เรื่องราวที่จะเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นเรื่องราวของแฟนเราเอง เราอยากจะบอกเล่า ความรู้สึกของคนที่เรารัก พวกเราคบกันมา 2 ปี 6 เดือน ตลอดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน เราผ่านความสุข ความทุกข์ ด้วยกันหลากหลาย รูปแบบ ทั้งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งความรู้สึกหดหู่ ทั้งความรู้สึกตื่นเต้น หัวเราะ ทุกวันเราจะคอยอัพเดทชีวิตซึ่งกันและกันเสมอ เพราะเราอยู่ไกลกัน แต่มาวันนี้ มันมีอีกเรื่องที่บีบหัวใจเรา ไม่แพ้กับคนที่โดนกระทำมา วันนี้แฟนเราตกงาน ตกงานในตอนที่อายุ 47 ปี ความรู้สึกของเขานั่น ล้มทั้งยืน
วันที่เรารู้จักเขา เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่น หน้าที่การงานมั่นคง ผ่านการมีลูกมีภรรยาแล้ว แต่วันที่เขาคบกับเรา เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ ความรัก และความเชื่อใจ มาโดยตลอด เราต่างมีความตั้งใจว่า เครีย์หนี้สินของตัวเองหมดแล้ว เราจะซื้อบ้านกันสักที เราวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน ว่า 2 ปี เราจะทำเรื่องซื้อบ้านกัน แต่แล้วกลางปี 2564 แฟนเราก็สูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักพร้อมกับหลานในท้องของเธอ 3 เดือน เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของเขา การจากไปด้วยอุบัติเหตุ แต่กลับต้องรีบเผาร่างเธอเพราะแพทย์ลงความเห็นว่า ติดโควิด ทำให้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าลูกสาว ไม่ได้ทำพิธีอย่างสมเกียรติ มันเป็นความเสียใจที่ไม่สามารถบรรยายได้เลย และเราก็คอยอยู่ข้างๆเขา ให้กำลังใจเขา พยายามพยุงเขาให้เดินหน้าต่อไป ใจของเขาคิดถึงลูกสาวเขาทุกวัน เราก็ภาวนาว่า ขอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป แล้วเจอแต่เรื่องดีๆสักที แต่แล้วใน ปลายปี 2565 บริษัทที่เขาทำงานอยู่ เกิดวิกฤติภายในองค์กร แต่ตัวแฟนเราก็ยังคงทำหน้าที่ หัวหน้างานที่ดี ดูแลงาน ดูแลลูกน้อง สม่ำเสมอ ตามกำลังที่จะสามารถผลิตงานออกมาได้ แฟนเราทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง รวมระยะเวลา มากว่า 18 ปี แฟนเรามีวุฒิการศึกษาแค่ ป.4 แต่เขาเริ่มจากการหยิบจับทำงานจากเล็กๆ จนมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และขึ้นมาถึง ระดับหัวหน้างานที่ควบคุมงานถึง 3 ฝ่าย ด้วยเงินเดือนของหัวหน้างานแค่ฝ่ายเดียว แฟนเราไม่เคยได้โบนัส จากบริษัท ตลอดการทำงาน แฟนเราทำงานอยู่ฝ่ายผลิต เป็นคนพูดจาเสียงดัง ดุในเรื่องงาน แต่ใจดีในเรื่องชีวิต แฟนเราจะคอยสอนลูกน้องเสมอ ทั้งการทำงาน ทั้งสุขภาพ ทั้งการใช้ชีวิต จนลูกน้องรักและนับถือแฟนเรามากๆ แฟนเราไม่เคยทอดทิ้งลูกน้องในยามลำบาก แม้ว่าแฟนเราเองจะลำบากอยู่ก็ตาม