นกพันธุ์ใหม่วิวัฒนาการบนหมู่เกาะ Galapagos



การผสมพันธุ์ของนกสองพันธุ์
ระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย
ทำให้เกิดวงศ์ใหม่ Big Bird
ตั้งชื่อโดยนักวิจัยนกพันธุ์นี้
ได้รับการยอมรับว่าเป็นพันธุ์ใหม่
Credit: Copyright P. R. Grant




นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์
สังเกตเห็นวิวัฒนาการที่น่าตื่นเต้นได้
วิวัฒนาการของนกพันธุ์ใหม่ที่สมบูรณ์แบบ
ในป่าในแบบเห็นกันแบบจะจะ
และใช้เวลาเพียง 2 ชั่วอายุของนกพันธุ์นี้
โดยในขณะนี้ได้มีการจัดลำดับ Genomic
และการวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพนก
ทำให้ได้รับการยืนยันแล้วว่า
เป็นนกกระจิบพันธุ์ใหม่ของ
Darwin's finch
ซึ่งมีถิ่นกำเนิดบนเกาะขนาดเล็ก
ที่เรียกว่า Daphne Major
ในหมู่เกาะ Galápagos

นักวิจัยผู้ค้นพบได้ตั้งชื่อเล่นว่า Big Bird

มีนกกระจิบ Darwin's finches
มีอย่างน้อย 15 พันธุ์ ที่ได้รับการตั้งชื่อไว้
เพราะความหลากหลายของพวกมัน
ทำให้ช่วยให้นักธรรมชาตินิยม
Charles Darwin  ผู้คิดค้น
ทฤษฎีวิวัฒนาการว่าเป็น
การคัดสรรค์โดยธรรมชาติ
นั่นคือ การกลายพันธุ์ของนก
จะสามารถช่วยให้พันธุ์นก
สามารถปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
และจะถูกส่งผ่านไปยัง
รุ่นหลังภายในชั่วอายุนก

นกกระจิบมีถิ่นที่อยู่ในหมู่เกาะ
กาลาปาโกสของเอกวาดอร์
และเกาะโคโคสคอสตาริกา
พวกมันจะปรับตัวให้เข้ากับ
อาหารตามมีตามเกิดที่นั่น

นกกระจิบ Warbler finches
จิกกินแมลงด้วยคมปากที่เรียวบาง
แต่นกกระจิบ Ground finches  
จิกกินเมล็ดพืชให้เปลือกแตกออก
ด้วยจงอยปากที่ทู่และแข็งแรง

นกกระจิบเป็นตัวอย่างในหนังสือ
เกี่ยวกับการปรับตัวตามธรรมชาติ
ซึ่งบรรพบุรุษเพียงตัวเดียวของพวกมัน
ตอบสนองต่อแรงกดดันทางเลือก
เพื่อให้อยู่รอดได้ในพื้นที่แห่งนั้น
ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้
การหาอาหารได้ง่าย  
ทำให้มีการกระจายออก
มาเป็นหลายพันธุ์/หลายชนิด

Charles Darwin เป็นคนแรก
ที่ได้ตั้งสันนิษฐานเรื่องนี้ไว้
ในระหว่างร่วมเดินทางไปกับ
เรือรบ HMS Beagle ในช่วงปี 1831–36
โดยได้เขียนไว้ในสมุดบันทึกประจำวันว่า
" มีนกตัวหนึ่งที่ไม่ธรรมดามาก
มีพฤติกรรมแปลกแยกแตกต่าง
ไปจากนกจำพวกเดิม ๆ ในหมู่เกาะแห่งนี้
ทำให้เกิดมีการผสมพันธุ์ครั้งหนึ่ง
ด้วยการจับคู่กับตัวเมีย
และปรับปรุงพันธุ์ใหม่ขึ้นมาใหม่
ให้แตกต่างออกไปในที่สุด "

