.

.
แมวฆ่านกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนับพันล้านตัวในแต่ละปี
และเชื่อกันว่าพวกมันทำลายสายพันธุ์นับเป็นหลายสิบชนิด
Photo credit: vvvita/Shutterstock
.
David Lyall อดีตนักมวยปล้ำสมัครเล่น
แทบจะต้องกลั้นลมหายใจ
ขณะที่กำลังกรีดแผลตรงหน้าท้อง
นกตัวเล็กที่มีสีเขียวอมน้ำตาลบนโต๊ะทำงานของตน
David Lyall ไม่เคยเห็นนกชนิดนี้มาก่อนเลย
ทั้งยังรู้ดีว่าต้องทำงานอย่างรวดเร็ว
และทำให้ตัวอย่างที่กำลังทำอยู่นี้
ให้แห้งด้วยก่อนที่ฝูงแมลงต่าง ๆ จะแห่กันมา
อีกหลายชั่วโมงต่อมา
นิ้วมือของ David Lyall ก็ยังต้องทำงานอย่างรวดเร็ว
และต้องใช้ความชำนาญงาน
ในตอนที่ดึงผิวหนังออกจากกล้ามเนื้อ
ลอกหนังของนกจากทางด้านหลังไปยังที่หาง
แล้วถลกหนังกลับไปตรงที่คอ
และหัวของนกจนกว่าจะถลกหนังได้ทั้งตัว
จากนั้นก็เจาะหลุมเล็ก ๆ
ที่ด้านหลังของกะโหลกหัวนกตัวนี้
แล้วตักมันสมองนกขึ้นมา
อย่างระมัดระวังทีละเล็กทีละน้อย
พร้อมขูดเนื้อเยื่อ/ดึงอวัยวะภาย
ในทั้งหมดออกจากโครงกระดูกของนก
แล้วยัดร่างนกที่ว่างเปล่าไว้ด้วยขนแกะ
จัดการเย็บแผลให้เรียบร้อย
พร้อมกับวางตัวอย่างนกตัวนี้
ไว้ที่หน้าต่างเพื่อตากแดดให้แห้ง
และในเวลาอีกไม่กี่เดือนต่อมา
David Lyall ต้องทำซ้ำเรื่องแบบนี้อีกหลายครั้ง
จนเก็บตัวอย่างนกได้อย่างน้อย 15 ตัว
ซึ่งในตอนนี้รู้จักกันในชื่อ
Lyred's Wren
หรือ Stephens Island Wren (
Traversia lyalli)
ตัวอย่างนกเหล่านี้ในปัจจุบัน
ยังแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ 9 แห่งทั่วโลก
เป็นประวัติศาสตร์รำลึกถึง
การเคยมีอยู่ของนกกระจิบสายพันธุ์นี้
David Lyall เป็นผู้ช่วยผู้ดูแลประภาคารแห่งใหม่
ที่เพิ่งจะสร้างขึ้นบนเกาะ Stephens
เกาะขนาดเล็กที่มีลมพัดแรง
พื้นที่ไม่เกินครึ่งตารางไมล์(ราว 800 กว่าไร่)
อยู่ทางตอนเหนือสุดของ Marlborough Sounds
หมู่เกาะตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์
ประภาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1894
และหลังจากนั้นไม่นานนัก
David Lyall พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีก 16 คน
ก็เดินทางมาทำงานในสถานที่ห่างไกลแห่งนี้
David Lyall ยังเป็นนักธรรมชาติวิทยา
ที่ตั้งใจรอคอยที่จะทำงาน
ยังที่สถานทำงานแห่งใหม่นี้
เพราะพื้นที่ของเกาะส่วนใหญ่
ยังไม่มีใครไปสำรวจและไร้ผู้คนอยู่อาศัย
ทำให้สถานที่แห่งนี้ David Lyall
สามารถไล่ล่าตามฝันของตนเองได้
เพราะชีวิตผู้ดูแลประภาคาร
ค่อนข้างโดดเดี่ยว/เงียบเหงา
David Lyall จึงพาแมวตัวเมีย
ที่ตั้งท้องมาด้วยชื่อ Tibbles
เพื่ออยู่ร่วมเป็นเพื่อนในเวลานั้น
แต่ David Lyall ไม่เคยคาดดิดไว้ก่อนเลยว่า
Tibbles แม่แมวให้กำเนิดลูกแมวจำนวนหนึ่ง
ซึ่งในเวลาต่อมาได้สร้างความหายนะ
ให้กับประชากรนกบนเกาะ Stephens อย่างร้ายแรง
เพราะพวกแมวต่างผสมพันธุ์กันเอง
Breed จนแพร่พันธุ์มีจำนวนมากขึ้น
.
