สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
"จะสิ้นเดือนละค่ะ.ที่บ้านบอกไม่มาสักที ไม่งั้นเค้าจะตามไปหาถึงบ้านเองนะคะ เค้าบ่นกันแล้วนัดไม่มา"
ก้าวร้าวแล้วหนึ่ง เหมือนเจ้าหนี้ทวงลูกหนี้
"วันใหนแม่ยุย้านเข้าๆๆกะพาเขามาสักแปบกะได้นิเนาะ เหมือนที่มายร่ำร้องขอมาอยู่ที่บ้านแม่นะเนาะ"
แม่จิกตอบแล้ว 1 แต่ไม่หยาบใส่ จขกท.น่าจะรับไม่ได้กับคำที่ว่า "..เหมือนที่มายร่ำร้องขอมาอยู่ที่บ้านแม่นะเนาะ" รับความจริงให้ได้ก่อนค่ะว่าไปร่ำร้องขอเค้าอยู่จริงๆ
"แม่พิมงี้ก็ไม่ถูกนะ
แค่มาคุยกับที่บ้านแม่บอกจะมาหลายครั้งแล้วไม่มา แล้วเค้าก็บ่นกันไง หนูก็แค่มาบอกว่าถ้าไม่มาสักทีเค้าจะไปหาเอง ไม่ใช่มาพิมใส่ว่า เหมือนที่ร้องขออยู่ที่นู้นมันคนละเรื่องกันค่ะ
พิมแบบนี้เสียใจนะคะ มันแทงใจดำเกินไปค่ะ
ก็เค้าบ่นกันเพราะว่านัดหลายเดือนแล้วไม่เคยมาเลย
ถ้าแม่จะพิมมาแบบนั้นมันไม่ได้นะคะ เห็นใจคนอ่านบ้างค่ะ เรืองมาคุยก็คือคุย อย่าเอาเรื่องอื่นมาเกี่ยวกัน
เค้านัดแม่ให้แม่เพราะอะไร เพราะแม่เป็นฝ่ายชายที่ต้องมาหา ไม่ใช่เค้าบ่นว่าไม่มาสักทีแล้วมาบอกก้มาหาที่บ้านเช้าๆเองสิ มันไม่ได้ค่ะเข้าใจด้วยนะคะ
ไม่รู้หรอกนะว่าแม่คิดอะไรอยู่ทำไมไม่มาสักที แต่ยังไงสักวันก็ต้องเข้ามาคุยอะค่ะ. ระวังเค้าไปหาเองละจะโดนเค้าบ่นเอานะคะว่าไม่ยอมมาเพราะก็อยู่ใกล้แค่นี้
หนูก็แค่มาบอกเพราะหวังดีกลัวเค้าจะไปหาเอง"
ก้าวร้าวมาาาาาก สั่งสอน และบังคับแม่เค้ามากๆค่ะ
ฝ่ายชายทำไมต้องไปหา
จขกท.เป็นฝ่ายหญิงยังเคยเข้าไปอยู่บ้านเค้าเฉยๆเลย
"รอหน่อยนะ"
แม่แฟนตอบกลับมานิ่มมากนะคะ
"ทางบ้านเราไม่ได้รู้หรือรับรู้ว่าเราเคยไปอยู่นั้น
แต่เค้าให้เรียกแม่มาคุย เพราะหลังจากเรากลับมาอยู่บ้านตัวเองได้2-3 อาทิตย์ เราก็อยากเปิดตัวแฟนให้พ่อแม่รับรู้ แฟนเราก้ไม่อยากหลบๆซ่อนๆคอยแอบมารับ
แต่พอตั้งแต่วันนั้นทางบ้าสเราชอบแฟนเรามากๆจึงบอกให้แฟนไปบอกแม่เรื่องเข้ามาคุย
แต่ที่เรียกเค้ามาคุยเค้าตกลงและยินยอมจะมาคุยแต่เค้ายังไม่ว่างก็แค่นั้น"
จขกท.ควรบอกให้พ่อแม่รับรู้ค่ะว่าไปอยู่บ้านแฟนแล้ว ไม่ต้องเหนียม พ่อแม่จะได้ไม่ต้องเรียกสินสอดเลย ตอนเข้าไปอยู่บ้านเค้าก็ไปได้ เป็นคนกลางคุยกับฝั่งตัวเองให้ได้ค่ะ
