พ่อป่วยด้วยหลายโรค หนักสุด มะเร็งตับ ไตวาย
หมอใช้วิธีประคับประคองตามอาการ
เริ่มมีอาการทรุดลง เพ้อ หมดสติ
ซึ่งประจวบเหมาะกับ น้องที่ทำงาน(ธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ มีพนง. คนเดียว)
แจ้งข่าวมาว่า หนูท้อง
เป็นเรื่องน่ายินดี
แต่หลังจากวันนั้น น้องบอก แพ้ท้องหนักมาก ไม่สามารถมาทำงานได้
กังวลเรื่องงาน ในทุกๆเช้าถึงเที่ยงของทุกวันที่น้องมาทำงาน
เราต้องอ่านไลน์ เขียนตอบ ให้กำลังใจน้องที่ทำงาน ให้กิน ทำใจให้สบาย เพิ่อเด็กจะได้แข็งแรง
ไม่ต้องกังวลเรื่องงาน ปัญหางานในอนาคต เป็นหน้าที่พี่ต้องคิด
น้องเขาก็จะแสดงความกังวล ห่วงงานในปีหน้า
พอคุยจบวันนี้ พรุ่งนี้มาบอกกังวลห่วงงงานใน 6 เดือน 3 เดือน
ต้องคุยบอกทุกเช้า ว่าให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้นพอ
ในขณะที่พ่ออาการไม่ดี ปฎิเสธการรักษาทุกอย่าง หากเขามีอาการ
พ่อบอกอย่ารั้งไว้ เขาทรมาน ปวด เมื่อมีอาการ .... แต่สมองพ่อยังดีมาก
พ่อพยายามเดินไปเข้าห้องน้ำเอง ลุกขยับตัวเอง แต่ปากบอกให้เขาไปเถอะ
หากเห็นพ่อเริ่มเพ้อ ไม่ได้สติ ให้เราเข้มแข็งอย่าส่งไปรพ. พ่อขอตายที่บ้าน
ยอมรับภาวะจิตใจแย่สุดๆ สอนงานน้องมาจนเป็นงาน หวังว่าจะช่วยเราได้
เมื่อพ่อทรุดลง ...... แต่สุดท้าย เรากลับเครียดทั้งสองทาง
เราอยากหาคนมาปลอบใจ ให้เราทำใจเรื่องพ่อ แต่กลับกลายเป็นต้องไปคอยปลอบใจ ให้กำลังใจคนที่เพิ่งเริ่มท้อง
ร่วมกับ ตัองหาเวลามาทำงานเองด้วย
สุดท้าย จึงต้องเลือกตัดความเครียดตัวเองลงบ้าง โดยบอกให้น้องหยุดพักไม่ต้องทำงานถึงสิ้นเดือนไปเลย
เพื่อเราจะได้ไม่ต้องคุยไลน์ให้กำลังใจทุกเช้า
ซึ่งเดือนนี้มาทำงานได้ 6 วันเอง
แล้วเดือนหน้า หากอาการแพ้ดีขึ้น ค่อยกลับมาทำงาน
แต่พอเดือนถัดมา น้องไม่มาเลย บอกยังแพ้อยู่ และคิดว่าจะแพ้ท้องยาว 3-5 เดือน
หวังว่าพี่จะเข้าใจ น้องบอกอยากจะมากอดอ้อนวอนให้เข้าใจเขา แต่มาไม่ไหว
และน้องยังกังวลว่า ถ้าหนูคลอดแล้ว ใช้สิทธิ์ลาคลอดได้ไหม?
มาถามตัวเอง
1.เราใจร้ายไหม?? ถ้าบอกน้องลาออกไปก่อนดีไหม?