.
.
แมวเป็นสัตว์นักล่าที่ยอดเยี่ยม
ในหนังสือ Cat Wars ของ
Peter Marra กับ Chris Santella
ได้ประเมินว่าแมวเร่ร่อนฆ่าสัตว์ได้มาก
ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว
นับได้ราว 2.4 พันล้านตัว
เหยื่อของแมวจำนวนมากที่ถูกฆ่าตาย
แมวไม่ได้ฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร
แต่ล่าเหยื่อเพื่อความสนุกสนาน
แมวถูกกระตุ้นโดยสัญชาติญาณนักล่า
แม้ว่าพวกมันจะไม่หิวโหยแต่อย่างใดเลย
บางครั้งแมวที่เลี้ยงดูไว้ในบ้าน
แต่ออกไปเดินเตร่ได้อย่างอิสระเสรีเหนืออื่นใด
มักจะมอบของขวัญให้กับเจ้าของ
ด้วย นก หรือ หนู ที่ถูกฆ่าตายแล้ว
.
.

.
1895 illustration by John Keulemans
.
ไม่นานหลังจากที่ David Lyall
ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลประภาคารในเกาะ Stephens
แมว Tibbles ก็เริ่มนำนกมาให้เป็นของขวัญ
แม้ว่า David Lyall จะอยู่ที่นี่เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
แต่ท่านก็สามารถระบุชื่อนก
ที่แมว Tibbles คาบมาให้ได้เป็นส่วนใหญ่
ยกเว้นนกตัวอย่างที่แปลกประหลาดเพียงตัวเดียว
นกตัวนี้มีขนาดเล็กมีสีเขียวเข้มปนเหลืองที่ด้านหลัง
มีเส้นขีดบนหน้าอก ที่ปลายขนมีสีน้ำตาลขลิบไว้
มีขนเส้นสีเหลืองเล็กเหนือดวงตา
มีปีกสั้นและปากนกยาวตรง
David Lyall ไม่เคยเห็นนกตัวนี้มาก่อนเลย
เช่นเดียวกับนักชีววิทยาทั่วไปก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อ David Lyall รู้สึกว่ากำลังใกล้จะค้นพบสายพันธุ์ใหม่
ในเย็นวันหนึ่ง ท่านจึงนั่งลงทำงานบนโต๊ะ
และด้วยแสงจากตะเกียงเจ้าพายุ
ท่านจึงเริ่มเตรียมตัวอย่างนกตัวนี้
โดยส่งนกจำนวนหนึ่งไปให้กับ
นักปักษีวิทยาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเวลานั้น
ได้แก่
Walter Rothschild,
Walter Buller และ
H. H. Travers
.
.
.
