ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 9
ปรึกษาหมอผู้ที่คุณฝากครรภ์ด้วย
ว่าคุณสามารถดูแลคุณแม่ผู้ซึ่งเป็นมะเร็งได้ไหม
ถ้าได้ ก็ไปดูแลท่าน โดยจัดหาผู้ช่วยดูแลด้วย
เพราะคนท้อง ทำอะไรให้ผู้ป่วยไม่ถนัดนักหรอก
ในยามป่วยไข้ คุณแม่ต้องการกำลังใจ จากลูก
อย่างไรก็ตาม คุณดูแลคุณแม่ไปไม่เท่าไร ก็ต้องคลอด
หลังคลอดคุณไม่มีเวลาดูแลท่าน แน่นอน
ในระยะเวลาที่ยังทำได้นี้(ถ้าหมอบอกว่าทำได้) เป็นระยะที่จะฝึกผู้ที่จ้างมาดูแลให้ทำได้ถูกต้อง
ว่าคุณสามารถดูแลคุณแม่ผู้ซึ่งเป็นมะเร็งได้ไหม
ถ้าได้ ก็ไปดูแลท่าน โดยจัดหาผู้ช่วยดูแลด้วย
เพราะคนท้อง ทำอะไรให้ผู้ป่วยไม่ถนัดนักหรอก
ในยามป่วยไข้ คุณแม่ต้องการกำลังใจ จากลูก
อย่างไรก็ตาม คุณดูแลคุณแม่ไปไม่เท่าไร ก็ต้องคลอด
หลังคลอดคุณไม่มีเวลาดูแลท่าน แน่นอน
ในระยะเวลาที่ยังทำได้นี้(ถ้าหมอบอกว่าทำได้) เป็นระยะที่จะฝึกผู้ที่จ้างมาดูแลให้ทำได้ถูกต้อง
Jintawanee ถูกใจ, You Know No Better ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3156317 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4836465 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1128418 ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
แม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่คุณท้อง 8 เดือน หมอแนะนำให้คนดูแลมาเฝ้าแทน แต่คนในครอบครัวยังอยากให้คุณเฝ้าควรทำอย่างไร
คือเราท้อง 8 เดือน ก่อนหน้าตั้งแต่เริ่มท้องก็ดูแลแม่มาตลอด ตอนนั้นยังเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล
พาไปทำคีโมต่างๆ อยู่ในช่วงแรก จนคุณหมอที่รพ.ในจังหวัดบอกว่าไม่ตอบสนองต่อยาแล้ว
เลยปลี่ยนมารักษาแบบประคับประคองแทนค่ะ (แม่เป็นมะเร็งรังไข่ ตรวจพบตอนระยะ 3C แล้ว)
มีการผ่าตัดมดลูกก่อนจะเริ่มทำคีโม) ปกติแม่จะไม่ได้อยู่กับเรา เพราะพ่อแม่แยกกันอยู่นานแล้วค่ะ
เราอยู่กับครอบครัวทางพ่อ พอแม่เริ่มป่วยถึงเริ่มพาแม่มาดูแล (เป็นลูกคนเดียว)
ก่อนจะเริ่มจ้างคนดูแล เราก็นอนเฝ้าอยู่รพ. 24 ชม. เลยค่ะ ทั้งเปลี่ยนแพมเพิสเช็ดตัวต่างๆ
คุณหมอก็ทักมาตลอดว่าควรจะจ้างคนดูแลมาช่วยได้แล้วเพราะท้องโตมากแล้ว (ตอนนั้น 7 เดือน)
จนเดือนที่แล้วเริ่มจ้างคนดูแล แต่เราก็ยังไปสลับกันคนดูแลอยู่ตลอดค่ะ ช่วงที่เขาขอหยุดไปพัก
จนล่าสุดมีวันนึงที่เราเริ่มคิดว่าไม่ไหว เพราะแม่อาเจียนมาก อาหารก็ทานไม่ได้เลยจนเกลือแร่ตก
เกิดอาการหลอนกลางดึก ปีนตกจากเตียงแล้วล้มไปเลย ด้วยความตกใจเราเลยวิ่งไปอุ้ม (ความจริงไม่ควรทำ)
แล้วกดออดเรียกพยาบาล คืนนั้นทั้งคืนต้องนั่งเฝ้าจนเช้าเลยค่ะ เพราะแม่ยังพยายามจะปีนอีกหลายครั้ง
หลังจากเหตุการณ์นี้เราเริ่มนอนไม่หลับและผวาทุกคืน จนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน
พอได้กลับบ้าน (ในตัวเมือง) มาตรวจคุณหมอสูติฯ ที่ฝากท้องอยู่ก็เป็นห่วงว่าเราจะพักผ่อนไม่เพียงพอ
และเป็นห่วงเรื่องคลอดก่อนกำหนดเพราะเดินเยอะ ลุกๆ นั่งๆ ก้มๆ อยู่ตลอด หมอก็บอกว่าความจริงไม่ควรไปเฝ้าแล้ว
ต้องตัดใจให้คนดูแลรับหน้าทื่แทนไปเลย เพราะอีก 2 เดือนก๊จะคลอดแล้ว ยังต้องเทียวไปเทียวมาเดินทางอีก
เราก็เลยตัดสินใจบอกคนในครอบครัวฝั่งแม่ไปแบบนั้น ว่าเราจ้างคนดูแลแทน แต่ทุกคนก็เหมือนยังอยากให้เราไปเฝ้าด้วย
เพราะคิดว่าเป็นระยะสุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่าคุณแม่จะอยู่ได้ถึงวันไหน แต่ตรงนี้ทางหมอสูติฯ ก็เตือนเราว่าไม่อยากให้ไปแล้ว
เพราะทุกอารมณ์ ทุกความกระทบกระเทือนจิตใจ มันส่งผลถึงลูกในท้องด้วยนะ เราก็พยายามอธิบายให้ครอบครัวฝั่งแม่ฟัง
ว่ามีไครพอจะเสียสละมาเฝ้าแทนได้มั้ย คำตอบก็คืออ้างว่าไกล ไม่สะดวก และมีปัญหาสุขภาพของตัวเอง
เราก็รู้สึกจนใจจริงๆ ค่ะ ถามว่าสงสารแม่มั้ยก็สงสาร แต่ทางครอบครัวสามีเราก็อยากให้เราเป็นห่วงลูกในท้องด้วย
ส่วนนึงอาจจะเพราะแต่แรกเราไม่แพ้ท้อง ช่วงแรกก็ยังดูแลแม่ได้ตลอด เหมือนคนไม่ได้ท้อง จนพอมันถึงจุดที่ต้องพักบ้าง
แต่ทุกคนก็ยังคิดว่าเราน่าจะไหวนะ ตรงนี้มันไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ เหมือนอธิบายไปก็เหมือนจะเข้าใจ เห็นใจ
แต่ก็อยากให้เราดูแลต่อจนวาระสุดท้าย บางทีก๊อ้างเรื่องความกตัญญูแบบบ้านอื่นที่เขายอมลาออกมาดูแลพ่อแม่
เราควรจะปฏิเสธอย่างไรดีคะ คือถ้าไม่ติดว่าท้องเราก็อาจจะทำตามที่ทุกคนอยากให้ทำ
แต่ตอนนี้มันมีเรื่องที่ตัวเราเองก็ไม่พร้อมเหมือนกัน ลำบากใจมากๆ เลยค่ะ ช่วยแนะนำเราทีค่ะ