เกือบ 2 ศตวรรษต่อมา
ความสงสัยระยะแรก
ของ Charles Darwin
จึงได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน
และเป็นรูปธรรมจากเหตุการณ์นี้

โดยนกกระจิบสองพันธุ์ที่ผสมพันธุ์กัน
ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการผสมข้ามพันธุ์ Hybridisation species
หรือนกพันธุ์ลูกผสมที่เกิดขึ้นมา
เพื่อสร้างพันธุ์/วงศ์นกใหม่ขึ้นมา



นกกระจิบ Big Bird Finch
พันธุ์ใหม่บนหมู่เกาะ Galapagos
(© P. R. Grant)






ในระหว่างการเดินทางสำรวจ
บนเกาะ Daphne Major
Peter กับ B. Rosemary Grant
นักชีววิทยา Princeton University
ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัว
ของนกตัวผู้ ผู้บุกรุกที่ไม่ใช่นกพื้นเมือง
Geospiza conirostris
หรือ นกกระจิบกระบองเพชรขนาดใหญ่
และมีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะกาลาปากอส
ตามเกาะ Española Genovesa Darwin และ Wolf

นกชนิดนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์นกกระจิบ
Darwin's finches ที่มีขนาดใหญ่
และมีเสียงร้องที่แตกต่างจาก
นกกระจิบสามพันธุ์ในท้องถิ่น
บนเกาะ Daphne Major
นกตัวผู้ผู้มาใหม่ เห็นได้ชัดเจนเลยว่า
มีความแตกต่างมากจากนกท้องถิ่น

" เราไม่ได้เห็นมันบินมาจากท้องทะเล
แต่เราสังเกตเห็นมันได้ไม่นานนัก
หลังจากที่มันมาถึง
มันแตกต่างจากนกตัวอื่น ๆ
ที่เรารู้เพราะว่า มันไม่ได้เกิด
จากการฟักไข่บนเกาะ Daphne Major
(ร่องรอยรังนกพันธุ์นี้บนเกาะแห่งนี้) "
Peter Grant กล่าว

และแล้วมันก็จับคู่กับนกตัวเมีย 2 ตัว
หนึ่งในบรรดานกกระจิบ 3 พันธุ์ทัองถิ่น
Geospiza fortis นกขนาดกลาง Ground finch
และการจับคู่ครั้งนี้ก็เกิดลูกนกชนิดใหม่ขึ้นมา

การผสมพันธุ์ระหว่างสัตว์
ที่มีชนิด/พันธุ์ที่แตกต่างกัน
มักจะส่งผลให้ลูกที่เกิดมา
มีความผิดปกติบางอย่าง
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงได้แก่
ฬ่อ Mules ที่เกิดจาก
การผสมพันธุ์ระหว่างลากับม้า
และ Ligers ที่เกิดจากการผสมพันธุ์จาก
สิงโตตัวผู้กับเสือตัวเมีย




พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของนกลูกผสมพันธุ์ใหม่
G. conirostris (ซ้าย) กับ G. fortis (ขวา)
(© K. T. Grant and B. R. Grant)






ผลการผสมพันธุ์ข้ามพันธุ์
ลูกที่เกิดมามักจะเป็นหมัน
หรือผสมพันธุ์ซ้ำไม่ค่อยได้

แต่ลูกนกพันธุ์ใหม่นี้
กลับเริ่มสืบเชื้อสายใหม่ได้
มากไปกว่าที่ควรจะเป็นเช่นนั้น

นกพันธุ์นี้จะมีเสียงร้อง
ที่แตกต่างจากนกพันธุ์ G. fortis
เช่นเดียวกับขนาดและรูปร่าง
จงอยปากที่แตกต่างกัน
และนี่คือสิ่งที่นกกระจิบมีไว้ใช้
เพื่อดึงดูดนกตัวอื่นในพันธุ์เดียวกัน
เพื่อให้มาจับคู่และผสมพันธุ์
สร้างครอบครัวใหม่ต่อไป

