JYJ ผู้มาก่อนกาล น่าเสียดายที่เสียงของพวกเขาในตอนนั้นไม่ดังพอ ศิลปินตัวเล็กๆ 3 คน ที่ต้องสู้กับค่ายใหญ่คับฟ้าของเกาหลี ขอบคุณ JYJ ที่ไม่ก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง ไม่โกหกเพื่อเข้าข้างค่าย มีศักดิ์ศรีและต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของตัวเอง จนชนะคดีในทางกฏหมาย ทำให้เปลี่ยนแปลงสัญญาทาสของทั้งวงการ K-POP แต่ก็ต้องแพ้อำนาจมืด ถูกกีดกันไม่ได้ออกทีวีเป็นสิบๆปี ถูกเรียกไปถ่ายแต่สุดท้ายก็ยกเลิก ทำอะไรติดขัดไปหมดทุกอย่าง ถูกสกัดกั้นไม่ใช่แค่ในทีวี แต่ทุกอย่างจริงๆ มีแผลในใจ โดนมาตลอดสิบปี และในวันนี้ ความจริงความเน่าเฟะทุกอย่างจะได้เผยสู่โลก ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม คนพวกนั้นก็กำลังได้รับกรรมแล้ว
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดในวันนั้น
A Song Without a Name PART 1
เพลงไร้นาม ตอนที่ 1 โดย ปาร์กยูชอน
ผมเคยบอกคุณเรื่องนี้หรือเปล่า
หลังจากช่วงเวลาฝึกฝนสองสามเดือนในปี 2003 พวกเราสมาชิกในทีมเสร็จสิ้นภารกิจชิ้นแรกของเราอย่างง่ายดาย
ในปี 2004 พวกเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งแห่งเดือน ได้รับความสำเร็จนับไม่ถ้วน แต่พวกเราไม่ได้พอใจอยู่เพียงแค่นั้น
พวกเราไม่สามารถเก็บกักตัวเองไว้ได้และพวกเราเริ่มอยากจะได้มากกว่าเดิม
2005 พวกเราเริ่มทำงานในต่างประเทศ พวกเราคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีเหมือนที่เป็นในเกาหลี
ความพยายามแรกของพวกเรา พวกเราได้รับผลที่แย่ที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ และนั่นคือช่วงเวลาที่ความมั่นใจของผมเริ่มลดลง
ภาษาที่เราไม่อาจพูดได้
ทุกวันพวกเราจะอยู่แต่ในที่พักหรือไม่ก็ที่ทำงาน
การกักขังที่พวกเขาอ้างว่ามันไม่ใช่การกักขัง บอกว่ามันดีต่อพวกเราเอง
ความอ้างว้าง น้ำตา ความโกรธเกรี้ยวอันมากมายมหาศาล
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียว
พูด…ว่าเราจะไม่แยกจากกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
พูด…ว่าเราควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
พูด…ว่าเราควรจะทำในสิ่งดีๆของกันและกัน
พวกเราพูดสิ่งเหล่านี้ในใจของเราและวิ่งต่อไป
วันหนึ่ง…ในที่สุดพวกเราก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เราต้องการจริงๆ
พวกเราแต่ละคนหยิบโทรศัพท์และติดต่อครอบครัวของเราและเพื่อนๆ
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
จากนั้นเป็นต้นมา ทุกสิ่งก็เริ่มเป็นไปด้วยดี
แผ่นซีดีขายได้เป็นแสนๆ ชนะรางวัลทุกรางวัลที่มีอยู่และเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแรงงานของเรา
มันรู้สึกราวกับว่าถึงแม้เราจะร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นก็หยดอย่างเบาบาง
เหตุที่เรามีความสุขยิ่งกว่าความสำราญหรือความเศร้า
พวกเรา ผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้และวิ่งต่อไปจนถึงที่สุด
เหตุผลที่เราเข้มแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นเพราะพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
คุณเปลี่ยนไปแล้ว (ผมไม่สามารถอยู่ในจุดนั้นได้ตลอดกาล)
ผมจะเป็นคนแรกที่หันหลังให้กับคุณ (ผมไม่สามารถเช็ดน้ำตาได้ตลอดไป)
