จขกท ไปเปรูมาเมื่อกลางปีที่แล้ว ประมาณเดือนพฤษภาคมค่ะ เป็นครั้งแรกที่ไปเลย ตื่นเต้นมาก และเจอวัฒนธรรมหลากหลายมาก อยากเอามาฝาก รู้สึกสนุกดีค่ะ เลยคิดว่าคนอื่นก็อาจจะอยากรู้ว่าบ้านเขาเป็นยังไงเหมือนกันรึเปล่า เลยมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
มาเริ่มกันเลยนะคะ
1 เปรูเป็นเมืองแห่งพืชพรรณธัญญาหาร สวรรค์ของนักกิน ชาวอินคาเชื่อว่าตัวเองมีความเกี่ยวเนื่องกับญี่ปุ่น มีการนับถือดวงอาทิตย์เหมือนกัน จึงมีคำที่ออกเสียงใกล้เคียงกับภาษาญี่ปุ่นด้วย เช่น โอฮาโย (แต่แปลไม่เหมือนกันไรงี้) และชาวอินคาขนาดตัวเล็กแบบคนเอเชีย (แต่จขกทว่าชาวอินคาเค้าตัวเล็กกว่านะ วัยรุ่นผญ สูงเฉลี่ย 145 ผช สูงเฉลี่ย 160 เองค่ะ)ในขณะที่คนเปรู (เช่นที่มาจากเมืองหลวง ลิม่า) จะสูงๆ ผอมๆ หน้ายาว หรือบางคนก็จะผสมแขก หรือดูฝรั่งๆไปเลยค่ะ คือทางอินคาจะหน้าตาคล้ายๆกัน และสีผิวเข้มกว่า
2 จากข้อแรก เปรูมีชนเผ่าอยู่ด้วยเยอะ เป็นชนกลุ่มน้อยในแต่ละภูมิภาค ทำให้เปรูมีอาหารของตัวเอง ทั้งในแต่ละภาค แต่ละเผ่า และยังมีอาหารฟิวชั่นของเปรูเองจากในแต่ละเผ่ามารวมกันให้ทันสมัยมากขึ้น เช่นทำเป็นชั้นๆหลากสี แต่งสีแต่งรสด้วยเครื่องปรุงแบบเปรู (เน้นพริก น้ำมะนาว เครื่องเทศต่างๆ) โดยที่เชฟในเปรูที่ดังๆ ได้มิชลินสตาร์ มาจากเปรูแถบเหนือ เมนูอาหารก็จะเป็นพวกตระกูลปลา เช่น Ceviche อาหารดังของเปรู ที่เป็นปลาเนื้อขาวยำคล้ายๆยำปลาดิบ กินกับมันนึ่ง และข้าวโพดนึ่ง หรือถ้าเป็นจากฝั่งตะวันออก อาหารก็จะเป็นแนวๆพืชผัก ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ อะไรแบบนี้ค่ะ (คนเปรูเล่าให้ฟัง เพลินมาก) ส่วนอาหารที่จขกทชอบมากและแนะนำให้ลอง คือ อาหารที่ทำจาก Quinoa ค่ะ อร่อยมากก โดยเฉพาะ Quinoa risotto กรุบกรับดีงามมาก กินแล้วชอบมากๆ และอาหารจากมันฝรั่งกับข้าวโพด แต่ก็ทำใจหน่อยนะว่าบางอย่างมันอาจจะไม่ถูกปากคนไทย แต่แปลกดีค่ะ โดยรวมแล้วค่อนข้างแฮปปี้กับอาหารที่นี่ พืชผักที่นี่อร่อยมาก ส่วนเนื้อๆก็กินได้บางอย่าง พวกปลาเยอะดีค่ะ
อันนี้ค่ะ คินัวรีซอตโต้ที่บอกว่า อร่อยมากกกก ม๊ากกกกกก