เค้าตกลงยินยอมมาคุย นี่คือจากปากแฟนหรือจากปากแม่คะ
บอกเองว่าเค้ายังไม่ว่าง แต่ตัวเองไปประชด-ดันเค้าแบบนั้น พังค่ะ
แฟนกับจขกท.รักกันมาก ก็อยู่กันไปค่ะ เอาแบบคนหัวสมัยใหม่ จดทะเบียนกัยเฉยๆก็ได้
แต่ถ้าจะให้แม่เค้าไปขอ มันหมดสิทธิแล้วตั้งแต่คุณไปก้าวร้าวใส่เค้าครั้งแรก
สินสอด เงินรับขวัญ การไปสู่ขอ เป็นเรื่องของการเจรจาพูดคุย โดยดูจากพฤติกรรมที่ฝ่ายหญิงและชายปฏิบัติต่อกัน และพฤติกรรมที่อีกฝ่สยหนึ่งปฏิบัติต่อครอบครัวอีกฝ่ายหนึ่งนะคะ
สถานการณ์ตอนนี้ถ้าให้แม่แฟนควักเงินจ่ายค่าสินสอดให้คุณคงเป็นไปได้ยากมากค่ะ คุยกับแฟนเก็บเงินกันเองก่อนนะคะ ตอนนี้เหมือนคุณไปปิดประตูที่จะให้แม่เค้ามาสู่ขอแล้วค่ะ
ก้าวร้าวแล้วหนึ่ง เหมือนเจ้าหนี้ทวงลูกหนี้
"วันใหนแม่ยุย้านเข้าๆๆกะพาเขามาสักแปบกะได้นิเนาะ เหมือนที่มายร่ำร้องขอมาอยู่ที่บ้านแม่นะเนาะ"
แม่จิกตอบแล้ว 1 แต่ไม่หยาบใส่ จขกท.น่าจะรับไม่ได้กับคำที่ว่า "..เหมือนที่มายร่ำร้องขอมาอยู่ที่บ้านแม่นะเนาะ" รับความจริงให้ได้ก่อนค่ะว่าไปร่ำร้องขอเค้าอยู่จริงๆ
"แม่พิมงี้ก็ไม่ถูกนะ
แค่มาคุยกับที่บ้านแม่บอกจะมาหลายครั้งแล้วไม่มา แล้วเค้าก็บ่นกันไง หนูก็แค่มาบอกว่าถ้าไม่มาสักทีเค้าจะไปหาเอง ไม่ใช่มาพิมใส่ว่า เหมือนที่ร้องขออยู่ที่นู้นมันคนละเรื่องกันค่ะ
พิมแบบนี้เสียใจนะคะ มันแทงใจดำเกินไปค่ะ
ก็เค้าบ่นกันเพราะว่านัดหลายเดือนแล้วไม่เคยมาเลย
ถ้าแม่จะพิมมาแบบนั้นมันไม่ได้นะคะ เห็นใจคนอ่านบ้างค่ะ เรืองมาคุยก็คือคุย อย่าเอาเรื่องอื่นมาเกี่ยวกัน
เค้านัดแม่ให้แม่เพราะอะไร เพราะแม่เป็นฝ่ายชายที่ต้องมาหา ไม่ใช่เค้าบ่นว่าไม่มาสักทีแล้วมาบอกก้มาหาที่บ้านเช้าๆเองสิ มันไม่ได้ค่ะเข้าใจด้วยนะคะ
ไม่รู้หรอกนะว่าแม่คิดอะไรอยู่ทำไมไม่มาสักที แต่ยังไงสักวันก็ต้องเข้ามาคุยอะค่ะ. ระวังเค้าไปหาเองละจะโดนเค้าบ่นเอานะคะว่าไม่ยอมมาเพราะก็อยู่ใกล้แค่นี้
หนูก็แค่มาบอกเพราะหวังดีกลัวเค้าจะไปหาเอง"
ก้าวร้าวมาาาาาก สั่งสอน และบังคับแม่เค้ามากๆค่ะ
ฝ่ายชายทำไมต้องไปหา
จขกท.เป็นฝ่ายหญิงยังเคยเข้าไปอยู่บ้านเค้าเฉยๆเลย
"รอหน่อยนะ"
แม่แฟนตอบกลับมานิ่มมากนะคะ
"ทางบ้านเราไม่ได้รู้หรือรับรู้ว่าเราเคยไปอยู่นั้น