แต่แฟนเรายังมีเรา เขาจึงไม่กลัวอะไร ลูกน้องสิเงินเดือนก็น้อย ภาระก็เยอะ ช่วงโควิดแฟนเรา ช่วยเหลือ ทั้งๆที่แฟนเราก็ไม่ได้มีมากมาย แต่นั่นเพราะเขารักลูกน้องทุกคน อะไรที่แบ่งเบาภาระได้ เขาจะพยายามช่วย นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น ในวันที่เขาบอกกับเราว่า ไม่รู้ว่า บริษัทจะไปได้อีกแค่ไหน เพราะระบบการบริหารภายในมีปัญหา แฟนเราเลือกที่จะไม่ยุ่ง กับการบริหารแบบระบบครอบครัว อุ้มพี่น้อง เกื้อหนุนแค่คนในครอบครัว แต่บุคคลที่เป็นแรง แขนและขาของบริษัท กลับไม่มีความหมายอะไรเลย เขาบอกเราว่า เขาเติบโตมากับที่นี่ เคยมีบริษัทคู่แข่งมาซื้อตัวเขาไปทำงาน ในตอนที่ไฟแรงอยู่ เขาเลือกที่จะไม่ไป เขาจะไม่มีวันหักหลังบริษัท ที่ให้ชีวิตเขาจนมีความมั่นคง เขาร่วมหัวจมท้ายไปกับเพื่อนสนิทที่ดูแลบริษัทแห่งนี้ ด้วยคำสัญญาว่า ห้ามทิ้งบริษัทนี้ไปน่ะ แฟนเราก็ภูมิใจ และตั้งใจว่าจะทำงานไปจนกว่าจะเกษียณ แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงกลางในใจ เขาได้ให้พนักงานทุกคนเขียนใบลาออก เพื่อเปลี่ยนไปทำงานกับบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน แต่เขาจะเปิดบริษัทนี้ ที่พวกเขามองว่าเป็นปัญหา ทั้งๆที่ปัญหามันเกิดจากความโลภของคนในครอบครัว เขาไม่เคยสนใจ ปากท้องคนงาน ลูกน้อง ว่าจะเป็นยังไง อยู่ยังไง มีชีวิตยังไง แฟนเราก็มองเห็นปัญหา เมื่อไหร่ที่เขามาปรึกษาแฟนเรา เขาก็ให้คำแนะนำในฐานะผู้ใหญ่ ที่มีประสบการณ์ในการดูแลลูกน้อง ด้วยความปรารถนาดีเสมอ ไม่มีอคติใดๆ พยายามสอน พยายามบอก เพื่อให้เขารักษาบริษัทของพ่อต่อไปได้ แต่มันคงกลับกลายเป็นคลื่นใต้น้ำ ความไม่ชอบใจ ไม่พอใจด้านความคิด ทัศนคติ สำหรับแฟนเรา เขาจะอยู่กับความจริง อยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ แต่สำหรับบริษัท ที่มีแต่นโยบายขายฝัน ที่มันไม่สามารถจับต้องได้ เพราะมีแต่การผลิต แต่ไม่มีงบลงทุน แล้วคนผลิต จะผลิตชิ้นงานออกมาได้อย่างไร หากไม่มีวัสดุอุปกรณ์ เข้ามาให้เขาทำการผลิต จะเอาสินค้าไหนส่งให้ลูกค้า บริษัทกลับไม่ได้มองในจุดนี้ปัญหานี้ เรื่องง่ายๆ เขากลับบอกว่า คุณต้องทำได้ผลิตได้ แต่เขาจะเอาอะไรมาผลิต เพราะบริษัทไม่ซื้อวัสดุและอุปกรณ์มาให้ผลิต ถกเถียงกันเรื่องเหล้านี้มานานนับปี จนแฟนเรา รู้สึกว่า พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ทำเท่าที่ของมีให้ทำ แต่เขากลับมองว่า คุณทำงานไม่ครบกำหนดการ ไม่มีผลงาน กลายเป็นแบบนั้น