3 นอกจากนั้นก็ยังมีความเอาไปผสมกับชาติต่างๆ จากการที่มีคนญี่ปุ่น จีน และสเปน อพยพเข้ามามากช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่น อาหารญี่ปุ่นสไตล์เปรู เรียกว่า NIKEI ที่ได้เทคนิคการทำปลาจากญี่ปุ่น, อาหารเปรูสไตล์จีน เรียกว่า CHIFA ที่มีเทคนิคการใช้ไฟให้หอมกระทะแบบจีนเป็นต้น และแน่นอน เราจะต้องไปหา Chifa กิน 😁😁 ในรูปนี้คือ CHIFA ค่ะ
4 คนเปรูภูมิใจกับ Pisco sour มากกกก มันคือเหล้าอารมเหล้าที่แรงมาก (alc40%+) ใส่กับน้ำมะนาว ใส่น้ำเชื่อม น้ำแข็ง อย่างละ 1 ส่วน (เห็นบางร้านใส่ไข่แดงด้วย) เขย่าๆจนเข้ากันจะเป็นฟองๆ และนิยมดองเหล้าแบบของไทยนี่ล่ะ ตามร้านเหล้าจะมีเหล้าดองจากผักผลไม้แปลกๆเพียบวางเรียงกันจนเป็นกำแพงเกือบทุกร้านเลยค่ะ เราเคยเข้าไปร้านนึงเค้าเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว (แน่ล่ะ ไม่มีโอกาสเนียนเลย หน้าตาอย่างต่าง) เค้าก็ชวนให้ชิมของแปลกๆของเค้า
5 ของกินสตรีทฟู้ด ที่หอมมากและอยากกินมากแต่ยังไม่มีโอกาสคือ เนื้อปิ้ง แผ่ๆเหมือนหมูปิ้งบ้านเรา ปลายไม้มีมันฝรั่งย่างเสียบอยู่ มีน้ำจิ้มเขียวๆ (คนที่นี่กินเผ็ดแซ่บอยู่นะ เพราะชอบปรุงรสอาหารด้วยพริกกับมะนาวและเครื่องเทศ) กับน้ำต่างๆข้างทาง ดูไม่ค่อยสะอาด แต่คนซื้อเยอะมากไว้ต้องลองสักที
6 ร้านน้ำปั่นในตลาดสด แก้วละ 4-10 โซเลสแล้วแต่ว่าจะเอาอะไร สั่งแบบไม่เอาน้ำตาลก็ได้ ไปกะน้องเลยสั่งน้ำเขียวๆเพราะพลอยไม่ค่อยกินผลไม้ ได้เซเลอรี่ยักษ์มาสองก้าน แตงกวาลูกจะเท่าศอกลูกนึงกับผักที่คล้ายๆผักโขมสองกำใหญ่ๆ ปั่นเสร็จป้าเทใส่แก้วให้ กินจนหมด เอาแก้ววาง ป้าเติมมาอีก 🤣🤣🤣 อิ่มแทบตาย คนเปรูที่นั่งกินอยู่ก่อนหน้าสั่ง papaya juice โดนไปสามแก้ว นั่งจุกอยู่แปบนึงแล้วค่อยเดินออกไป 555
7 ห้องน้ำที่นี่สะอาดมากจนงง ขนาดที่ห่างไกลยังสะอาด มีแค่บนรถไฟที่สะอาดแหละ แต่กลิ่นแรง ที่เหลือคือยังไม่เจอที่ไหนสกปรกเลย แต่บางที่ก็มีเก็บค่าเข้าบ้างทีละ1โซล เจอแพงสุดคือที่มาชูปิชู 2หรือ3โซลนี่แหละ แต่ก็ต้องจ่ายเพราะมีอันเดียว
8 ผักผลไม้ที่นี่ใหญ่มากแบบมากๆ ฟักทองไซส์ประมาณ 20 โลได้ มะเขือม่วงลูกใหญ่เท่าหน้า กล้วยอันละสองคืบ แตงโมลูกละสิบโลกว่าๆ แตงกวายาวเป็นศอก บลูเบอรี่ใหญ่กว่านิ้วโป้ง
9 พริกหลากหลายสายพันธุ์มาก กินเผ็ดกันเก่ง แทนที่จะมีพริกน้ำปลา จะมีเกลือผสมหัวหอมกับพริกหยวก(แต่เผ็ด) หั่นๆบีบมะนาวแล้วคลุกๆ หน้าตาเหมือนซัลซ่า ทำให้กินข้าวอร่อยมากขึ้น