แต่เค้าให้เรียกแม่มาคุย เพราะหลังจากเรากลับมาอยู่บ้านตัวเองได้2-3 อาทิตย์ เราก็อยากเปิดตัวแฟนให้พ่อแม่รับรู้ แฟนเราก้ไม่อยากหลบๆซ่อนๆคอยแอบมารับ
แต่พอตั้งแต่วันนั้นทางบ้าสเราชอบแฟนเรามากๆจึงบอกให้แฟนไปบอกแม่เรื่องเข้ามาคุย
แต่ที่เรียกเค้ามาคุยเค้าตกลงและยินยอมจะมาคุยแต่เค้ายังไม่ว่างก็แค่นั้น"
จขกท.ควรบอกให้พ่อแม่รับรู้ค่ะว่าไปอยู่บ้านแฟนแล้ว ไม่ต้องเหนียม พ่อแม่จะได้ไม่ต้องเรียกสินสอดเลย ตอนเข้าไปอยู่บ้านเค้าก็ไปได้ เป็นคนกลางคุยกับฝั่งตัวเองให้ได้ค่ะ
เค้าตกลงยินยอมมาคุย นี่คือจากปากแฟนหรือจากปากแม่คะ
บอกเองว่าเค้ายังไม่ว่าง แต่ตัวเองไปประชด-ดันเค้าแบบนั้น พังค่ะ
แฟนกับจขกท.รักกันมาก ก็อยู่กันไปค่ะ เอาแบบคนหัวสมัยใหม่ จดทะเบียนกัยเฉยๆก็ได้
แต่ถ้าจะให้แม่เค้าไปขอ มันหมดสิทธิแล้วตั้งแต่คุณไปก้าวร้าวใส่เค้าครั้งแรก
สินสอด เงินรับขวัญ การไปสู่ขอ เป็นเรื่องของการเจรจาพูดคุย โดยดูจากพฤติกรรมที่ฝ่ายหญิงและชายปฏิบัติต่อกัน และพฤติกรรมที่อีกฝ่สยหนึ่งปฏิบัติต่อครอบครัวอีกฝ่ายหนึ่งนะคะ
สถานการณ์ตอนนี้ถ้าให้แม่แฟนควักเงินจ่ายค่าสินสอดให้คุณคงเป็นไปได้ยากมากค่ะ คุยกับแฟนเก็บเงินกันเองก่อนนะคะ ตอนนี้เหมือนคุณไปปิดประตูที่จะให้แม่เค้ามาสู่ขอแล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 27
จากที่อ่านข้อความของคุณ ถ้าเราเป็นแม่แฟน ก็คิดว่าคุณก้าวร้าวนะ
เพราะการเลือกใช้คำพูดแบบไม่มีหางเสียง ทำให้คนที่รับและอ่านข้อความตีความหมายผิดได้ (โดยเฉพาะส่งหาผู้ที่อาวุโสกว่า)
เราเข้าใจว่า คุณเองก็อยากจะทำให้เรื่องนี้ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม มาพูดคุย ตกลงกันให้จบ
ขออนุญาตยกตัวอย่างข้อความเปรียบเทียบนะ จะได้เห็นภาพขึ้นสักหน่อย
ถ้าเป็นเรา จะเปลี่ยนประโยคดังต่อไปนี้ว่า
1. "จะสิ้นเดือนละค่ะ." เปลี่ยนเป็น "สวัสดีค่ะแม่ (ตามด้วยสติ้กเกอร์ พนมมือ) ใกล้สิ้นเดือนแล้วค่ะคุณแม่"
2. "ที่บ้านบอกไม่มาสักที" เปลี่ยนเป็น "พอดีที่บ้านหนูเค้าถามมาว่า เมื่อไรคุณแม่จะสะดวกมาคะ" + (สติ้กเกอร์รอยยิ้ม)
3. "ไม่งั้นเค้าจะตามไปหาถึงบ้านเองนะคะ" เปลี่ยนเป็น "ถ้าคุณแม่ไม่สะดวก ไม่เป็นไรค่ะ เดียวพ่อกับแม่หนูจะไปพบแม่ที่บ้านเองก็ได้นะคะ"
