรือลำนั้นเพียง 13 ตัว
ในระหว่างการเดินทางสำรวจ 4 ปี
Hernando De Soto landed
ได้สั่งฆ่าชาวอเมริกันพื้นเมืองหลายพันคน
แล้วประกาศตัวเองว่าเป็น
บุตรแห่งดวงอาทิตย์ ที่เป็นอมตะ
แต่แล้วตายด้วยโรคไข้ป่า
ในเวลาเดียวกัน
จำนวนหมูเพิ่มขึ้นประมาณ 700 ตัว
แล้วแพร่กระจายไปทั่ว เดินทางข้ามรัฐ
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
แต่เมื่อไม่นานมานี้
ที่พวกหมูเริ่มกลายเป็นปัญหา
พวกมันใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 ทศวรรษก่อน
เราเริ่มเห็นการเดินทางอย่างรวดเร็ว
ของพวกหมูป่าในพื้นที่
ที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน
สาเหตุมาจากการจงใจปล่อยหมูป่า
โดยผู้ที่ต้องกาสร้างจำนวนหมูป่าที่ถูกล่า
หมูป่าจะถูกวางยาสลบ/เคลื่อนย้ายไปมา
ซึ่งในบางพื้นที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย
และถูกทิ้งไว้ในพื้นที่เพื่อเพิ่มจำนวน
และนั่นคือ จุดที่เราเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
จำนวนหมูป่าในสหรัฐอเมริกา
เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 ล้านตัวใน 34 รัฐ
หมูป่าโดยทั่วไปมีน้ำหนักโดยเฉลี่ย
ระหว่าง 75-250 ปอนด์ (34-113.4 กิโลกรัม)
แต่อาจจะมีน้ำหนักมากกว่า 2 เท่าก็ได้
ตามข้อมูลของ USDA
มีความสูง 3 ฟุตและยาว 5 ฟุต
พวกมันเป็นศัตรูตัวฉกาจของพืชและสัตว์ต่าง ๆ
แม้ว่าทีมงานของ Marlow
จะสามารถกำจัดหมูป่าได้ใน 7 รัฐ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แต่กลายเป็นความหวังลมลมแล้งแล้ง
ที่จะกำจัดหมูป่าให้ให้หมดไปได้
เพราะยังมีความกังวลต่อผลกระทบ
ที่อาจเกิดขึ้นจากโรคที่เกิดจากหมู
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู
(คนกินแล้วไม่ตายก็เจ็บป่วย)
โรคนี้มักทำให้หมูตายเสมอ
ในประเทศจีนซึ่งเลี้ยงหมูมากกว่า 400 ล้านตัว
คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูทั่วโลก
โรคอหิวาต์หมูแอฟริกันได้ทำลายล้าง
จำนวนหมูไปกว่า 30% ในปี 2018 และ 2019
มีการตรวจพบในยุโรปบางประเทศด้วย
แต่ยังไม่มีรายงานตรวจพบในสหรัฐอเมริกา "
Michael Marlow ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ
จัดการความเสียหายของสุกรดุร้ายแห่งชาติ
ของกรมวิชาการเกษตร กล่าวสรุป
.
.
© https://bit.ly/3YTtXUO
.