10 นอกจากพริกหลากสายพันธุ์แล้ว มันฝรั่งที่นี่ พี่ไกด์บอกว่า มีมากกว่า 4000 สายพันธุ์ และแต่ละอย่างเหมาะกับน้ำ ดิน อากาศต่างกัน และข้าวโพดก็มีมากกว่า 1000 สายพันธุ์แน่ะ เลยทำให้มีเมนูจากวัตถุดิบพวกนี้เยอะมาก ซึ่งพี่ไกด์เค้าก็เล่าให้ฟังว่ามันฝรั่งชื่ออะไรเหมาะเอาไปทำเมนูอะไร (ซึ่งแน่นอนค่ะ จำไม่ได้ เพราะชื่อยาวมากและเป็นภาษาสเปน) และเค้าก็ยังบอกอีกว่า ชาวอินคาเป็นคนคิดค้นและทดลองวิธีปลูกมันฝรั่ง จนสามารถส่งไปแพร่พันธุ์ได้ทั่วโลก (ขออภัยหากแปลผิดพลาดนะคะ)
ข้าวโพดเหมือนข้าวโพดข้าวเหนียว แต่เม็ดใหญ่กว่านิ้วชี้อีกแน่ะ ฝักนึงประมาณ 60 บาท เลือกได้ว่าโรยเกลือ ใส่ชีสด้วยมั้ย ไม่ใส่ก็ราคาเท่ากัน ฉะนั้นใส่เถอะ ชีสอร่อย
11 คนเปรูใจดี ชอบช่วยเหลือ พยายามอธิบาย (แต่สแปนิชล้วนนะ) วัยรุ่นชอบแซว แต่ไม่น่ากลัว วันนี้มีคนเดินสวน ทักขวัญว่า อันยองฮาชิมนิกา (ทักแบบเกาหลี ใช้กับคนที่ให้ความเคารพไรงี้) บางทีก็คอนนิจิวะ หนีห่าว มาหมดทุกชาติ เป็นทุกชาติให้เธอแล้ว มีแค่ชาติเดียวที่เธอไม่ทักก็ไทยนี่แหละ 😒
12 สายการบิน full service ในเปรูน่าจะมีเหลือสายเดียวคือ Latam ถ้าบินในประเทศจะมีสองระดับคือ Premium Economy กับ Economy และมีให้เลือกซื้อแบบ lite คือถือของขึ้นได้ 10 โล
13 ความแตกต่างของการนั่งพรีเมี่ยมและไม่เมี่ยม คือเก้าอี้เหมือนๆกัน ความห่างที่วางขาเพิ่มจิ๊ดเดียว
ถ้าเมี่ยม เบาะกลางจะไม่มีคนนั่ง และมีเสิร์ฟกาแฟหรือน้ำเปล่าคนละขวด ขอน้ำส้มเพิ่มได้ มีของกินให้เลือกเป็นมัฟฟิ่น หรือมันฝรั่งถุงเล็กๆ หรือคินัวบาร์ ซึ่งก็แปลกอยู่ 😅
ถ้าไม่เมี่ยม ก็นั่งเก้าอี้ติดๆกันปกติ มีน้ำเปล่าแก้วจิ๋วให้ 1 แก้ว (ถ้าหันมาทันแอร์เสิร์ฟ ถ้าไม่ทันคืออด) และช็อคโกแลตแท่งเล็กๆอีก1อัน แอร์เดินไวมากแม่ 🤣🤣
14 จุดแข็งของร้านขายของในสนามบินคุสโคมีของน่าซื้อเต็มเลย อยากซื้อไปฝากเพื่อน 5555
แต่จุดอ่อนคือ ร้านไม่เปิดมานานแล้ว 😅 ในสนามบินเลยมีตู้กดขนม/น้ำเพียบ คนก็กดเยอะมาก
15 มีคนมาเล่นกีต้าเปิดหมวกหน้าเกทได้เลย (มาได้ไง)
16 กลอนห้องน้ำที่เปรูเกือบทุกที่คือจิ๋วมากเหมือนไม่อยากให้ล็อกประตู และไม่มีสายชำระ!!