4. "เค้าบ่นกันแล้วนัดไม่มา" เปลี่ยนเป็น "พวกท่านพูดถึงแม่ตลอดเลย เห็นคุณแม่นัดไว้ว่าจะมา"
พร้อมส่งสติ้กเกอร์รอยยิ้มหวาน ๆ ให้แม่แฟน ไปอีกหนึ่งกรุบ ก็ทำให้ข้อความมีความอ่อนโยนขึ้น แต่ก็ยังคงใจความสำคัญเอาไว้
ข้อความที่สั้น และตรงประเด็นเกินไป อาจจะทำให้ผู้รับข้อความ แปลความหมายผิดได้
ใจเค้าใจเรา ถ้าคุณลองสลับตำแหน่งเป็นแม่แฟน แล้วลองอ่านข้อความที่ส่งมา คุณจะรู้สึกอย่างไร
ถ้านึกไม่ออกไม่เป็นไร อีก 5 ปี คุณลองกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้ง เราว่าคุณจะได้รับคำตอบของกระทู้นี้เอง
ส่วนเรื่องจะไปต่อหรือพอแค่นี้ สำหรับเราคงไม่สามารถตัดสินใจแทนคุณได้ ถ้ายังรอได้ก็รอ เพราะเราก็ยังรู้สึกว่า
คุณสองคนก็มีความสุขด้วยกันดี แค่มีปัจจัยเรื่องแม่แฟนที่ยังไม่มาพูดคุยสักที ถ้าตัดเรื่องแม่แฟนออกไป คุณก็ยังโอเคกับความรัก
ถ้ายังรอได้ก็รอ ถ้ารอไม่ได้แล้ว ก็คงต้องเลือกที่จะจบความสัมพันธ์
ขอให้โชคดี
เพราะการเลือกใช้คำพูดแบบไม่มีหางเสียง ทำให้คนที่รับและอ่านข้อความตีความหมายผิดได้ (โดยเฉพาะส่งหาผู้ที่อาวุโสกว่า)
เราเข้าใจว่า คุณเองก็อยากจะทำให้เรื่องนี้ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม มาพูดคุย ตกลงกันให้จบ
ขออนุญาตยกตัวอย่างข้อความเปรียบเทียบนะ จะได้เห็นภาพขึ้นสักหน่อย
ถ้าเป็นเรา จะเปลี่ยนประโยคดังต่อไปนี้ว่า
1. "จะสิ้นเดือนละค่ะ." เปลี่ยนเป็น "สวัสดีค่ะแม่ (ตามด้วยสติ้กเกอร์ พนมมือ) ใกล้สิ้นเดือนแล้วค่ะคุณแม่"
2. "ที่บ้านบอกไม่มาสักที" เปลี่ยนเป็น "พอดีที่บ้านหนูเค้าถามมาว่า เมื่อไรคุณแม่จะสะดวกมาคะ" + (สติ้กเกอร์รอยยิ้ม)
3. "ไม่งั้นเค้าจะตามไปหาถึงบ้านเองนะคะ" เปลี่ยนเป็น "ถ้าคุณแม่ไม่สะดวก ไม่เป็นไรค่ะ เดียวพ่อกับแม่หนูจะไปพบแม่ที่บ้านเองก็ได้นะคะ"
4. "เค้าบ่นกันแล้วนัดไม่มา" เปลี่ยนเป็น "พวกท่านพูดถึงแม่ตลอดเลย เห็นคุณแม่นัดไว้ว่าจะมา"
พร้อมส่งสติ้กเกอร์รอยยิ้มหวาน ๆ ให้แม่แฟน ไปอีกหนึ่งกรุบ ก็ทำให้ข้อความมีความอ่อนโยนขึ้น แต่ก็ยังคงใจความสำคัญเอาไว้
ข้อความที่สั้น และตรงประเด็นเกินไป อาจจะทำให้ผู้รับข้อความ แปลความหมายผิดได้
ใจเค้าใจเรา ถ้าคุณลองสลับตำแหน่งเป็นแม่แฟน แล้วลองอ่านข้อความที่ส่งมา คุณจะรู้สึกอย่างไร
