สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คนยุคใหม่ส่วนมาก เปลี่ยนไปใช้ระบบโอนเงินกันหมดแล้วครับ โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำ เพราะบริษัทเดี๋ยวนี้จ่ายเงินเดือนค่าจ้างผ่านบัญชี เขาก็ไม่ค่อยเสียเวลาไปกดเงินออกมาถ้ามันแสกนจ่ายได้
ลองนึกถึง 20ปีก่อน ที่พอสิ้นเดือน คนต่อคิวกด ATM ยาวเหยียก และบ่นกันระงมว่าเงินหมดตู้
จริงๆ แค่ระบบแสกนจ่ายเงิน ใช้โทรศัพท์แค่เครื่องเดียว ที่มีอินเตอร์เน็ท ไปเปิดบัญชีไว้ แค่นี้เองไม่ยุ่งยากครับ แต่ ถ้า จขกท ไม่พร้อม ไม่อยากใช้ระบบรับเงินออนไลน์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลขี้เกียจติดตาม หรือ กลัวสรรพากรก็ตาม
จากปัญหาที่คุณว่ามา คุณก็แค่ติดป้ายว่าร้านนี้รับเงินสดไม่มีระบบจ่ายเงินออนไลน์ ก็จบปัญหาคนไม่มีเงินสดมาซื้อแล้วครับ
แต่อยากแนะนำว่า คนจะเติบโต กิจการจะเติบใหญ่ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเสียภาษี และทำให้ถูกตามข้อบังคับของกฏหมายครับ คุณคิดจะมีแค่กิจการเล็กๆตลอกไปหรือครับ สังคมสมัยนี้ การจ่ายเงินด้วยแสกน/บัตรเครดิต ถ้าอยู่ในกรุงเทพคนใช้งานเกินครึ่งแล้วครับ แต่ต่างจังหวัดนี่ ถ้าตัวเมืองใหญ่ๆ ก็ไม่น่าต่างกัน ยกเว้นเขตย่อยๆ ลองนึกดูว่าคนแก่สมัยนี้ยังรับเงินสวัสดิการผ่านบัญชี เงินบำนาญต่างก็รับผ่านบัญชี มันยังเหลือคนใช้เงินสดล้วนๆอีกมากแค่ไหนครับ (จริงๆมันก็มีนะ แต่ ถ้ามองว่าครึ่งๆ แล้วคุณเลือกที่จะเสียลูกค้าครึงนึงหรือครับ)
ลองนึกถึง 20ปีก่อน ที่พอสิ้นเดือน คนต่อคิวกด ATM ยาวเหยียก และบ่นกันระงมว่าเงินหมดตู้
จริงๆ แค่ระบบแสกนจ่ายเงิน ใช้โทรศัพท์แค่เครื่องเดียว ที่มีอินเตอร์เน็ท ไปเปิดบัญชีไว้ แค่นี้เองไม่ยุ่งยากครับ แต่ ถ้า จขกท ไม่พร้อม ไม่อยากใช้ระบบรับเงินออนไลน์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลขี้เกียจติดตาม หรือ กลัวสรรพากรก็ตาม
จากปัญหาที่คุณว่ามา คุณก็แค่ติดป้ายว่าร้านนี้รับเงินสดไม่มีระบบจ่ายเงินออนไลน์ ก็จบปัญหาคนไม่มีเงินสดมาซื้อแล้วครับ
แต่อยากแนะนำว่า คนจะเติบโต กิจการจะเติบใหญ่ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเสียภาษี และทำให้ถูกตามข้อบังคับของกฏหมายครับ คุณคิดจะมีแค่กิจการเล็กๆตลอกไปหรือครับ สังคมสมัยนี้ การจ่ายเงินด้วยแสกน/บัตรเครดิต ถ้าอยู่ในกรุงเทพคนใช้งานเกินครึ่งแล้วครับ แต่ต่างจังหวัดนี่ ถ้าตัวเมืองใหญ่ๆ ก็ไม่น่าต่างกัน ยกเว้นเขตย่อยๆ ลองนึกดูว่าคนแก่สมัยนี้ยังรับเงินสวัสดิการผ่านบัญชี เงินบำนาญต่างก็รับผ่านบัญชี มันยังเหลือคนใช้เงินสดล้วนๆอีกมากแค่ไหนครับ (จริงๆมันก็มีนะ แต่ ถ้ามองว่าครึ่งๆ แล้วคุณเลือกที่จะเสียลูกค้าครึงนึงหรือครับ)