17 อัลปาก้าคือสัตว์เศรษฐกิจของที่นี่ ขนเอาไปทำเสื้อ หนังเอาไปทำเป๋า/ทำปกหนีงสือและอื่นๆ เนื้อเอาไว้กิน กระดูกเอามาแกะสลักได้อีก แต่อัลปาก้ามีข้อเสียอย่างเดียวคือ ตัวเล็ก และรับน้ำหนักได้แค่ 12-16 โล จึงไม่สามารถแบกคนขึ้นเขาได้แบบม้า อัลปาก้ากว่า 80 เปอร์เซนต์ทั่วโลก อยู่ที่เปรูนี่แหละ
18 แต่ในรูปที่โพสต์คือลามะ (คนที่นี่ออกเสียงว่า ยามะ) ข้อแตกต่างคือ ลามะจะตัวสูง หน้ายาวเป็นทรงกล้วยและหูใหญ่กว่า ส่วนอัลปาก้าจะตัวเล็กกว่า
19 ขนที่เอามาทำเสื้อ Vicuna จะนุ่มนิ่มสุด (แต่ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ป่าหายากไปแล้ว) ถ้าขนอัลปาก้าจะถูกสุด (แต่ก็แพงกว่าไหมธรรมดา) ขนเบบี้อัลปาก้าจะนุ่มรองลงมาจาก vicuna ซึ่งไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่อยู่ที่ขนาดเส้นขน ช่างทำเสื้ออัลปาก้าบอกว่าถ้าตัดขนเป็นรอบที่สาม ถึงจะเป็นขนเบบี้อัลปาก้า ขนาดอยู่ที่ 21.5-23 ไมครอน ซึ่งนุ่มละเอียด และราคาไม่แพงมากถ้าเทียบกับขน vicuna (อันนั้น เสื้อตัวเดียวราคาสองสามหมื่นเลยทีเดียว)
เสื้อขนอัลปาก้า สมมติตัวนึง120 โซล ถ้าเป็นเบบี้จะตกอยู่ที่ตัวละ 400-500 โซลเลยทีเดียว
ขนอัลปาก้า/เบบี้อัลปาก้าแท้ๆจะจับแล้วเย็นมือและมีน้ำหนัก เดี๋ยวจะลองเอาไปจับที่ไทยดูว่ามันจะยังเย็นไหม >> สรุป เย็นนิดๆ แบบนิดมากๆ 🤣🤣
20 ที่นี่หมาเยอะม๊ากกกก และพันธุ์ดีหน้าตาน่ารักทั้งนั้น น้องยังกลายเป็นหมาไร้บ้านไปซะได้
21 เด็กๆอินคาที่นี่ถูกสอนให้บ๊ายบายรถนักท่องเที่ยว เวลาขับรถผ่านเด็กๆจะยกมือบ๊ายบาย จนคนขับต้องจอดเอาน้ำให้บ้าง ขนมให้บ้าง
22 คนที่นี่(คุสโค)มีน้ำใจ รถทัวร์รับนักท่องเที่ยว ที่นั่งคนขับจะว่างประมาณ1ที่ ถ้าโบกก็จะรับไปด้วยเสมอ นั่งเม้ามอยกันไปตลอดทาง
23 ไกด์เค้าพูดกันเล่นๆว่า ทวีปอเมริกาใต้ มีภาษาหลักๆอยู่สองภาษา หนึ่งคือภาษาสเปน ประมาณ 55% และ สองคือ ภาษาโปรตุเกส ซึ่งมีประเทศเดียวที่ใช้คือประเทศบราซิล ปาเข้าไป 45 % แล้ว ไกด์ส่วนมากเลยจะพูดได้ 3 -4 ภาษา คือ อินคา สเปน โปรตุเกส และอังกฤษ (บางคนก็พูดไม่ได้ ใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก) แถมบางคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จากความเชื่อว่าชาวอินคาเกี่ยวเนื่องกับคนญี่ปุ่นนั่นเอง
23 แทกซี่สนามบินของลิม่า ถูกกว่าอูเบอร์ และเป็นเรทเดิมมาหลายปีแล้ว ฉะนั้น เรียกจากสนามบินได้เลย บอกย่านที่พักไป