นกพันธุ์ใหม่นี้จะแปลกแยก
ออกจากนกพันธุ์พื้นเมืองอย่างสิ้นเชิง
และมีคู่ครองภายในพันธุ์ของพวกมันเอง
เพื่อความอยู่รอด/สืบพันธุ์ต่อไป

แต่มันเป็นการต่อสู้ดิ้นรน
เพื่อสืบทอดเชื้อสาย/พันธุ์ที่ยากลำบากยิ่ง
ในช่วงฤดูแล้งบนเกาะช่วงปี 2002-2003
เมื่อพันธุ์ของวงศ์ตระกูลใหม่
ในรุ่นที่ 4 มีนก 2 ตัวที่ตายไป

และแล้วพวกมันก็กลับมา
รวมฝูงและชุมนุมกันอีกครั้ง

" เมื่อฝนตกอีกครั้ง
พี่ชายกับพี่สาว น้องชายกับน้องสาว
รุ่นพ่อกับรุ่นแม่ก็มาผสานเข้าด้วยกัน
และผลิตลูกหลานอีกจำนวน 26 ตัว

มีลูกนกเพศผู้ 9 ตัวที่รอดตาย
ลูกนกเพศผู้ตัวหนึ่งผสมพันธุ์กับแม่นก
ลูกนกเพศเมียตัวหนึ่งผสมพันธุ์กับพ่อนก
และลูกนกรุ่นต่าง ๆ ที่เหลือต่างผสมพันธุ์กันเอง
ทำให้เกิดสายเลือดพันธุ์แท้ที่ยอดเยี่ยม "
Rosemary Grant กล่าว
ในการสัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้ว

เนื่องจากนกกระจิบลูกผสม
มีขนาดใหญ่กว่านกพื้นเมือง
พวกมันจึงสามารถเข้าถึง
ทางเลือกอาหารได้มากกว่า
พวกมันกินอาหารที่นกพื้นเมืองกินไม่ได้
และนั่นทำให้พวกมันยังมีชีวิตอยู่รอดได้

ในการเข้าเยี่ยมเยียนเกาะ
ของนักวิจัยสองท่านนี้
เมื่อล่าสุดไม่นานมานี้  
พวกท่านได้สำรวจและนับนกใหม่
นกรุ่นก่อนเหลืออยู่ 23 ตัว
และนกที่ผสมพันธุ์ใหม่อีก 8 ตัว

ความสำเร็จครั้งนี้
ตามที่นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า
ในอดีตมีการผสมพันธุ์ที่เกิดขึ้นได้หลายครั้ง
ระหว่างพวกนกกระจิบ Darwin's finches
ส่งผลให้เกิดนกสายพันธุ์ใหม่
จนกลายเป็นพันธุ์ที่รู้จักกันในทุกวันนี้

" นักธรรมชาตินิยมรายหนึ่ง
มาถึงเกาะ Daphne Major
โดยไม่ทราบว่าพันธุ์นี้
เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้
ย่อมรู้จักและเชื่อว่านกพันธุ์นี้
เป็น 1 ใน 4 ของนกชนิด/พันธุ์นี้บนเกาะนี้
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง
คุณค่าของการศึกษาภาคสนาม
ในระยะยาวที่ตัองใช้เวลาศึกษา "
Leif Andersson จาก Uppsala University ใน Sweden
ซึ่งเป็นผู้ทำการวิเคราะห์พันธุกรรม
ของ Big Bird Finch นกพันธุ์ใหม่นี้



นกกระจิบ medium ground finch
(Geospiza fortis)
บนเกาะ Daphne Major หมู่เกาะ Galápagos
Credit: Photo Copyright B.R. Grant
Department of Ecology and Evolutionary
Biology/Princeton University Press


นกกระจิบ large ground finch
(Geospiza magnirostris)
บนเกาะ Daphne Major หมู่เกาะ Galápagos
Credit: B. R. Grant Reproduced
with the permission of
Princeton University Press

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่