Walter Buller จำได้ทันทีว่า
นกตัวนี้เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากชนิดอื่น
และเริ่มลงมือเขียนคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารฉบับหน้า
Walter Rothschild นักธรณีวิทยา
และนายธนาคารชาวอังกฤษที่มั่งคั่ง
ยังได้ซื้อตัวอย่างนกหลายตัว
จาก David Lyall ในราคางามและแสนจะจูงใจ
และ Walter Rothschild ยังเป็นผู้เสนอชื่อ
ทางวิทยาศาสตร์ว่า
Traversia lyalli
เพื่อเป็นเกียรติแก่ David Lyall ผู้ค้นพบ
โดยมีนักธรรมชาตินิยม H. H. Travers
เป็นผู้ช่วยในการจัดหาตัวอย่าง
ในเวลานั้น แมวบนเกาะ Stephens
ต่างเป็นลูกแมว Tibbles แม่พันธุ์
ต่างเริ่มเติบโต/ขยายพันธุ์
แล้วเริ่มลงมือล่านกเป็นจำนวนมากอย่างน่าตกใจ
เรื่องที่ยิ่งเลวร้ายมากคือ
นกกระจิบบนเกาะ Stephens
ต่างเป็นนกที่บินไม่ได้ ได้แต่วิ่งไปมาบนพื้นดิน
และกระโดดไปมาบนกิ่งไม้
นกชนิดนี้เป็นนกพื้นเมือง
ที่พบได้ทั่วไปในนิวซีแลนด์
และสัตว์นักล่า
หนู Polynesian
ได้ฆ่านกชนิดนี้เกือบสูญพันธุ์ไปแล้ว
ยกเว้นที่ยังเหลือเพียงแต่นกกลุ่มเล็ก ๆ
บนเกาะ Stephens แห่งนี้
นกกระจิบเหล่านี้
อาจจะอพยพไปยังเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้
ในช่วงยุคธารน้ำแข็งสุดท้าย
ที่เกาะแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่
ต่อมา เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นสูงมาแล้ว
เกาะ Stephens จึงกลายมาเป็น
เกาะสวรรค์บนดินของนกกระจิบ
เพราะการที่เกาะแยกจากแผ่นดินใหญ่
ทำให้ไม่มีนักล่าธรรมชาติมารุกราน
จนกระทั่ง David Lyall จะมาพร้อมกับ
แมว Tibbles ที่คลอดลูกแมวในเวลาต่อมา
.
.
.
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1895
หลังจาก 1 ปีนับตั้งแต่แมว Tibbles
นำตัวอย่างนกกระจิบตัวแรกมาให้ David Lyall
ในเดือนเดียวกันนี้ David Lyall
ได้เขียนจดหมายไปถึง Walter Buller ว่า
" พวกแมวต่างกลายเป็นแมวป่า
และสร้างโศกนาฎกรรมให้กับนกทั้งปวง "
เพราะหลังจากนั้น David Lyall
ก็เห็นนกกระจิบเป็น ๆ เพียง 2 ครั้งเอง
ในวันที่ 16 มีนาคม 1895
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Christchurch ได้รายงานว่า
" มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า นกกระจิบคงไม่พบบนเกาะนี้แล้ว
และไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันอพยพไปอยู่ที่ไหนกันแน่
แต่เชื่อได้ชัดเลยว่า พวกมันสูญพันธุ์อย่างแน่นอน
นี่อาจจะเป็นบันทึกอย่างเป็นทางการ
เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบถอนรากถอนโคน "
แต่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์บางชิ้น
ที่อ้างว่า ยังมีนกเพียงไม่กี่ตัว
ที่มีผู้พบเห็นหลังจากปี 1895
และการสูญพันธุ์ของนกกระจิบ
อาจจะนานกว่านั้นเล็กน้อย
อาจจะเป็นช่วงระยะเวลา
หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อยราว ๆ 2-3 ปี
ในเดือนสิงหาคม 1895
ในบันทึกของ Walter Buller ระบุว่า
คาดว่านกกระจิบสูญพันธ์
โดยพวกแมวในช่วงฤดูหนาวปี 1895
โดยประมาณการจากเดือนกุมภาพันธ์ 1894
ที่แมว Tibbles เริ่มมาอยู่ในเกาะแห่งนี้
ลูกแมวของแม่แมว Tibbles
จะเติบโตพร้อมล่าสัตว์แล้ว
ในช่วงฤดูหนาวในปี 1894
ในฤดูหนาวปี 1895
แมวครอกที่ 2 ที่เกิดใหม่ก็กำลังเติบโตเช่นกัน
นั่นคือ สาเหตุที่ทำให้นกกระจิบ
บนเกาะ Stephens เริ่มหาตัวยากขึ้น
ในปี 1898
พื้นที่ป่าไม้บนเกาะเร่ิมหนาแน่นมากขึ้น
ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกแมวบนเกาะ
กับคนบนประภาคารยิ่งมีน้อยลง
นั้นคือ ในปี 1903
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นกกระจิบ
Traversia lyalli
ซึ่งน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วอย่างแน่นอนในปีนั้น
ในปี 1898 บนเกาะ Stephens
ผู้ดูแลประภาคารรายใหม่คนหนึ่ง
ได้ขอให้
Marine Department
ช่วยจัดหาปืนสั้นจำนวนหลายกระบอก
พร้อมทั้งกระสุนปืนจำนวนมาก
เพื่อนำมากำจัดประชากรแมว
บนเกาะ Stephens แห่งนี้
9 เดือนต่อมา
ผู้ดูแลประภาคารรายนี้ได้รายงานอย่างภูมิใจว่า
ได้ยิงแมวทิ้งมากกว่า 100 ตัวไปแล้ว
แต่ต้องใช้เวลาอีก 26 ปีในเวลาต่อมา
จนกระทั่งในปี 1925
เกาะ Stephens จึงไร้แมวบนเกาะ
หลังจากไร้นกกระจิบมานานนับหลายปีแล้ว
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2m1gSrq
http://bit.ly/2ucK7LB
http://bit.ly/2MVW3t7
.
.

.
ซากนกกระจิบบนเกาะ Stephens Island Wren
ที่แมว Tibbles นำมามอบให้ David Lyall
© New Zealand Birds Online
.
.

.
ซากนกกระจิบ Stephens Island Wren
จัดแสดงที่ Carnegie Museum of Natural History ใน Pittsburgh
© Avenue/Wikimedia
.
.

.
Stephens Island มองจาก D'Urville Island
© LawrieM/Wikimedia
.
.

.
ประภาคารบน Stephens Island
© maritimenz.govt.nz
.
.

.
The Stephens Island Wren
Illustration by Virginia Greene
.
.

.
Stephens Island wrens
by John Gerrard Keulemans
.
แม่แมวหนึ่งตัวขยายพันธุ์จนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นกกระจิบ Traversia lyalli บนเกาะ Stephens
.
แมวฆ่านกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนับพันล้านตัวในแต่ละปี
และเชื่อกันว่าพวกมันทำลายสายพันธุ์นับเป็นหลายสิบชนิด
แทบจะต้องกลั้นลมหายใจ
ขณะที่กำลังกรีดแผลตรงหน้าท้อง
นกตัวเล็กที่มีสีเขียวอมน้ำตาลบนโต๊ะทำงานของตน
David Lyall ไม่เคยเห็นนกชนิดนี้มาก่อนเลย
ทั้งยังรู้ดีว่าต้องทำงานอย่างรวดเร็ว
และทำให้ตัวอย่างที่กำลังทำอยู่นี้
ให้แห้งด้วยก่อนที่ฝูงแมลงต่าง ๆ จะแห่กันมา
อีกหลายชั่วโมงต่อมา
นิ้วมือของ David Lyall ก็ยังต้องทำงานอย่างรวดเร็ว
และต้องใช้ความชำนาญงาน