ถ้านึกไม่ออกไม่เป็นไร อีก 5 ปี คุณลองกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้ง เราว่าคุณจะได้รับคำตอบของกระทู้นี้เอง
ส่วนเรื่องจะไปต่อหรือพอแค่นี้ สำหรับเราคงไม่สามารถตัดสินใจแทนคุณได้ ถ้ายังรอได้ก็รอ เพราะเราก็ยังรู้สึกว่า
คุณสองคนก็มีความสุขด้วยกันดี แค่มีปัจจัยเรื่องแม่แฟนที่ยังไม่มาพูดคุยสักที ถ้าตัดเรื่องแม่แฟนออกไป คุณก็ยังโอเคกับความรัก
ถ้ายังรอได้ก็รอ ถ้ารอไม่ได้แล้ว ก็คงต้องเลือกที่จะจบความสัมพันธ์
ขอให้โชคดี
ความคิดเห็นที่ 4
แม่ผู้ชายไม่ชอบหนูตั้งแต่หนูเข้าไปอยู่บ้านเขาแล้ว เรามักเตือนเสมอว่าถ้ายังไม่แต่งงาน อย่าย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายเด็ดขาด ต่อให้แต่งแล้วถ้าแยกบ้านได้ก็ควรแยก
พอหนูย้ายไปอยู่กับเขา พ่อแม่หนูก็ต้องเป็นฝ่ายเร่งรัดให้ทำอะไรให้มันถูกต้องตามประเพณี ชาวบ้านจะได้ไม่นินทาสนุกปาก แต่พอไปเร่งเข้า เขาไม่พร้อม และไม่ยินดี ผลมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละ
ชนวนที่ทำให้ถึงกับแตกหักคือ แชท หนูอาจจะคิดว่า คำพูดธรรมดา แต่คนนอกมาอ่านต้องบอกว่า แรง และไม่สุภาพ ไม่เหมาะสำหรับการเจรจาความกับผู้ใหญ่ หนูทำเหมือนพูดกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
แยกย้าย บ้านใครบ้านมันดีกว่า จำไว้เป็นบทเรียน คบใครก็ดูให้นาน ๆ อย่ารีบย้ายไปอยู่บ้านเขา
พอหนูย้ายไปอยู่กับเขา พ่อแม่หนูก็ต้องเป็นฝ่ายเร่งรัดให้ทำอะไรให้มันถูกต้องตามประเพณี ชาวบ้านจะได้ไม่นินทาสนุกปาก แต่พอไปเร่งเข้า เขาไม่พร้อม และไม่ยินดี ผลมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละ
ชนวนที่ทำให้ถึงกับแตกหักคือ แชท หนูอาจจะคิดว่า คำพูดธรรมดา แต่คนนอกมาอ่านต้องบอกว่า แรง และไม่สุภาพ ไม่เหมาะสำหรับการเจรจาความกับผู้ใหญ่ หนูทำเหมือนพูดกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
แยกย้าย บ้านใครบ้านมันดีกว่า จำไว้เป็นบทเรียน คบใครก็ดูให้นาน ๆ อย่ารีบย้ายไปอยู่บ้านเขา
แสดงความคิดเห็น
ทะเลาะกับแม่แฟนเค้าเข้าใจผิดว่าเราไปก้าวร้าวไม่ให้เกียรติทั้งๆที่เรายังไม่ได้ทำไรเลย
คือเรา ก็พิมไปแล้วใส่จุด .
ประโยคสนทนาท / จะสิ้นเดือนละค่ะ.