แต่สิ่งที่ Ryan Brook ผู้นำโครงการวิจัย
หมูป่าแคนาดาของมหาวิทยาลัย Saskatchewan ได้กล่าวสรุปว่า
" ในแคนาดา ปัญหาเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา
หมูป่าเป็นปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
จนกระทั่งถึงปี 2002
แทบจะไม่มีหมูป่าในประเทศเลย
แต่จำนวนหมูป่าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
ขณะนี้หมูป่าเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วแคนาดา
ทุก ๆ 1 ตารางกิโลเมตร (625 ไร่ป
โดยส่วนใหญ่อยู่ใน Alberta
Manitoba และ Saskatchewan
หมูป่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
ที่รุกรานได้ง่ายที่สุดในโลก
พวกมันฉลาดอย่างเหลือเชื่อ
พวกมันเข้าใจยากมาก
และเมื่อมีแรงกดดันใด ๆ เป็นกัยพวกมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้คนเริ่มล่าพวกมัน
พวกมันจะออกหากินเวลากลางคืน
และพวกมันจะเข้าใจยากมาก (ว่าจะสู้หรือหนี)
พวกมันซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบปกคลุม
และพวกมันหายไปในพื้นที่ชุ่มน้ำ
และพวกมันหลบซ่อนตัวได้เก่งมาก
การเกิดขึ้นของ หมูป่ายักษ์
สร้างขึ้นโดยเกษตรกรที่ผสมข้ามพันธุ์
ระหว่างหมูป่ากับหมูบ้านในช่วงปี 1980
ผลที่ได้คือ หมูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ให้เนื้อมากขึ้น และง่ายต่อการยิงของคน
ในเขตสงวนการล่าสัตว์ของแคนาดา
หมูเหล่านี้ถุกปล่อยเสรีในป่า
และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วแคนาดา
โดยหมูป่ายักษ์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เป็นสายพันธุ์ที่เก่งกาจอย่างเหลือเชื่อ
โดยที่ความใหญ่ยักษ์ของพวกมัน
หมู 1 ตัวมีน้ำหนักมากกว่า 300 กก.(661ปอนด์)
ทำให้มันสามารถอยู่รอดได้
ทางตะวันตกของแคนาดาในฤดูหนาว
ซึ่งอุณหภูมิจะติดลบถึง -50 องศาเซลเซียส
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในเวลานั้นมักพูดว่า
ไม่ต้องกังวลไปเลย
ถ้าหมูป่าหรือหมูเลี้ยงหนีออกจากฟาร์ม
ไม่มีทางที่พวกมันจะอยู่รอดได้ในฤดูหนาว
ทางตะวันตกของแคนาดา พวกมันจะแข็งตาย
กลับกลายเป็นว่าขนาดตัวใหญ่ของพวกมัน
กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก
ในการอยู่รอดท่ามกลางความหนาวเย็น
พวกหมูเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศเลวร้าย
ด้วยการขุดอุโมงค์ใต้หิมะสูงถึง 2 เมตร
พวกมันสร้างถ้ำหิมะ ด้วยการใช้เขี้ยวที่คมกริบ
กัดพืชประเภทธูปฤาษี [พืชพื้นเมือง]
แล้ววางกั้นรอบถ้ำด้วยธูปฤาษี
เพื่อทำให้เป็นชั้นฉนวนที่อบอุ่นเวลาอยู่ข้างใน
ความจริงแล้ว ข้างในถ้ำของพวกมันอุ่นมาก
และนั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราใช้
ในการค้นหาพวกหมูป่าเหล่านี้
คือ การบินเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า
เมื่ออากาศหนาวจัดกว่า -30 C
จะเห็นไอน้ำพวยพุ่งออกมาด้านบนของหิมะ
แสดงว่ามีฝูงหมูป่าอยู่ข้างในนี้
(แล้วจัดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกมันทั้งหมด)
แม้ว่ามีความพยายามกำจัดพวกมันหลายครั้ง
นักวิทยาศาสตร์/นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา/แคนาดา
ประสบความสำเร็จในการจับเป็น
หมูป่ายักษ์ด้วยกับดักขนาดใหญ่
ในขณะที่ความพยายามของสหรัฐฯ
บางครั้งก็ประสบผลสำเร็จในการวางพิษหมูป่า
มีอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลในสหรัฐอเมริกา
นั่นคือ การใช้ หมูจูดาส
(คนทรยศชี้เป้าพระเยซูให้ทหารโรมันจับกุม)
หมูป่าโดดเดี่ยวถูกจับและสวมปลอกคอ GPS
จากนั้นปล่อยสู่ธรรมชาติ โดยหวังว่า
มันจะเข้าร่วมกับฝูงหมูป่าโดยไม่เป็นที่สงสัย
แนวคิดนี้คือ ปล่อยหมูป่าที่ถูกจับได้ออกไป
แล้วปล่อยพวกมันเข้าป่าไปหาฝูงหมูป่า
แล้วมันก็จะไปหาหมูป่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
(คนก็ตามไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หมูป่า)
เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย
ในการจัดการกับปัญหาหมูป่า
แต่ความพยายามที่แท้จริงนั้น
เป็นเรื่องของการจัดการความเสียหาย
ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(หมูป่า)
ที่ไม่ใช่เจ้าของถิ่นพื้นที่เหล่านี้
มากกว่าการที่จะกำจัดหมูป่าทั้งหมด
โดยเฉพาะในแคนาดา
โอกาสนั้นจบสิ้นลงแล้ว (สายเสียแล้ว)
ความเป็นไปได้คือ
อย่างช้าที่สุดในปี 2010 ถึง 2012
อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
มีโอกาสจะค้นหาและกำจัดให้หมดสิ้น
แต่ในตอนนี้
พวกมันแพร่หลายและมีจำนวนมากมาย
แน่นอนว่าปลายปี 2018 หรือ 19
เลิกพูดได้เลยว่า การกำจัดนั้นเป็นไปได้
เพราะพวกมันตั้งตัวได้แล้ว ย้ายเข้ามาแล้ว
และจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกยาวนาน
กว่าจะกำจัดหมดได้ "
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3INyGSp
https://bit.ly/3Kqx95X
.