ในตอนที่ดึงผิวหนังออกจากกล้ามเนื้อ
ลอกหนังของนกจากทางด้านหลังไปยังที่หาง
แล้วถลกหนังกลับไปตรงที่คอ
และหัวของนกจนกว่าจะถลกหนังได้ทั้งตัว
จากนั้นก็เจาะหลุมเล็ก ๆ
ที่ด้านหลังของกะโหลกหัวนกตัวนี้
แล้วตักมันสมองนกขึ้นมา
อย่างระมัดระวังทีละเล็กทีละน้อย
พร้อมขูดเนื้อเยื่อ/ดึงอวัยวะภาย
ในทั้งหมดออกจากโครงกระดูกของนก
แล้วยัดร่างนกที่ว่างเปล่าไว้ด้วยขนแกะ
จัดการเย็บแผลให้เรียบร้อย
พร้อมกับวางตัวอย่างนกตัวนี้
ไว้ที่หน้าต่างเพื่อตากแดดให้แห้ง
และในเวลาอีกไม่กี่เดือนต่อมา
David Lyall ต้องทำซ้ำเรื่องแบบนี้อีกหลายครั้ง
จนเก็บตัวอย่างนกได้อย่างน้อย 15 ตัว
ซึ่งในตอนนี้รู้จักกันในชื่อ Lyred's Wren
หรือ Stephens Island Wren (Traversia lyalli)
ตัวอย่างนกเหล่านี้ในปัจจุบัน
ยังแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ 9 แห่งทั่วโลก
เป็นประวัติศาสตร์รำลึกถึง
การเคยมีอยู่ของนกกระจิบสายพันธุ์นี้
David Lyall เป็นผู้ช่วยผู้ดูแลประภาคารแห่งใหม่
ที่เพิ่งจะสร้างขึ้นบนเกาะ Stephens
เกาะขนาดเล็กที่มีลมพัดแรง
พื้นที่ไม่เกินครึ่งตารางไมล์(ราว 800 กว่าไร่)
อยู่ทางตอนเหนือสุดของ Marlborough Sounds
หมู่เกาะตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์
ประภาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1894
และหลังจากนั้นไม่นานนัก
David Lyall พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีก 16 คน
ก็เดินทางมาทำงานในสถานที่ห่างไกลแห่งนี้
David Lyall ยังเป็นนักธรรมชาติวิทยา
ที่ตั้งใจรอคอยที่จะทำงาน
ยังที่สถานทำงานแห่งใหม่นี้
เพราะพื้นที่ของเกาะส่วนใหญ่
ยังไม่มีใครไปสำรวจและไร้ผู้คนอยู่อาศัย
ทำให้สถานที่แห่งนี้ David Lyall
สามารถไล่ล่าตามฝันของตนเองได้
เพราะชีวิตผู้ดูแลประภาคาร
ค่อนข้างโดดเดี่ยว/เงียบเหงา
David Lyall จึงพาแมวตัวเมีย
ที่ตั้งท้องมาด้วยชื่อ Tibbles
เพื่ออยู่ร่วมเป็นเพื่อนในเวลานั้น
แต่ David Lyall ไม่เคยคาดดิดไว้ก่อนเลยว่า
Tibbles แม่แมวให้กำเนิดลูกแมวจำนวนหนึ่ง
ซึ่งในเวลาต่อมาได้สร้างความหายนะ
ให้กับประชากรนกบนเกาะ Stephens อย่างร้ายแรง
เพราะพวกแมวต่างผสมพันธุ์กันเอง
Breed จนแพร่พันธุ์มีจำนวนมากขึ้น
ในหนังสือ Cat Wars ของ
Peter Marra กับ Chris Santella
ได้ประเมินว่าแมวเร่ร่อนฆ่าสัตว์ได้มาก
ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว
นับได้ราว 2.4 พันล้านตัว
เหยื่อของแมวจำนวนมากที่ถูกฆ่าตาย
แมวไม่ได้ฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร
แต่ล่าเหยื่อเพื่อความสนุกสนาน
แมวถูกกระตุ้นโดยสัญชาติญาณนักล่า
แม้ว่าพวกมันจะไม่หิวโหยแต่อย่างใดเลย
บางครั้งแมวที่เลี้ยงดูไว้ในบ้าน
แต่ออกไปเดินเตร่ได้อย่างอิสระเสรีเหนืออื่นใด
มักจะมอบของขวัญให้กับเจ้าของ
ด้วย นก หรือ หนู ที่ถูกฆ่าตายแล้ว
.
.