ที่บ้านบอกไม่มาสักที
ไม่งั้นเค้าจะตามไปหาถึงบ้านเองนะคะ
เค้าบ่นกันแล้วนัดไม่มา
คือเราพิมไปแบบนี้เพราะเราบอกทางแม่แฟนกลายครั้งเเล้วเค้าก็เอาแต่ไม่ว่างแต่พอเค้าว่างจริงๆเค้าก็ไม่ยอมไปหา
หลังจากนั้น แม่แหนมาพิมแบบนี้ใส่เราเราโมโหมาก
วันใหนแม่ยุย้านเข้าๆๆกะพาเขามาสักแปบกะได้นิเนาะ
เหมือนที่มายร่ำร้องขอมาอยู่ที่บ้านแม่นะเนาะ
คือเราเคยไปอยู่บ้านแฟนประมาณปีนึง แต่ตอนไปอยู่เราไม่ได้เรียกร้องหรือร้องขอเข้าไปอยู่ ที่เราอยู่ตอนนั้นเพราะเราอยากให้เราอยู่ด้วย แฟนเราเป็นคนขอแม่เองว่าให้เราอยู่ที่นั่น
แล้วเราก็โมโหมากที่สุดเราเลยพิมไปรัวๆใส่เค้า
ประโยคสนทนา
แม่พิมงี้ก็ไม่ถูกนะ
แค่มาคุยกับที่บ้านแม่บอกจะมาหลายครั้งแล้วไม่มา แล้วเค้าก็บ่นกันไง หนูก็แค่มาบอกว่าถ้าไม่มาสักทีเค้าจะไปหาเอง ไม่ใช่มาพิมใส่ว่า เหมือนที่ร้องขออยู่ที่นู้นมันคนละเรื่องกันค่ะ
พิมแบบนี้เสียใจนะคะ มันแทงใจดำเกินไปค่ะ
ก็เค้าบ่นกันเพราะว่านัดหลายเดือนแล้วไม่เคยมาเลย
ถ้าแม่จะพิมมาแบบนั้นมันไม่ได้นะคะ เห็นใจคนอ่านบ้างค่ะ เรืองมาคุยก็คือคุย อย่าเอาเรื่องอื่นมาเกี่ยวกัน
เค้านัดแม่ให้แม่เพราะอะไร เพราะแม่เป็นฝ่ายชายที่ต้องมาหา ไม่ใช่เค้าบ่นว่าไม่มาสักทีแล้วมาบอกก้มาหาที่บ้านเช้าๆเองสิ มันไม่ได้ค่ะเข้าใจด้วยนะคะ
ไม่รู้หรอกนะว่าแม่คิดอะไรอยู่ทำไมไม่มาสักที แต่ยังไงสักวันก็ต้องเข้ามาคุยอะค่ะ. ระวังเค้าไปหาเองละจะโดนเค้าบ่นเอานะคะว่าไม่ยอมมาเพราะก็อยู่ใกล้แค่นี้
หนูก็แค่มาบอกเพราะหวังดีกลัวเค้าจะไปหาเอง
แล้วแม่แฟนก็ตอบเรามาว่า รอหน่อยนะ
คือเราเข้าใจเรารอมาหลายเดือนแล้ว
แล้วหลังจากแม่แฟนพิมว่ารอหน่อยนะเสร็จ
เค้ารัวไปหาแฟนเราว่าจะเอาคำแบบนี้ทำเมียหรอ
แม่ยังไม่ได้รับมาเป็นสะใภ้เลย
อีกหน่อยไม่เหยียบหัวแม่หรอ
ลูกยังจะเอามันอยู่มั้ยแต่แม่ไม่เอาแล้ว
คือเราอยากถามว่าเราผิดอะไร เราผิดมากเลยหรอ เค้าบอกที่เราพิทไปงั้นงี้ เราก้าวร้าวไม่ให้เกียรติเค้าเลย
ทุกคนรู้มั้ย เราถามเเฟนเราว่าจะเอายังไงต่อเธอยังอยากคบกับเค้าอยู่มั้ยเพราะแม่เธอบอกไม่เอาเค้าเเล้ว
คำตอบที่ได้ มันบอกอยู่ที่แม่เพราะแม่ก็เป็นงั้นก็ทำไรไม่ได้แล้ว
ในใจเรานี่คิดเลยนะว่า ทุกอย่างที่ผ่านมาเราดีกับเค้าเสมอคอยช่วยทุกอย่างยันเรื่องเงิน
แต่เค้าไม่สามารถให้คำตอบเราได้ว่าจะคบอยู่มั้ย
พอวันต่อมาเค้าไปทำงาน แล้วอ่านไม่ตอบแชทเราเลยแต่ตอบแชทคนอื่นได้
คือเราอยากรู้ว่าเราควรจบความสัมพันธ์นี่ลงเพราะแม่แฟนคนเดียวหรอค่ะ