.
เรื่องเดิม
.
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สัตว์บางประเภทคือการอนุรักษ์ระบบนิเวศ
.
.
.
.
2020 แมว 2 ล้านตัวในออสเตรเลียต้องตาย
.
.
.
แม่แมวหนึ่งตัวขยายพันธุ์จนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นกกระจิบ Traversia lyalli บนเกาะ Stephens
.
.
.
สงครามกำจัดนกกระจอกบ้านของจีนในอดีต
.
.
The Great Sparrow campaign documentary
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
หมู เป็นสัตว์สองกีบสี่เท้า
แดx ได้ทุกอย่าง ไม่เลือกกิน
เหมือนกับสัตว์มีกีบประเภทอื่น ๆ
ศาสนายูดาห์(ยิว) ห้ามกินหมู
อ้างว่าสกปรก พระเจ้าห้าม
เพราะส่วนหนึ่งในช่วงสงครามระหว่างกัน
หมู กับ หมา จะกินศพนักรบในสนามรบ
ทำให้เกิดอาการสา(ไม่สบายใจ) ถ้ากิน
เลยห้ามไว้ในคัมภีร์ศาสนาและต่อ ๆ มา
ทำให้คนนับถือศาสนายิวไม่กินกัน
แต่มีบางพื้นที่อนุโลมให้กินได้
ด้วยการอ้างว่า อาหารขาดแคลน
ทุกอย่างพระเจ้าสร้าง เลยกินได้
และมีข้อยกเว้นถ้ามีเหตุจำเป็น
หมูเป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์เร็วมาก
เกิดลูกครอกหนึ่ง ๆ ราว 8-12 ตัว
จนมีคำแซวในวงการเล่นพระเครื่องว่า
เสือเกิดปีละตัวสองตัว
หมูเกิดปีละสองสามครอก
ยังไง ๆ วงการนี้ หมูก็มากกว่าเสือ
หมูทำอะไรกินก็อร่อย
เพราะมีชั้นไขมันที่แทรกในเนื้อ
ทำให้เคี้ยวได้นุ่มชุ่มชื่นปากกว่าเนื้ออื่น
ที่มักจะไม่มีชั้นไขมันแทรกมากกว่าหมู
น้ำมันหมูทอดไข่ดาว ทำข้าวผัด
จะดีกิน หรอยอย่างแรง
แต่พอมีงานวิจัยต่าง ๆ
ห้ามเรื่องกินน้ำมันหมูมาก
เลยไม่ค่อยมีร้านอาหารผัดทอดกับน้ำมันหมู
แต่บางแห่งมักจะใช้น้ำมันหมูในการทำอาหาร
การยิงหมูป่า=มวลสารxความเร่ง
อันตรายยิ่งนัก ตาย>เจ็บ
หมูป่าจะมีขนสามเส้นงอกในรูเดียวกัน
มีทั้งหมูขุน/ของป่าดั้งเดิม
เนื้อมักจะสาบต้องหนักเครื่องเทศ
แต่มีความเสี่ยงถ้าคิดจะกิน
เพราะบางตัวมีเชื้อโรคติดต่อ
หรือกินอาหารบางอย่างเข้าไป
หมูกินไม่เป็นไร แต่คนกินชักตาตั้ง
ตายมานักต่อนักแล้วในอดีต
ทำให้มีช่วงหนึ่งที่เป็นข่าว
คนไม่กล้ากินเนื้อหมูป่าไปนาน
ยิ่งในสหรัฐอเมริกาคนยิ่งป๊อดอยู่ด้วย