ผมจะเรียกชื่อคุณออกมา ถึงแม้ว่าคุณจะออกห่างไปไกลเรื่อยๆ (บินขึ้นไปให้สูงเสียดฟ้า)
พวกเราได้วิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อพวกเราถูกห่อมล้อมไปด้วยไปด้วยกำแพงสูงใหญ่อันไม่ได้คาดฝัน
ความคิดที่ว่า “มันช่างมืดหม่นอย่างนี้มาตลอดหรือเปล่านะ” วนเวียนอยู่ในหัวของผมมานาน
ครั้งหนึ่ง เมื่อมันเกิดขึ้น
ด้วยค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น และหนี้สิ้นที่พอกผูน
สถานการณ์กลายเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง
CEO ของเราเคยพูดกับพวกเราครั้งหนึ่งว่า
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด เพราะว่าเราจะเป็นครอบครัวของกันและกันตลอดไป
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด
เพราะว่าจำคำเหล่านั้นได้ ผมจึงรวบรวมความกล้าโทรหาเขาและขอให้เขาช่วย
ถึงแม้ว่าผมจะมีความรู้สึกแปลกในใจ เขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถเชื่อใจได้ในตอนนั้น
เพราะว่าเราเป็นครอบครัวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถึงแม้ว่าผมได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา สิ่งที่ผมได้รับทั้งหมดคือการปฏิเสธอย่างเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้ผมโกรธมาก แต่ผมอดกลั้นไว้และขอให้เขาช่วยอีกครั้ง
เขาวางสายใส่ผม
ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้าได้
ผมไม่สามารถคิดอะไรได้เพราะเขาไม่ใช่ครอบครัวที่ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเขาเป็น จนกระทั่งถึงตอนนั้น
เมื่อเขาต้องการเรา เราเป็นครอบครัวของเขา เมื่อเราต้องการเขา เรากลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ไปมากกว่านั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อได้ยินว่าในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในต่างประเทศและนำพาซึ่งผลลัพธ์มูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจคาดคิดถึงได้
ฤดูใบไม้ผลิผมเดินเข้าไปในบริษัทเพื่อจะรับค่าแรงของผม
สมาชิกในทีมของเราต่างก็มองกันและกันด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
เราชมเชยกันเองว่าพวกเราทำงานหนักกันมามากแค่ไหน
แต่ยอดบัญชีที่เราได้รับบอกว่าเรายังคงค้างหนี้
ผมคิดว่าผมเห็นตัวเลขผิดไป ดังนั้นผมเลยตรวจมันอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่เป็นค่าใช้จ่าย
ให้ตายซิ ทำไมเงินทั้งหมดกลับกลายเป็นค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายอะไรกันที่ทำให้เงินจำนวนมากขนาดนั้นหายไป?
ผมไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง ดังนั้นผมจึงขอให้พวกเขาแสดงรายละเอียดของบัญชีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกเขาบอกผมว่าพวกเขาจะเอามาให้ผมดู แต่สุดท้ายแล้วผมไม่เคยได้เห็นแผ่นกระดาษพวกนั้น เนื่องจากผมได้แต่ทำงานเท่านั้น
คำถามทั้งหลายเติบโตขึ้นในใจผมเมื่อเวลาผ่านไป
อาการปวดหัวมีมากขึ้นเมื่อสมาชิกในทีมของเรามารวมตัวกันและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถ้าหากผมจะพูดได้เป็นครั้งสุดท้าย
สิ่งที่พวกเราทำให้บริษัท
เป็นสิ่งที่สำหรับบริษัทจริงๆเท่านั้นซินะ?