24 คนที่ลิม่าจะค่อนข้างเย็นชาหน่อยเมื่อเทียบกับคนที่คุสโค คือเหมือนอารมณ์คนเมืองหลวง จะต่างจากคนคุสโคที่เหมือนกับเป็นเมืองนักท่องเที่ยว ยิ้มเก่ง เอาใจใส่ อะไรแบบนี้
25 ใบโคคาขายแบบเสรีเฉพาะในประเทศโคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู โบลิเวีย และบางส่วนของอาร์เจนตินาเท่านั้น โดยเฉพาะในเปรูคือมีเยอะม๊ากกกก แปรรูปเป็นทุกสิ่ง ชาและลูกอมเห็นมากที่สุด ใบแห้ง ช็อคโกแลต โลชั่น บลาๆ เยอะมากกก
วันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านจนจบค่ะ
Once in a lifetime in Peru - เกล็ดความรู้ ที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ก่อนจะมาเปรู :)
มาเริ่มกันเลยนะคะ
1 เปรูเป็นเมืองแห่งพืชพรรณธัญญาหาร สวรรค์ของนักกิน ชาวอินคาเชื่อว่าตัวเองมีความเกี่ยวเนื่องกับญี่ปุ่น มีการนับถือดวงอาทิตย์เหมือนกัน จึงมีคำที่ออกเสียงใกล้เคียงกับภาษาญี่ปุ่นด้วย เช่น โอฮาโย (แต่แปลไม่เหมือนกันไรงี้) และชาวอินคาขนาดตัวเล็กแบบคนเอเชีย (แต่จขกทว่าชาวอินคาเค้าตัวเล็กกว่านะ วัยรุ่นผญ สูงเฉลี่ย 145 ผช สูงเฉลี่ย 160 เองค่ะ)ในขณะที่คนเปรู (เช่นที่มาจากเมืองหลวง ลิม่า) จะสูงๆ ผอมๆ หน้ายาว หรือบางคนก็จะผสมแขก หรือดูฝรั่งๆไปเลยค่ะ คือทางอินคาจะหน้าตาคล้ายๆกัน และสีผิวเข้มกว่า
2 จากข้อแรก เปรูมีชนเผ่าอยู่ด้วยเยอะ เป็นชนกลุ่มน้อยในแต่ละภูมิภาค ทำให้เปรูมีอาหารของตัวเอง ทั้งในแต่ละภาค แต่ละเผ่า และยังมีอาหารฟิวชั่นของเปรูเองจากในแต่ละเผ่ามารวมกันให้ทันสมัยมากขึ้น เช่นทำเป็นชั้นๆหลากสี แต่งสีแต่งรสด้วยเครื่องปรุงแบบเปรู (เน้นพริก น้ำมะนาว เครื่องเทศต่างๆ) โดยที่เชฟในเปรูที่ดังๆ ได้มิชลินสตาร์ มาจากเปรูแถบเหนือ เมนูอาหารก็จะเป็นพวกตระกูลปลา เช่น Ceviche อาหารดังของเปรู ที่เป็นปลาเนื้อขาวยำคล้ายๆยำปลาดิบ กินกับมันนึ่ง และข้าวโพดนึ่ง หรือถ้าเป็นจากฝั่งตะวันออก อาหารก็จะเป็นแนวๆพืชผัก ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ อะไรแบบนี้ค่ะ (คนเปรูเล่าให้ฟัง เพลินมาก) ส่วนอาหารที่จขกทชอบมากและแนะนำให้ลอง คือ อาหารที่ทำจาก Quinoa ค่ะ อร่อยมากก โดยเฉพาะ Quinoa risotto กรุบกรับดีงามมาก กินแล้วชอบมากๆ และอาหารจากมันฝรั่งกับข้าวโพด แต่ก็ทำใจหน่อยนะว่าบางอย่างมันอาจจะไม่ถูกปากคนไทย แต่แปลกดีค่ะ โดยรวมแล้วค่อนข้างแฮปปี้กับอาหารที่นี่ พืชผักที่นี่อร่อยมาก ส่วนเนื้อๆก็กินได้บางอย่าง พวกปลาเยอะดีค่ะ