2.แพ้ท้อง มันรุนแรงมากจนทำงานไม่ได้? และต้องแพ้นานกี่เดือน
3. เราเลือกจ่ายเงินเดือนเป็นรายวัน ตามวันที่มาได้ไหม และถ้าเดือนไหนไม่มาเลย จะยื่นประกันสังคมยังไง
หรือเรายังคงต้องจ่ายเงินเดือนปกติ
(น้องทำงานมาได้ 1 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ลาป่วยแทบทุกเดือน เพราะปวดประจำเดือน
และลาป่วยโควิทตามสิทธิ์ ที่ข่าวออกมาครบตามกฎหมาย 15 วัน ในขณะที่ไลน์บอก หนูห่วงงานมาก แต่หนูไปไม่ไหวเลย
+ ลากิจ ไปทำศัลยกรรม ไปแต่งงาน ไปทำบัตร)
ตอนนี้จะจ้างคนใหม่ น้องก็บอก จะกลับมาทำงาน
เราจึงต้องทำงานเองไปก่อน
บวกกลับ การนอนเฝ้าพ่อทุกคืน
และวิ่งส่งรพ. ห้องฉุกเฉินตอนเที่ยงคืน อยู่ยันเช้า
และต้องมานั่งทำงานต่อ ร่วมกับการไปเฝ้าด้วย
พ่อเข้ารพ. ถี่ขึ้นทุกอาทิตย์แล้ว
***** คำถามสำคัญ ที่ถามตัวเอง เราจะไหวได้สักเท่าไร? *****
ถึงเวลาที่เราต้องตัดทางหนึ่งออกแล้ว
เราคงไม่ใจร้ายแล้วนะ
เราคิดว่าที่ผ่านมา เราได้ช่วยน้องเขาเต็มที่แล้ว
เขาคงน่าจะคิดได้ และช่วยเหลือตัวเองได้
เพราะเขาเคยบอก แม่สามีรวย มีทรัพย์สิน และใจดีกับน้องมาก
ใครเคยอยู่ในสภาวะ การแพ้ท้อง มีเพื่อนร่วมงานที่ตั้งครรภ์ มีผู้สูงอายุต้องดูแล ควบคู่กัน
มาบอกเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
คนใกล้ตาย & เด็กที่จะมาเกิดใหม่ …. ประเด็นที่อยากถาม แต่ขอชวนคุยจะดีกว่า
หมอใช้วิธีประคับประคองตามอาการ
เริ่มมีอาการทรุดลง เพ้อ หมดสติ
ซึ่งประจวบเหมาะกับ น้องที่ทำงาน(ธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ มีพนง. คนเดียว)
แจ้งข่าวมาว่า หนูท้อง
เป็นเรื่องน่ายินดี
แต่หลังจากวันนั้น น้องบอก แพ้ท้องหนักมาก ไม่สามารถมาทำงานได้
กังวลเรื่องงาน ในทุกๆเช้าถึงเที่ยงของทุกวันที่น้องมาทำงาน
เราต้องอ่านไลน์ เขียนตอบ ให้กำลังใจน้องที่ทำงาน ให้กิน ทำใจให้สบาย เพิ่อเด็กจะได้แข็งแรง
ไม่ต้องกังวลเรื่องงาน ปัญหางานในอนาคต เป็นหน้าที่พี่ต้องคิด
น้องเขาก็จะแสดงความกังวล ห่วงงานในปีหน้า
พอคุยจบวันนี้ พรุ่งนี้มาบอกกังวลห่วงงงานใน 6 เดือน 3 เดือน
ต้องคุยบอกทุกเช้า ว่าให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้นพอ
ในขณะที่พ่ออาการไม่ดี ปฎิเสธการรักษาทุกอย่าง หากเขามีอาการ
พ่อบอกอย่ารั้งไว้ เขาทรมาน ปวด เมื่อมีอาการ .... แต่สมองพ่อยังดีมาก