1895 illustration by John Keulemans
ไม่นานหลังจากที่ David Lyall
ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลประภาคารในเกาะ Stephens
แมว Tibbles ก็เริ่มนำนกมาให้เป็นของขวัญ
แม้ว่า David Lyall จะอยู่ที่นี่เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
แต่ท่านก็สามารถระบุชื่อนก
ที่แมว Tibbles คาบมาให้ได้เป็นส่วนใหญ่
ยกเว้นนกตัวอย่างที่แปลกประหลาดเพียงตัวเดียว
นกตัวนี้มีขนาดเล็กมีสีเขียวเข้มปนเหลืองที่ด้านหลัง
มีเส้นขีดบนหน้าอก ที่ปลายขนมีสีน้ำตาลขลิบไว้
มีขนเส้นสีเหลืองเล็กเหนือดวงตา
มีปีกสั้นและปากนกยาวตรง
David Lyall ไม่เคยเห็นนกตัวนี้มาก่อนเลย
เช่นเดียวกับนักชีววิทยาทั่วไปก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อ David Lyall รู้สึกว่ากำลังใกล้จะค้นพบสายพันธุ์ใหม่
ในเย็นวันหนึ่ง ท่านจึงนั่งลงทำงานบนโต๊ะ
และด้วยแสงจากตะเกียงเจ้าพายุ
ท่านจึงเริ่มเตรียมตัวอย่างนกตัวนี้
โดยส่งนกจำนวนหนึ่งไปให้กับ
นักปักษีวิทยาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเวลานั้น
ได้แก่ Walter Rothschild, Walter Buller และ H. H. Travers
Walter Buller จำได้ทันทีว่า
นกตัวนี้เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากชนิดอื่น
และเริ่มลงมือเขียนคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารฉบับหน้า
Walter Rothschild นักธรณีวิทยา
และนายธนาคารชาวอังกฤษที่มั่งคั่ง
ยังได้ซื้อตัวอย่างนกหลายตัว
จาก David Lyall ในราคางามและแสนจะจูงใจ
และ Walter Rothschild ยังเป็นผู้เสนอชื่อ
ทางวิทยาศาสตร์ว่า Traversia lyalli
เพื่อเป็นเกียรติแก่ David Lyall ผู้ค้นพบ
โดยมีนักธรรมชาตินิยม H. H. Travers
เป็นผู้ช่วยในการจัดหาตัวอย่าง
ในเวลานั้น แมวบนเกาะ Stephens
ต่างเป็นลูกแมว Tibbles แม่พันธุ์
ต่างเริ่มเติบโต/ขยายพันธุ์
แล้วเริ่มลงมือล่านกเป็นจำนวนมากอย่างน่าตกใจ
เรื่องที่ยิ่งเลวร้ายมากคือ
นกกระจิบบนเกาะ Stephens
ต่างเป็นนกที่บินไม่ได้ ได้แต่วิ่งไปมาบนพื้นดิน
และกระโดดไปมาบนกิ่งไม้
นกชนิดนี้เป็นนกพื้นเมือง
ที่พบได้ทั่วไปในนิวซีแลนด์
และสัตว์นักล่า หนู Polynesian
ได้ฆ่านกชนิดนี้เกือบสูญพันธุ์ไปแล้ว
ยกเว้นที่ยังเหลือเพียงแต่นกกลุ่มเล็ก ๆ
บนเกาะ Stephens แห่งนี้
นกกระจิบเหล่านี้
อาจจะอพยพไปยังเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้
ในช่วงยุคธารน้ำแข็งสุดท้าย
ที่เกาะแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่
ต่อมา เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นสูงมาแล้ว
เกาะ Stephens จึงกลายมาเป็น
เกาะสวรรค์บนดินของนกกระจิบ
เพราะการที่เกาะแยกจากแผ่นดินใหญ่
ทำให้ไม่มีนักล่าธรรมชาติมารุกราน
จนกระทั่ง David Lyall จะมาพร้อมกับ
แมว Tibbles ที่คลอดลูกแมวในเวลาต่อมา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1895