บริษัทมัดมือชก เขาไม่คุยส่วนตัว ไม่บอกเหตุผล ที่ต้องให้แฟนเราออกจากงาน สัญญาที่บีบบังคับให้เขียนใบลาออกนั้น ก้มีเงื่อนไขว่า จะจ่ายชดเชยให้ 1 เดือน และห้ามเรียกร้องอะไรจากบริษัท ให้ถือว่า เป็นการลาออกด้วยความสมัครใจ และเขียนใบสมัครใหม่ของบริษัทลูก แล้วรอเรียกกลับเข้ามาทำงาน ปราฏกว่า ลูกน้องทุกคนของแฟนเรา ได้กลับไปทำงานทุกคน ยกเว้นแฟนเรา พี่ชายของแฟนเรา และพนักงานอีก 1 คน แต่พี่ชายของแฟนเรา และพนักงาน เขาไม่ได้เดือดร้อนกับการบีบให้ออกจากงานในครั้งนี้ ยกเว้นแฟนเรา เพราะเขายังมีภาระมากมาย แถมทางบริษัทก็ปล่อยข่าวว่า แฟนเรา สมคบคิดคดโกงบริษัท จนทำให้บริษัทแย่ ทั้งๆที่ความเป็นจริง สถานะการเงินของบริษัทมีปัญหามาตั้งแต่ปี 2563 แฟนเราจิตตก เครียด จนเรากลัว่าเขาจะฆ่าตัวตาย เราพยายามอยู่ข้างเขา เราพยายามเป็นกำลังใจให้เขา แต่เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืน ลุกขึ้นสู้ใหม่ เราสงสารแฟนเรามาก ที่เจออะไรแย่ๆ ถึงขนาดนี้ เราไม่รู้ว่า เราจะสามารถไปเรียกร้องความยุติธรรมได้ที่ไหน เพราะแฟนเราก็ไม่มีหลักฐาน วันที่เขาให้แฟนเราเขียนใบลาออก เขาก็ให้เอาประเป๋าออกมาเลย ของใช้ส่วนตัวแฟนเรายังอยู่ที่ทำงาน เสื้อกันหนาวที่เราให้เขายังอยู่ที่ทำงาน แก้วกาแฟเรายังตั้งที่โต๊ะของเขา รูปของลูกสาวเขา ยังคงเซฟอยู่ในคอมที่เขานั่งทำงานมา 18 ปี บริษัทตัดชีวิตของเขา ตัดหัวใจของเขา ชีวิตผู้ชายแก่คนหนึ่ง เขาจะเดินต่อไปยังไง เราได้แต่หวังว่า สักวันมันจะเป็นวันของเรา
อย่าทุ่มเทงานให้บริษัท ที่ไม่เห็นคุณค่าของแขนและขา ไม่งั้นคุณจะเป็นเหมือนกับชีวิตของแฟนเรา ขอบคุณพื้นที่นี้ให้เราได้ระบาย เรากับแฟนจะพยายามผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ แล้วพวกคุณหล่ะ ถ้าหากว่าตกอยู่ในสภาพนี้ คุณจะทำยังไง จะเริ่มต้นยังไง จะเดินต่อยังไง เรากับแฟนยังคงมืด 8 ด้าน แต่ก็จะพยายามหาทางออกให้ได้ ขอเพียงอย่างเดียว ภาวนาอย่าให้แฟนเราคิดสั้น เพราะแม่ของเขาจะไม่เหลือใครดูแล เป็นกำลังใจให้เราด้วยน่ะ
จุดหักเหชีวิต
วันที่เรารู้จักเขา เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่น หน้าที่การงานมั่นคง ผ่านการมีลูกมีภรรยาแล้ว แต่วันที่เขาคบกับเรา เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ ความรัก และความเชื่อใจ มาโดยตลอด เราต่างมีความตั้งใจว่า เครีย์หนี้สินของตัวเองหมดแล้ว เราจะซื้อบ้านกันสักที เราวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน ว่า 2 ปี เราจะทำเรื่องซื้อบ้านกัน แต่แล้วกลางปี 2564 แฟนเราก็สูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักพร้อมกับหลานในท้องของเธอ 3 เดือน เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของเขา การจากไปด้วยอุบัติเหตุ แต่กลับต้องรีบเผาร่างเธอเพราะแพทย์ลงความเห็นว่า ติดโควิด ทำให้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าลูกสาว ไม่ได้ทำพิธีอย่างสมเกียรติ มันเป็นความเสียใจที่ไม่สามารถบรรยายได้เลย และเราก็คอยอยู่ข้างๆเขา ให้กำลังใจเขา พยายามพยุงเขาให้เดินหน้าต่อไป