แน่นอน เอาเป็นว่ามันใช่ก็แล้วกัน พวกเราจะใจดี จะปล่อยมันไว้อย่างนั้น
พวกเราจะลืมมันไปซะ สำหรับบริษัท และสำหรับพวกเราเอง ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พวกมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะพูดกับเรา
พวกคุณกำลังวางแผนเพื่อทำให้เราผิดหวังจริงๆจนถึงหยดสุดท้ายเลยหรือไร?
เมื่อคุณโทรมา สิ่งเดียวที่คุณทำคือพูดจาลับหลังสมาชิกคนอื่นในวงให้เราฟัง มันยากที่จะเชื่อคุณ
นี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่รุ่นพี่ของเราเคยบอก พวกเขาแค่อยากจะเก็บคนที่ทำเงินเอาไว้
รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผมว่าครอบครัวที่บริษัทพูดถึงมาตลอด จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะอยู่รอดได้ถ้าหากเราออกจากบริษัท
คำพูดเหล่านั้นไม่ยอมออกไปจากความคิดผมเสียที
ถึงแม้ว่ามันจะมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากจะพูด
ผมคงไม่สามารถพูดได้เพราะผมรู้สึกท้อแท้เมื่อคิดถึงว่าคงมีบางคนที่จะทรมานพวกเรายิ่งกว่าเดิมเมื่อเพลงนี้ออกมา
ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากเย็น พวกเราจะทำงานหนักและทำให้ได้ดี
พวกเราจะพยายามยิ้มถึงแม้ว่าเราจะทนทรมานต่อไปเพราะคนบางคน
ความพยายามของเราไม่ใช่ความพยายามเพื่อผลิตสินค้าเท่านั้น
มันเป็นความพยายามที่ถูกผลักดันจากความคิด
ที่ว่าเราอยากจะตายโดยไม่เสียดายเมื่อเราจากโลกนี้ไป
-บันทึกเหตุการณ์โดยยูชอน-
ใช่ ในที่สุด มันคือ JYJ
เมื่อวานและวันพรุ่งนี้ ถึงแม้ว่าผมจะได้คิดถึงมันมาตลอดทั้งวัน
ผมสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างแต่ก่อนกับตอนนี้ ขณะที่ผมอายุ 25
ผมจะวางปากกาด้ามนี้ลงแล้ว
แต่ผมมันก็เบาใจลง ณ ตอนนี้
เพราะว่าผมสามารถรู้สึกได้ถึงความรักจากแฟนๆของพวกเรา…
ผมกำลังคิดถึงการแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เก็บไว้ในใจตลอดเวลาที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นเรื่องง่าย แต่ผมก็เบาใจลงได้
ผมมีความสุขเพราะพวกเรามีแฟนๆของเราเป็นครอบครัวของเรา
ผมคิดถึงพวกคุณทั้งหมดเช่นนั้น…
ผมรักพวกคุณ
พวกคุณจะเชื่อพวกเราจะถึงที่สุดได้ไหม
คุณจะบอกเราว่าคุณรักเรา
เราจะทำงานให้หนักขึ้นตลอดไป เพื่อให้คุณสามารถอยู่เคียงข้างเรา
เพราะเรายังคงมีพวกคุณ
และพวกคุณยังคงมีเรา
ผมสัญญา ผมจะแสดงให้คุณได้เห็นทุกอย่างในที่สุด
ใช่ครับ พวกเราคือ JYJ
“พวกคุณได้สร้างกำแพงปราสาทและปิดประตูอย่างแน่นหนา
พวกเขาต่างบอกว่าความรักไม่ใช่การกักขัง
รักคือการให้อิสระโบยบินไป
แต่ผมไม่ได้คาดหวังมากมายขนาดนั้น
สำหรับพวกเรา ที่คุณได้สร้างขึ้น คงไม่มีค่าแม้กระทั่งครึ่งของครึ่งของเสี้ยวนั้น
เราไม่ใช่อะไรเลยนอกจากกบในกะลาตลอดกาล”
(ตัดมาจากละครเวที “Mozart!”)