อันนี้ค่ะ คินัวรีซอตโต้ที่บอกว่า อร่อยมากกกก ม๊ากกกกกก
3 นอกจากนั้นก็ยังมีความเอาไปผสมกับชาติต่างๆ จากการที่มีคนญี่ปุ่น จีน และสเปน อพยพเข้ามามากช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่น อาหารญี่ปุ่นสไตล์เปรู เรียกว่า NIKEI ที่ได้เทคนิคการทำปลาจากญี่ปุ่น, อาหารเปรูสไตล์จีน เรียกว่า CHIFA ที่มีเทคนิคการใช้ไฟให้หอมกระทะแบบจีนเป็นต้น และแน่นอน เราจะต้องไปหา Chifa กิน 😁😁 ในรูปนี้คือ CHIFA ค่ะ
4 คนเปรูภูมิใจกับ Pisco sour มากกกก มันคือเหล้าอารมเหล้าที่แรงมาก (alc40%+) ใส่กับน้ำมะนาว ใส่น้ำเชื่อม น้ำแข็ง อย่างละ 1 ส่วน (เห็นบางร้านใส่ไข่แดงด้วย) เขย่าๆจนเข้ากันจะเป็นฟองๆ และนิยมดองเหล้าแบบของไทยนี่ล่ะ ตามร้านเหล้าจะมีเหล้าดองจากผักผลไม้แปลกๆเพียบวางเรียงกันจนเป็นกำแพงเกือบทุกร้านเลยค่ะ เราเคยเข้าไปร้านนึงเค้าเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว (แน่ล่ะ ไม่มีโอกาสเนียนเลย หน้าตาอย่างต่าง) เค้าก็ชวนให้ชิมของแปลกๆของเค้า
5 ของกินสตรีทฟู้ด ที่หอมมากและอยากกินมากแต่ยังไม่มีโอกาสคือ เนื้อปิ้ง แผ่ๆเหมือนหมูปิ้งบ้านเรา ปลายไม้มีมันฝรั่งย่างเสียบอยู่ มีน้ำจิ้มเขียวๆ (คนที่นี่กินเผ็ดแซ่บอยู่นะ เพราะชอบปรุงรสอาหารด้วยพริกกับมะนาวและเครื่องเทศ) กับน้ำต่างๆข้างทาง ดูไม่ค่อยสะอาด แต่คนซื้อเยอะมากไว้ต้องลองสักที
6 ร้านน้ำปั่นในตลาดสด แก้วละ 4-10 โซเลสแล้วแต่ว่าจะเอาอะไร สั่งแบบไม่เอาน้ำตาลก็ได้ ไปกะน้องเลยสั่งน้ำเขียวๆเพราะพลอยไม่ค่อยกินผลไม้ ได้เซเลอรี่ยักษ์มาสองก้าน แตงกวาลูกจะเท่าศอกลูกนึงกับผักที่คล้ายๆผักโขมสองกำใหญ่ๆ ปั่นเสร็จป้าเทใส่แก้วให้ กินจนหมด เอาแก้ววาง ป้าเติมมาอีก 🤣🤣🤣 อิ่มแทบตาย คนเปรูที่นั่งกินอยู่ก่อนหน้าสั่ง papaya juice โดนไปสามแก้ว นั่งจุกอยู่แปบนึงแล้วค่อยเดินออกไป 555
7 ห้องน้ำที่นี่สะอาดมากจนงง ขนาดที่ห่างไกลยังสะอาด มีแค่บนรถไฟที่สะอาดแหละ แต่กลิ่นแรง ที่เหลือคือยังไม่เจอที่ไหนสกปรกเลย แต่บางที่ก็มีเก็บค่าเข้าบ้างทีละ1โซล เจอแพงสุดคือที่มาชูปิชู 2หรือ3โซลนี่แหละ แต่ก็ต้องจ่ายเพราะมีอันเดียว
8 ผักผลไม้ที่นี่ใหญ่มากแบบมากๆ ฟักทองไซส์ประมาณ 20 โลได้ มะเขือม่วงลูกใหญ่เท่าหน้า กล้วยอันละสองคืบ แตงโมลูกละสิบโลกว่าๆ แตงกวายาวเป็นศอก บลูเบอรี่ใหญ่กว่านิ้วโป้ง