แสดงความคิดเห็น
ขอความเห็นในเรื่องการจ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยเงินสดและการโอนเงินครับ
คือร้านผมเป็นร้านของชำธรรมดาไม่รับโอนแต่ติดที่ว่าลูกค้ามักจะเลือกซื้อสินค้าแล้วเพิ่งจะมาถามว่าโอนเงินได้ไหมกลายเป็นว่าร้านผมก็ไม่รับโอนบางครั้งลูกค้าต้องเดินไปหาตู้กดเงินสดออกหรือบางคนก็ต้องยกเลิกสินค้าไปผมก็ต้องเอาสินค้ากลับไปเลียงเก็บที่เดิมเพราะลูกค้าที่มาต้องการใช้โอนนั้นคือไม่มีเงินสดเลยแม้แต่บาทเดียว!!!! หรือมีแต่มีไม่พอเช่นไม่ถึง 500 หรือ 1,000 บาท คือปัญหาในเรื่องการโอนเงินกับร้านค้าตอนนี้สำหรับผมผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ยิ่งสำหรับร้านขายของชำแล้วที่มีอัตรากำไรไม่ถึง 10% ถ้ารับโอนเยอะๆนี่คือตายแน่นอนครับสรรพากรตามมายันบ้านเพราะเราไม่สามารถสู้กับเรื่องภาษีไหวหรอครับพูดตรงๆ ระบบภาษีไทยเราเป็นกันแบบนี้ถ้าคนเข้าใจก็น่าจะรู้ว่าทำไม่ไหวหรอก แต่ถ้าระบบการคิดภาษีเป็นซัก 0.5 เปอร์เซ็นต์ของเงินเข้าถ้าแบบนี้ผมทำไหวคือก็จะรู้เลยว่าใน 100 บาทเดี๋ยวผมจะต้องจ่ายให้รัฐ 50 สตางค์อะไรแบบนี้เราก็จะคำนวณได้เลยแบบง่ายๆไม่ต้องเยิ่นเย้อ
คือผมก็เข้าใจนะครับว่ายุคปัจจุบันพยายามเปลี่ยนเป็นสังคมไร้เงินสดแต่ด้วยความที่ว่าประเทศไทยเราผมมองว่าถ้าไม่ใช่ร้านค้าที่มีกำไรมาร์จิ้นเยอะจริงๆหรือว่ามีลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่หรือทันสมัยหรือเป็นเมืองใหญ่ๆจริงๆผมว่าการใช้เงินสดยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ ทั่วประเทศเราผมยังคิดว่าการใช้จ่ายโดยการโอนน่าจะยังไม่ถึง 80% ของการใช้จ่ายทั้งหมดที่ผมสงสัยที่สุดเลยคือลูกค้าแต่ละคนมาคือไม่พกเงินสดกันเลยไม่มีแม้แต่100ถึง 200 บาทด้วยซ้ำ ผมเลยงงว่าถ้าจู่ๆมีเหตุจำเป็นจริงๆไปในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ไหนที่เขารับแต่เงินสดจะเอาอะไรกินครับคือทำไมพวกคุณไม่พกเงินสดกันเลย?? คือจะมีเงินโอนในบัญชีกี่หมื่นกี่แสนผมไม่รู้แต่อย่างน้อยมันก็ควรที่จะมีเงินสดติดตัวมาบ้างสัก 500-1,000 บาท ก็ยังดีเผื่อฉุกเฉินบางครั้งมันก็ยังจำเป็นต้องใช้เงินสดอยู่
เลยขอคำแนะนำความเห็นของแต่ละท่านหน่อยครับว่าผมคิดผิด ผมควรปรับปรุงหรือว่าเราควรใช้พฤติกรรมกันแบบไหนดีครับขอบคุณครับ