ถึงแม้ว่าผมจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะพูด
ผมจะหยุดที่ตรงนี้
Source: [DC Gall]
Translation credits: jeeelim5@tohosomnia.net
Shared by: tohosomnia.net
Do not remove/add on any credits
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress
https://3rebelangels.wordpress.com/2011/01/22/lyrics-unnamed-song/
เพลงแฉ SM ของ JYJ เมื่อสิบปีก่อน “เมื่อเขาต้องการเรา เราเป็นครอบครัวของเขา เมื่อเราต้องการเขา เรากลับเป็นคนแปลกหน้า”
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดในวันนั้น
A Song Without a Name PART 1
เพลงไร้นาม ตอนที่ 1 โดย ปาร์กยูชอน
ผมเคยบอกคุณเรื่องนี้หรือเปล่า
หลังจากช่วงเวลาฝึกฝนสองสามเดือนในปี 2003 พวกเราสมาชิกในทีมเสร็จสิ้นภารกิจชิ้นแรกของเราอย่างง่ายดาย
ในปี 2004 พวกเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งแห่งเดือน ได้รับความสำเร็จนับไม่ถ้วน แต่พวกเราไม่ได้พอใจอยู่เพียงแค่นั้น
พวกเราไม่สามารถเก็บกักตัวเองไว้ได้และพวกเราเริ่มอยากจะได้มากกว่าเดิม
2005 พวกเราเริ่มทำงานในต่างประเทศ พวกเราคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีเหมือนที่เป็นในเกาหลี
ความพยายามแรกของพวกเรา พวกเราได้รับผลที่แย่ที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ และนั่นคือช่วงเวลาที่ความมั่นใจของผมเริ่มลดลง
ภาษาที่เราไม่อาจพูดได้
ทุกวันพวกเราจะอยู่แต่ในที่พักหรือไม่ก็ที่ทำงาน
การกักขังที่พวกเขาอ้างว่ามันไม่ใช่การกักขัง บอกว่ามันดีต่อพวกเราเอง
ความอ้างว้าง น้ำตา ความโกรธเกรี้ยวอันมากมายมหาศาล
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียว
พูด…ว่าเราจะไม่แยกจากกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
พูด…ว่าเราควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
พูด…ว่าเราควรจะทำในสิ่งดีๆของกันและกัน
พวกเราพูดสิ่งเหล่านี้ในใจของเราและวิ่งต่อไป
วันหนึ่ง…ในที่สุดพวกเราก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เราต้องการจริงๆ
พวกเราแต่ละคนหยิบโทรศัพท์และติดต่อครอบครัวของเราและเพื่อนๆ
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
จากนั้นเป็นต้นมา ทุกสิ่งก็เริ่มเป็นไปด้วยดี
แผ่นซีดีขายได้เป็นแสนๆ ชนะรางวัลทุกรางวัลที่มีอยู่และเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแรงงานของเรา
มันรู้สึกราวกับว่าถึงแม้เราจะร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นก็หยดอย่างเบาบาง
เหตุที่เรามีความสุขยิ่งกว่าความสำราญหรือความเศร้า
พวกเรา ผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้และวิ่งต่อไปจนถึงที่สุด
เหตุผลที่เราเข้มแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นเพราะพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
คุณเปลี่ยนไปแล้ว (ผมไม่สามารถอยู่ในจุดนั้นได้ตลอดกาล)
ผมจะเป็นคนแรกที่หันหลังให้กับคุณ (ผมไม่สามารถเช็ดน้ำตาได้ตลอดไป)
ผมจะเรียกชื่อคุณออกมา ถึงแม้ว่าคุณจะออกห่างไปไกลเรื่อยๆ (บินขึ้นไปให้สูงเสียดฟ้า)
พวกเราได้วิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อพวกเราถูกห่อมล้อมไปด้วยไปด้วยกำแพงสูงใหญ่อันไม่ได้คาดฝัน