9 พริกหลากหลายสายพันธุ์มาก กินเผ็ดกันเก่ง แทนที่จะมีพริกน้ำปลา จะมีเกลือผสมหัวหอมกับพริกหยวก(แต่เผ็ด) หั่นๆบีบมะนาวแล้วคลุกๆ หน้าตาเหมือนซัลซ่า ทำให้กินข้าวอร่อยมากขึ้น
10 นอกจากพริกหลากสายพันธุ์แล้ว มันฝรั่งที่นี่ พี่ไกด์บอกว่า มีมากกว่า 4000 สายพันธุ์ และแต่ละอย่างเหมาะกับน้ำ ดิน อากาศต่างกัน และข้าวโพดก็มีมากกว่า 1000 สายพันธุ์แน่ะ เลยทำให้มีเมนูจากวัตถุดิบพวกนี้เยอะมาก ซึ่งพี่ไกด์เค้าก็เล่าให้ฟังว่ามันฝรั่งชื่ออะไรเหมาะเอาไปทำเมนูอะไร (ซึ่งแน่นอนค่ะ จำไม่ได้ เพราะชื่อยาวมากและเป็นภาษาสเปน) และเค้าก็ยังบอกอีกว่า ชาวอินคาเป็นคนคิดค้นและทดลองวิธีปลูกมันฝรั่ง จนสามารถส่งไปแพร่พันธุ์ได้ทั่วโลก (ขออภัยหากแปลผิดพลาดนะคะ)
ข้าวโพดเหมือนข้าวโพดข้าวเหนียว แต่เม็ดใหญ่กว่านิ้วชี้อีกแน่ะ ฝักนึงประมาณ 60 บาท เลือกได้ว่าโรยเกลือ ใส่ชีสด้วยมั้ย ไม่ใส่ก็ราคาเท่ากัน ฉะนั้นใส่เถอะ ชีสอร่อย
11 คนเปรูใจดี ชอบช่วยเหลือ พยายามอธิบาย (แต่สแปนิชล้วนนะ) วัยรุ่นชอบแซว แต่ไม่น่ากลัว วันนี้มีคนเดินสวน ทักขวัญว่า อันยองฮาชิมนิกา (ทักแบบเกาหลี ใช้กับคนที่ให้ความเคารพไรงี้) บางทีก็คอนนิจิวะ หนีห่าว มาหมดทุกชาติ เป็นทุกชาติให้เธอแล้ว มีแค่ชาติเดียวที่เธอไม่ทักก็ไทยนี่แหละ 😒
12 สายการบิน full service ในเปรูน่าจะมีเหลือสายเดียวคือ Latam ถ้าบินในประเทศจะมีสองระดับคือ Premium Economy กับ Economy และมีให้เลือกซื้อแบบ lite คือถือของขึ้นได้ 10 โล
13 ความแตกต่างของการนั่งพรีเมี่ยมและไม่เมี่ยม คือเก้าอี้เหมือนๆกัน ความห่างที่วางขาเพิ่มจิ๊ดเดียว
ถ้าเมี่ยม เบาะกลางจะไม่มีคนนั่ง และมีเสิร์ฟกาแฟหรือน้ำเปล่าคนละขวด ขอน้ำส้มเพิ่มได้ มีของกินให้เลือกเป็นมัฟฟิ่น หรือมันฝรั่งถุงเล็กๆ หรือคินัวบาร์ ซึ่งก็แปลกอยู่ 😅
ถ้าไม่เมี่ยม ก็นั่งเก้าอี้ติดๆกันปกติ มีน้ำเปล่าแก้วจิ๋วให้ 1 แก้ว (ถ้าหันมาทันแอร์เสิร์ฟ ถ้าไม่ทันคืออด) และช็อคโกแลตแท่งเล็กๆอีก1อัน แอร์เดินไวมากแม่ 🤣🤣
14 จุดแข็งของร้านขายของในสนามบินคุสโคมีของน่าซื้อเต็มเลย อยากซื้อไปฝากเพื่อน 5555
แต่จุดอ่อนคือ ร้านไม่เปิดมานานแล้ว 😅 ในสนามบินเลยมีตู้กดขนม/น้ำเพียบ คนก็กดเยอะมาก
15 มีคนมาเล่นกีต้าเปิดหมวกหน้าเกทได้เลย (มาได้ไง)
16 กลอนห้องน้ำที่เปรูเกือบทุกที่คือจิ๋วมากเหมือนไม่อยากให้ล็อกประตู และไม่มีสายชำระ!!