ใจของเขาคิดถึงลูกสาวเขาทุกวัน เราก็ภาวนาว่า ขอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป แล้วเจอแต่เรื่องดีๆสักที แต่แล้วใน ปลายปี 2565 บริษัทที่เขาทำงานอยู่ เกิดวิกฤติภายในองค์กร แต่ตัวแฟนเราก็ยังคงทำหน้าที่ หัวหน้างานที่ดี ดูแลงาน ดูแลลูกน้อง สม่ำเสมอ ตามกำลังที่จะสามารถผลิตงานออกมาได้ แฟนเราทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง รวมระยะเวลา มากว่า 18 ปี แฟนเรามีวุฒิการศึกษาแค่ ป.4 แต่เขาเริ่มจากการหยิบจับทำงานจากเล็กๆ จนมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และขึ้นมาถึง ระดับหัวหน้างานที่ควบคุมงานถึง 3 ฝ่าย ด้วยเงินเดือนของหัวหน้างานแค่ฝ่ายเดียว แฟนเราไม่เคยได้โบนัส จากบริษัท ตลอดการทำงาน แฟนเราทำงานอยู่ฝ่ายผลิต เป็นคนพูดจาเสียงดัง ดุในเรื่องงาน แต่ใจดีในเรื่องชีวิต แฟนเราจะคอยสอนลูกน้องเสมอ ทั้งการทำงาน ทั้งสุขภาพ ทั้งการใช้ชีวิต จนลูกน้องรักและนับถือแฟนเรามากๆ แฟนเราไม่เคยทอดทิ้งลูกน้องในยามลำบาก แม้ว่าแฟนเราเองจะลำบากอยู่ก็ตาม แต่แฟนเรายังมีเรา เขาจึงไม่กลัวอะไร ลูกน้องสิเงินเดือนก็น้อย ภาระก็เยอะ ช่วงโควิดแฟนเรา ช่วยเหลือ ทั้งๆที่แฟนเราก็ไม่ได้มีมากมาย แต่นั่นเพราะเขารักลูกน้องทุกคน อะไรที่แบ่งเบาภาระได้ เขาจะพยายามช่วย นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น ในวันที่เขาบอกกับเราว่า ไม่รู้ว่า บริษัทจะไปได้อีกแค่ไหน เพราะระบบการบริหารภายในมีปัญหา แฟนเราเลือกที่จะไม่ยุ่ง กับการบริหารแบบระบบครอบครัว อุ้มพี่น้อง เกื้อหนุนแค่คนในครอบครัว แต่บุคคลที่เป็นแรง แขนและขาของบริษัท กลับไม่มีความหมายอะไรเลย เขาบอกเราว่า เขาเติบโตมากับที่นี่ เคยมีบริษัทคู่แข่งมาซื้อตัวเขาไปทำงาน ในตอนที่ไฟแรงอยู่ เขาเลือกที่จะไม่ไป เขาจะไม่มีวันหักหลังบริษัท ที่ให้ชีวิตเขาจนมีความมั่นคง เขาร่วมหัวจมท้ายไปกับเพื่อนสนิทที่ดูแลบริษัทแห่งนี้ ด้วยคำสัญญาว่า ห้ามทิ้งบริษัทนี้ไปน่ะ แฟนเราก็ภูมิใจ และตั้งใจว่าจะทำงานไปจนกว่าจะเกษียณ แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงกลางในใจ เขาได้ให้พนักงานทุกคนเขียนใบลาออก เพื่อเปลี่ยนไปทำงานกับบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน แต่เขาจะเปิดบริษัทนี้ ที่พวกเขามองว่าเป็นปัญหา ทั้งๆที่ปัญหามันเกิดจากความโลภของคนในครอบครัว เขาไม่เคยสนใจ ปากท้องคนงาน ลูกน้อง ว่าจะเป็นยังไง อยู่ยังไง มีชีวิตยังไง แฟนเราก็มองเห็นปัญหา เมื่อไหร่ที่เขามาปรึกษาแฟนเรา เขาก็ให้คำแนะนำในฐานะผู้ใหญ่ ที่มีประสบการณ์ในการดูแลลูกน้อง ด้วยความปรารถนาดีเสมอ ไม่มีอคติใดๆ พยายามสอน พยายามบอก เพื่อให้เขารักษาบริษัทของพ่อต่อไปได้ แต่มันคงกลับกลายเป็นคลื่นใต้น้ำ ความไม่ชอบใจ ไม่พอใจด้านความคิด ทัศนคติ สำหรับแฟนเรา