ความคิดที่ว่า “มันช่างมืดหม่นอย่างนี้มาตลอดหรือเปล่านะ” วนเวียนอยู่ในหัวของผมมานาน
ครั้งหนึ่ง เมื่อมันเกิดขึ้น
ด้วยค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น และหนี้สิ้นที่พอกผูน
สถานการณ์กลายเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง
CEO ของเราเคยพูดกับพวกเราครั้งหนึ่งว่า
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด เพราะว่าเราจะเป็นครอบครัวของกันและกันตลอดไป
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด
เพราะว่าจำคำเหล่านั้นได้ ผมจึงรวบรวมความกล้าโทรหาเขาและขอให้เขาช่วย
ถึงแม้ว่าผมจะมีความรู้สึกแปลกในใจ เขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถเชื่อใจได้ในตอนนั้น
เพราะว่าเราเป็นครอบครัวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถึงแม้ว่าผมได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา สิ่งที่ผมได้รับทั้งหมดคือการปฏิเสธอย่างเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้ผมโกรธมาก แต่ผมอดกลั้นไว้และขอให้เขาช่วยอีกครั้ง
เขาวางสายใส่ผม
ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้าได้
ผมไม่สามารถคิดอะไรได้เพราะเขาไม่ใช่ครอบครัวที่ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเขาเป็น จนกระทั่งถึงตอนนั้น
เมื่อเขาต้องการเรา เราเป็นครอบครัวของเขา เมื่อเราต้องการเขา เรากลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ไปมากกว่านั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อได้ยินว่าในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในต่างประเทศและนำพาซึ่งผลลัพธ์มูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจคาดคิดถึงได้
ฤดูใบไม้ผลิผมเดินเข้าไปในบริษัทเพื่อจะรับค่าแรงของผม
สมาชิกในทีมของเราต่างก็มองกันและกันด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
เราชมเชยกันเองว่าพวกเราทำงานหนักกันมามากแค่ไหน
แต่ยอดบัญชีที่เราได้รับบอกว่าเรายังคงค้างหนี้
ผมคิดว่าผมเห็นตัวเลขผิดไป ดังนั้นผมเลยตรวจมันอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่เป็นค่าใช้จ่าย
ให้ตายซิ ทำไมเงินทั้งหมดกลับกลายเป็นค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายอะไรกันที่ทำให้เงินจำนวนมากขนาดนั้นหายไป?
ผมไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง ดังนั้นผมจึงขอให้พวกเขาแสดงรายละเอียดของบัญชีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกเขาบอกผมว่าพวกเขาจะเอามาให้ผมดู แต่สุดท้ายแล้วผมไม่เคยได้เห็นแผ่นกระดาษพวกนั้น เนื่องจากผมได้แต่ทำงานเท่านั้น
คำถามทั้งหลายเติบโตขึ้นในใจผมเมื่อเวลาผ่านไป
อาการปวดหัวมีมากขึ้นเมื่อสมาชิกในทีมของเรามารวมตัวกันและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถ้าหากผมจะพูดได้เป็นครั้งสุดท้าย
สิ่งที่พวกเราทำให้บริษัท
เป็นสิ่งที่สำหรับบริษัทจริงๆเท่านั้นซินะ?
แน่นอน เอาเป็นว่ามันใช่ก็แล้วกัน พวกเราจะใจดี จะปล่อยมันไว้อย่างนั้น
พวกเราจะลืมมันไปซะ สำหรับบริษัท และสำหรับพวกเราเอง ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พวกมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะพูดกับเรา
พวกคุณกำลังวางแผนเพื่อทำให้เราผิดหวังจริงๆจนถึงหยดสุดท้ายเลยหรือไร?