17 อัลปาก้าคือสัตว์เศรษฐกิจของที่นี่ ขนเอาไปทำเสื้อ หนังเอาไปทำเป๋า/ทำปกหนีงสือและอื่นๆ เนื้อเอาไว้กิน กระดูกเอามาแกะสลักได้อีก แต่อัลปาก้ามีข้อเสียอย่างเดียวคือ ตัวเล็ก และรับน้ำหนักได้แค่ 12-16 โล จึงไม่สามารถแบกคนขึ้นเขาได้แบบม้า อัลปาก้ากว่า 80 เปอร์เซนต์ทั่วโลก อยู่ที่เปรูนี่แหละ
18 แต่ในรูปที่โพสต์คือลามะ (คนที่นี่ออกเสียงว่า ยามะ) ข้อแตกต่างคือ ลามะจะตัวสูง หน้ายาวเป็นทรงกล้วยและหูใหญ่กว่า ส่วนอัลปาก้าจะตัวเล็กกว่า
19 ขนที่เอามาทำเสื้อ Vicuna จะนุ่มนิ่มสุด (แต่ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ป่าหายากไปแล้ว) ถ้าขนอัลปาก้าจะถูกสุด (แต่ก็แพงกว่าไหมธรรมดา) ขนเบบี้อัลปาก้าจะนุ่มรองลงมาจาก vicuna ซึ่งไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่อยู่ที่ขนาดเส้นขน ช่างทำเสื้ออัลปาก้าบอกว่าถ้าตัดขนเป็นรอบที่สาม ถึงจะเป็นขนเบบี้อัลปาก้า ขนาดอยู่ที่ 21.5-23 ไมครอน ซึ่งนุ่มละเอียด และราคาไม่แพงมากถ้าเทียบกับขน vicuna (อันนั้น เสื้อตัวเดียวราคาสองสามหมื่นเลยทีเดียว)
เสื้อขนอัลปาก้า สมมติตัวนึง120 โซล ถ้าเป็นเบบี้จะตกอยู่ที่ตัวละ 400-500 โซลเลยทีเดียว
ขนอัลปาก้า/เบบี้อัลปาก้าแท้ๆจะจับแล้วเย็นมือและมีน้ำหนัก เดี๋ยวจะลองเอาไปจับที่ไทยดูว่ามันจะยังเย็นไหม >> สรุป เย็นนิดๆ แบบนิดมากๆ 🤣🤣
20 ที่นี่หมาเยอะม๊ากกกก และพันธุ์ดีหน้าตาน่ารักทั้งนั้น น้องยังกลายเป็นหมาไร้บ้านไปซะได้
21 เด็กๆอินคาที่นี่ถูกสอนให้บ๊ายบายรถนักท่องเที่ยว เวลาขับรถผ่านเด็กๆจะยกมือบ๊ายบาย จนคนขับต้องจอดเอาน้ำให้บ้าง ขนมให้บ้าง
22 คนที่นี่(คุสโค)มีน้ำใจ รถทัวร์รับนักท่องเที่ยว ที่นั่งคนขับจะว่างประมาณ1ที่ ถ้าโบกก็จะรับไปด้วยเสมอ นั่งเม้ามอยกันไปตลอดทาง
23 ไกด์เค้าพูดกันเล่นๆว่า ทวีปอเมริกาใต้ มีภาษาหลักๆอยู่สองภาษา หนึ่งคือภาษาสเปน ประมาณ 55% และ สองคือ ภาษาโปรตุเกส ซึ่งมีประเทศเดียวที่ใช้คือประเทศบราซิล ปาเข้าไป 45 % แล้ว ไกด์ส่วนมากเลยจะพูดได้ 3 -4 ภาษา คือ อินคา สเปน โปรตุเกส และอังกฤษ (บางคนก็พูดไม่ได้ ใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก) แถมบางคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จากความเชื่อว่าชาวอินคาเกี่ยวเนื่องกับคนญี่ปุ่นนั่นเอง
23 แทกซี่สนามบินของลิม่า ถูกกว่าอูเบอร์ และเป็นเรทเดิมมาหลายปีแล้ว ฉะนั้น เรียกจากสนามบินได้เลย บอกย่านที่พักไป
24 คนที่ลิม่าจะค่อนข้างเย็นชาหน่อยเมื่อเทียบกับคนที่คุสโค คือเหมือนอารมณ์คนเมืองหลวง จะต่างจากคนคุสโคที่เหมือนกับเป็นเมืองนักท่องเที่ยว ยิ้มเก่ง เอาใจใส่ อะไรแบบนี้
25 ใบโคคาขายแบบเสรีเฉพาะในประเทศโคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู โบลิเวีย และบางส่วนของอาร์เจนตินาเท่านั้น โดยเฉพาะในเปรูคือมีเยอะม๊ากกกก แปรรูปเป็นทุกสิ่ง ชาและลูกอมเห็นมากที่สุด ใบแห้ง ช็อคโกแลต โลชั่น บลาๆ เยอะมากกก
วันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านจนจบค่ะ