เขาจะอยู่กับความจริง อยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ แต่สำหรับบริษัท ที่มีแต่นโยบายขายฝัน ที่มันไม่สามารถจับต้องได้ เพราะมีแต่การผลิต แต่ไม่มีงบลงทุน แล้วคนผลิต จะผลิตชิ้นงานออกมาได้อย่างไร หากไม่มีวัสดุอุปกรณ์ เข้ามาให้เขาทำการผลิต จะเอาสินค้าไหนส่งให้ลูกค้า บริษัทกลับไม่ได้มองในจุดนี้ปัญหานี้ เรื่องง่ายๆ เขากลับบอกว่า คุณต้องทำได้ผลิตได้ แต่เขาจะเอาอะไรมาผลิต เพราะบริษัทไม่ซื้อวัสดุและอุปกรณ์มาให้ผลิต ถกเถียงกันเรื่องเหล้านี้มานานนับปี จนแฟนเรา รู้สึกว่า พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ทำเท่าที่ของมีให้ทำ แต่เขากลับมองว่า คุณทำงานไม่ครบกำหนดการ ไม่มีผลงาน กลายเป็นแบบนั้น
บริษัทมัดมือชก เขาไม่คุยส่วนตัว ไม่บอกเหตุผล ที่ต้องให้แฟนเราออกจากงาน สัญญาที่บีบบังคับให้เขียนใบลาออกนั้น ก้มีเงื่อนไขว่า จะจ่ายชดเชยให้ 1 เดือน และห้ามเรียกร้องอะไรจากบริษัท ให้ถือว่า เป็นการลาออกด้วยความสมัครใจ และเขียนใบสมัครใหม่ของบริษัทลูก แล้วรอเรียกกลับเข้ามาทำงาน ปราฏกว่า ลูกน้องทุกคนของแฟนเรา ได้กลับไปทำงานทุกคน ยกเว้นแฟนเรา พี่ชายของแฟนเรา และพนักงานอีก 1 คน แต่พี่ชายของแฟนเรา และพนักงาน เขาไม่ได้เดือดร้อนกับการบีบให้ออกจากงานในครั้งนี้ ยกเว้นแฟนเรา เพราะเขายังมีภาระมากมาย แถมทางบริษัทก็ปล่อยข่าวว่า แฟนเรา สมคบคิดคดโกงบริษัท จนทำให้บริษัทแย่ ทั้งๆที่ความเป็นจริง สถานะการเงินของบริษัทมีปัญหามาตั้งแต่ปี 2563 แฟนเราจิตตก เครียด จนเรากลัว่าเขาจะฆ่าตัวตาย เราพยายามอยู่ข้างเขา เราพยายามเป็นกำลังใจให้เขา แต่เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืน ลุกขึ้นสู้ใหม่ เราสงสารแฟนเรามาก ที่เจออะไรแย่ๆ ถึงขนาดนี้ เราไม่รู้ว่า เราจะสามารถไปเรียกร้องความยุติธรรมได้ที่ไหน เพราะแฟนเราก็ไม่มีหลักฐาน วันที่เขาให้แฟนเราเขียนใบลาออก เขาก็ให้เอาประเป๋าออกมาเลย ของใช้ส่วนตัวแฟนเรายังอยู่ที่ทำงาน เสื้อกันหนาวที่เราให้เขายังอยู่ที่ทำงาน แก้วกาแฟเรายังตั้งที่โต๊ะของเขา รูปของลูกสาวเขา ยังคงเซฟอยู่ในคอมที่เขานั่งทำงานมา 18 ปี บริษัทตัดชีวิตของเขา ตัดหัวใจของเขา ชีวิตผู้ชายแก่คนหนึ่ง เขาจะเดินต่อไปยังไง เราได้แต่หวังว่า สักวันมันจะเป็นวันของเรา
อย่าทุ่มเทงานให้บริษัท ที่ไม่เห็นคุณค่าของแขนและขา ไม่งั้นคุณจะเป็นเหมือนกับชีวิตของแฟนเรา ขอบคุณพื้นที่นี้ให้เราได้ระบาย เรากับแฟนจะพยายามผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ แล้วพวกคุณหล่ะ ถ้าหากว่าตกอยู่ในสภาพนี้ คุณจะทำยังไง จะเริ่มต้นยังไง จะเดินต่อยังไง เรากับแฟนยังคงมืด 8 ด้าน แต่ก็จะพยายามหาทางออกให้ได้ ขอเพียงอย่างเดียว ภาวนาอย่าให้แฟนเราคิดสั้น เพราะแม่ของเขาจะไม่เหลือใครดูแล เป็นกำลังใจให้เราด้วยน่ะ