เมื่อคุณโทรมา สิ่งเดียวที่คุณทำคือพูดจาลับหลังสมาชิกคนอื่นในวงให้เราฟัง มันยากที่จะเชื่อคุณ
นี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่รุ่นพี่ของเราเคยบอก พวกเขาแค่อยากจะเก็บคนที่ทำเงินเอาไว้
รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผมว่าครอบครัวที่บริษัทพูดถึงมาตลอด จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะอยู่รอดได้ถ้าหากเราออกจากบริษัท
คำพูดเหล่านั้นไม่ยอมออกไปจากความคิดผมเสียที
ถึงแม้ว่ามันจะมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากจะพูด
ผมคงไม่สามารถพูดได้เพราะผมรู้สึกท้อแท้เมื่อคิดถึงว่าคงมีบางคนที่จะทรมานพวกเรายิ่งกว่าเดิมเมื่อเพลงนี้ออกมา
ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากเย็น พวกเราจะทำงานหนักและทำให้ได้ดี
พวกเราจะพยายามยิ้มถึงแม้ว่าเราจะทนทรมานต่อไปเพราะคนบางคน
ความพยายามของเราไม่ใช่ความพยายามเพื่อผลิตสินค้าเท่านั้น
มันเป็นความพยายามที่ถูกผลักดันจากความคิด
ที่ว่าเราอยากจะตายโดยไม่เสียดายเมื่อเราจากโลกนี้ไป
-บันทึกเหตุการณ์โดยยูชอน-
ใช่ ในที่สุด มันคือ JYJ
เมื่อวานและวันพรุ่งนี้ ถึงแม้ว่าผมจะได้คิดถึงมันมาตลอดทั้งวัน
ผมสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างแต่ก่อนกับตอนนี้ ขณะที่ผมอายุ 25
ผมจะวางปากกาด้ามนี้ลงแล้ว
แต่ผมมันก็เบาใจลง ณ ตอนนี้
เพราะว่าผมสามารถรู้สึกได้ถึงความรักจากแฟนๆของพวกเรา…
ผมกำลังคิดถึงการแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เก็บไว้ในใจตลอดเวลาที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นเรื่องง่าย แต่ผมก็เบาใจลงได้
ผมมีความสุขเพราะพวกเรามีแฟนๆของเราเป็นครอบครัวของเรา
ผมคิดถึงพวกคุณทั้งหมดเช่นนั้น…
ผมรักพวกคุณ
พวกคุณจะเชื่อพวกเราจะถึงที่สุดได้ไหม
คุณจะบอกเราว่าคุณรักเรา
เราจะทำงานให้หนักขึ้นตลอดไป เพื่อให้คุณสามารถอยู่เคียงข้างเรา
เพราะเรายังคงมีพวกคุณ
และพวกคุณยังคงมีเรา
ผมสัญญา ผมจะแสดงให้คุณได้เห็นทุกอย่างในที่สุด
ใช่ครับ พวกเราคือ JYJ
“พวกคุณได้สร้างกำแพงปราสาทและปิดประตูอย่างแน่นหนา
พวกเขาต่างบอกว่าความรักไม่ใช่การกักขัง
รักคือการให้อิสระโบยบินไป
แต่ผมไม่ได้คาดหวังมากมายขนาดนั้น
สำหรับพวกเรา ที่คุณได้สร้างขึ้น คงไม่มีค่าแม้กระทั่งครึ่งของครึ่งของเสี้ยวนั้น
เราไม่ใช่อะไรเลยนอกจากกบในกะลาตลอดกาล”
(ตัดมาจากละครเวที “Mozart!”)
ถึงแม้ว่าผมจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะพูด
ผมจะหยุดที่ตรงนี้
Source: [DC Gall]
Translation credits: jeeelim5@tohosomnia.net
Shared by: tohosomnia.net
Do not remove/add on any credits
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress
https://3rebelangels.wordpress.com/2011/01/22/lyrics-unnamed-song/