พ่อพยายามเดินไปเข้าห้องน้ำเอง ลุกขยับตัวเอง แต่ปากบอกให้เขาไปเถอะ
หากเห็นพ่อเริ่มเพ้อ ไม่ได้สติ ให้เราเข้มแข็งอย่าส่งไปรพ. พ่อขอตายที่บ้าน
ยอมรับภาวะจิตใจแย่สุดๆ สอนงานน้องมาจนเป็นงาน หวังว่าจะช่วยเราได้
เมื่อพ่อทรุดลง ...... แต่สุดท้าย เรากลับเครียดทั้งสองทาง
เราอยากหาคนมาปลอบใจ ให้เราทำใจเรื่องพ่อ แต่กลับกลายเป็นต้องไปคอยปลอบใจ ให้กำลังใจคนที่เพิ่งเริ่มท้อง
ร่วมกับ ตัองหาเวลามาทำงานเองด้วย
สุดท้าย จึงต้องเลือกตัดความเครียดตัวเองลงบ้าง โดยบอกให้น้องหยุดพักไม่ต้องทำงานถึงสิ้นเดือนไปเลย
เพื่อเราจะได้ไม่ต้องคุยไลน์ให้กำลังใจทุกเช้า
ซึ่งเดือนนี้มาทำงานได้ 6 วันเอง
แล้วเดือนหน้า หากอาการแพ้ดีขึ้น ค่อยกลับมาทำงาน
แต่พอเดือนถัดมา น้องไม่มาเลย บอกยังแพ้อยู่ และคิดว่าจะแพ้ท้องยาว 3-5 เดือน
หวังว่าพี่จะเข้าใจ น้องบอกอยากจะมากอดอ้อนวอนให้เข้าใจเขา แต่มาไม่ไหว
และน้องยังกังวลว่า ถ้าหนูคลอดแล้ว ใช้สิทธิ์ลาคลอดได้ไหม?
มาถามตัวเอง
1.เราใจร้ายไหม?? ถ้าบอกน้องลาออกไปก่อนดีไหม?
2.แพ้ท้อง มันรุนแรงมากจนทำงานไม่ได้? และต้องแพ้นานกี่เดือน
3. เราเลือกจ่ายเงินเดือนเป็นรายวัน ตามวันที่มาได้ไหม และถ้าเดือนไหนไม่มาเลย จะยื่นประกันสังคมยังไง
หรือเรายังคงต้องจ่ายเงินเดือนปกติ
(น้องทำงานมาได้ 1 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ลาป่วยแทบทุกเดือน เพราะปวดประจำเดือน
และลาป่วยโควิทตามสิทธิ์ ที่ข่าวออกมาครบตามกฎหมาย 15 วัน ในขณะที่ไลน์บอก หนูห่วงงานมาก แต่หนูไปไม่ไหวเลย
+ ลากิจ ไปทำศัลยกรรม ไปแต่งงาน ไปทำบัตร)
ตอนนี้จะจ้างคนใหม่ น้องก็บอก จะกลับมาทำงาน
เราจึงต้องทำงานเองไปก่อน
บวกกลับ การนอนเฝ้าพ่อทุกคืน
และวิ่งส่งรพ. ห้องฉุกเฉินตอนเที่ยงคืน อยู่ยันเช้า
และต้องมานั่งทำงานต่อ ร่วมกับการไปเฝ้าด้วย
พ่อเข้ารพ. ถี่ขึ้นทุกอาทิตย์แล้ว
***** คำถามสำคัญ ที่ถามตัวเอง เราจะไหวได้สักเท่าไร? *****
ถึงเวลาที่เราต้องตัดทางหนึ่งออกแล้ว
เราคงไม่ใจร้ายแล้วนะ
เราคิดว่าที่ผ่านมา เราได้ช่วยน้องเขาเต็มที่แล้ว
เขาคงน่าจะคิดได้ และช่วยเหลือตัวเองได้
เพราะเขาเคยบอก แม่สามีรวย มีทรัพย์สิน และใจดีกับน้องมาก
ใครเคยอยู่ในสภาวะ การแพ้ท้อง มีเพื่อนร่วมงานที่ตั้งครรภ์ มีผู้สูงอายุต้องดูแล ควบคู่กัน
มาบอกเล่าสู่กันฟังได้นะคะ