หลังจาก 1 ปีนับตั้งแต่แมว Tibbles
นำตัวอย่างนกกระจิบตัวแรกมาให้ David Lyall
ในเดือนเดียวกันนี้ David Lyall
ได้เขียนจดหมายไปถึง Walter Buller ว่า
" พวกแมวต่างกลายเป็นแมวป่า
และสร้างโศกนาฎกรรมให้กับนกทั้งปวง "
เพราะหลังจากนั้น David Lyall
ก็เห็นนกกระจิบเป็น ๆ เพียง 2 ครั้งเอง
ในวันที่ 16 มีนาคม 1895
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Christchurch ได้รายงานว่า
" มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า นกกระจิบคงไม่พบบนเกาะนี้แล้ว
และไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันอพยพไปอยู่ที่ไหนกันแน่
แต่เชื่อได้ชัดเลยว่า พวกมันสูญพันธุ์อย่างแน่นอน
นี่อาจจะเป็นบันทึกอย่างเป็นทางการ
เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบถอนรากถอนโคน "
แต่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์บางชิ้น
ที่อ้างว่า ยังมีนกเพียงไม่กี่ตัว
ที่มีผู้พบเห็นหลังจากปี 1895
และการสูญพันธุ์ของนกกระจิบ
อาจจะนานกว่านั้นเล็กน้อย
อาจจะเป็นช่วงระยะเวลา
หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อยราว ๆ 2-3 ปี
ในเดือนสิงหาคม 1895
ในบันทึกของ Walter Buller ระบุว่า
คาดว่านกกระจิบสูญพันธ์
โดยพวกแมวในช่วงฤดูหนาวปี 1895
โดยประมาณการจากเดือนกุมภาพันธ์ 1894
ที่แมว Tibbles เริ่มมาอยู่ในเกาะแห่งนี้
ลูกแมวของแม่แมว Tibbles
จะเติบโตพร้อมล่าสัตว์แล้ว
ในช่วงฤดูหนาวในปี 1894
ในฤดูหนาวปี 1895
แมวครอกที่ 2 ที่เกิดใหม่ก็กำลังเติบโตเช่นกัน
นั่นคือ สาเหตุที่ทำให้นกกระจิบ
บนเกาะ Stephens เริ่มหาตัวยากขึ้น
ในปี 1898
พื้นที่ป่าไม้บนเกาะเร่ิมหนาแน่นมากขึ้น
ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกแมวบนเกาะ
กับคนบนประภาคารยิ่งมีน้อยลง
นั้นคือ ในปี 1903
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นกกระจิบ Traversia lyalli
ซึ่งน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วอย่างแน่นอนในปีนั้น
ในปี 1898 บนเกาะ Stephens
ผู้ดูแลประภาคารรายใหม่คนหนึ่ง
ได้ขอให้ Marine Department
ช่วยจัดหาปืนสั้นจำนวนหลายกระบอก
พร้อมทั้งกระสุนปืนจำนวนมาก
เพื่อนำมากำจัดประชากรแมว
บนเกาะ Stephens แห่งนี้
9 เดือนต่อมา
ผู้ดูแลประภาคารรายนี้ได้รายงานอย่างภูมิใจว่า
ได้ยิงแมวทิ้งมากกว่า 100 ตัวไปแล้ว
แต่ต้องใช้เวลาอีก 26 ปีในเวลาต่อมา
จนกระทั่งในปี 1925
เกาะ Stephens จึงไร้แมวบนเกาะ
หลังจากไร้นกกระจิบมานานนับหลายปีแล้ว
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2m1gSrq
http://bit.ly/2ucK7LB
http://bit.ly/2MVW3t7
.
ซากนกกระจิบบนเกาะ Stephens Island Wren
© New Zealand Birds Online
.
.
ซากนกกระจิบ Stephens Island Wren
© Avenue/Wikimedia
.
.
Stephens Island มองจาก D'Urville Island
.
.
ประภาคารบน Stephens Island
.
.
The Stephens Island Wren
.
.
Stephens Island wrens