แรกรัก 6
หลังจากอาหารเช้าเราเดินเล่นอยู่ภายในบ้านรอเวลาสายกว่านี้ …
เพื่อจะได้นำเอาอาหารไปฝาก พี่ตุ้ม ที่ โรงพยาบาลฯ ...
เพราะ พี่ตุ้ม ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้าไม่ทันได้กินข้าวร่วมกัน …
เต้ บอกว่า พี่ตุ้ม ชอบกินแกงเหลือง กับ ไข่เจียว มาก เลยให้แม่ครัวทอดไข่เจียวเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง ...
นอกเหนือจากกับข้าวที่เตรียมใส่ปิ่นโตไว้แล้ว ...
เต้ เล่าให้ฟังว่า … คุณพ่อ early retire มาแล้ว สอง-สามปี เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ...
ปัจจุบันนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเลแช่แข็งส่งออกต่างประเทศ
โดยมีน้าชาย เป็น หัวเรือใหญ่คอยช่วยดูแลบริษัท ...
ส่วน คุณแม่ ไม่ได้ทำงานอะไรทำหน้าที่ดูแลบ้านเพียงอย่างเดียว …
แต่ที่ เต้ แปลกใจคือ คุณพ่อ ของ เต้ รู้จัก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี … ไม่เคยคิดเลยว่าจะบังเอิญอย่างนี้ ...
********************************************
ตอนสายของวันนั้น เต้ ขับรถพา ตะนิ่นตาญี ไปโรงพยาบาล …
เอาปิ่นโตไปฝาก พี่ตุ้ม แล้วพาไปเที่ยว หาดสมิหรา ...
ที่ขาดไม่ได้คือถ่ายรูปคู่กันตรงรูปปั้น นางเงือก ...
เราเดินจูงมือกันเลียบตามชายหาดไปจนสุด ถึงเขื่อนกั้นแนวทะเลสาบสงขลา …
หาดสมิหรา เมื่อก่อนนั้นบริสุทธิ์เหลือเกินหาดทรายขาวเป็นแนวยาว …
นักท่องเที่ยวมีไม่มากยิ่งวันธรรมดาแทบไม่มีคนสัญจรผ่านไปมาเลย …
เรานั่งเล่นกันที่หาดทราย เต้ กอดแขนของ ตะนิ่นตาญี ไว้แน่น … เผยอตัวขึ้นมาจูบแผ่วๆที่แก้ม ของ ตะนิ่นตาญี …
ก่อนเอียงตัวซบลงบนบ่า พูดว่า ... เต้ รู้ว่า ต้อ เจ้าชู้ แต่ขอร้อง มี เต้ แล้วอย่ามีคนอื่นอีกนะ ... ทุกคนรู้ดีว่า เต้ ไม่เคยมีใคร …
นาทีนี้ เต้ มี ต้อ แล้ว จะมี ต้อ คนเดียวตลอดไป ...
เราสองคนอาบอิ่มกับความรู้สึกที่ได้เปิดใจให้แก่กันตลอดวัน …
จูบกันแล้ว-จูบกันอีก เรารู้ดีว่า … ทั้งชีวิตของเรา … ฝากไว้ให้แก่กันแล้ว …
แม้ว่านาทีนั้นใครใครจะดูว่าเรายังเด็กเกินไปกว่าที่จะเข้าใจในคำว่า … รัก …
แต่เราสองคนตระหนักกันดีว่า ...
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด … เราก็จะมีเราไปตลอดกาล …
********************************************
เย็นวันนั้นหลังอาหารเย็นเรานั่งคุยกัน ตะนิ่นตาญี ขอให้ เต้ เล่นระนาด ให้ฟัง ...
เต้ พยักหน้ารับ ยก ไม้ระนาดขึ้นไล่ลูกระนาด แล้วขยับตัวให้เข้าที่ ...
ยกไม้ระนาดทั้งสองชูขึ้นจบเพียงหน้าผาก สองมือพนมระลึกถึงคุณครูอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มตี เบา-เบา
ตามทำนอง บทเพลงไทยเดิมที่เริ่มต้นท่วงทำนอง ช้า-ช้า …
สายตาของ เต้ ทอดไปข้างหน้า … บ้างครั้งหันมาส่งยิ้มให้ ...
เสียงเพลงจากระนาดที่ เต้ บรรเลงนั้น เหมือนพรรณาถึงความหลังที่ผ่านไปอยากไม่หวลคืน …
บางช่วงมี ตัดพ้อ-รำพัน ... เคลือบแคลง และ สงสัย ...
ระหว่างนั้นเอง ตะนิ่นตาญี เห็น ... คุณพ่อ-คุณแม่ ของ เต้ เดินเข้ามานั่งบนโซฟาดู เต้ เล่นระนาด ...
มีเสียงพึมพำเบาเบาจาก คุณแม่ … ไม่เห็น เต้ เล่นระนาดมานานแล้ว …
เต้ หันมายิ้มให้ คุณแม่ แล้วจังหวะระนาดก็เปลี่ยนไปเร็วขึ้นอีก ...
คล้ายมีคนวิ่งเล่น คนหัวเราะ เสียงนกร้อง แดดออกยามเช้า ดอกไม้บาน ...
ไม้ระนาดที่ เต้ เหวี่ยงไปมาตามลูกระนาดเร็วขึ้นอีก …
พี่ตุ้ม ที่พึ่งกลับมาจากทำงานเดินมานั่งพับเพียบกับพื้น ข้างข้าง คุณพ่อ-คุณแม่ ที่นั่งอยู่บนโซฟา พลางพูดเบาเบากับ คุณพ่อ ว่า …
เต้ ยังเล่นเก่งเหมือนเดิม ...
ไม้ระนาดถูกเหวี่ยงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก ... จนเมื่อกระทบแสงไฟคล้ายผีเสื้อสองตัวบินไปเกาะที่ดอกไม้ …
ดอกนู้นบ้าง-ดอกนี้บ้าง เร็วขึ้นอีก ทุกคนนั่งฟังเหมือนถูกมนต์สะกด …
คนงานในบ้านร่วมร่วมยี่สิบคนซึ่งไม่รู้ว่ามาร่วมฟังหน้าประตูบ้านกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่างมีอาการเช่นเดียวกัน …
บางคนที่เคี้ยวหมากก็หยุดเคี้ยว นั่งอมหมากในปากจนชืด … จนจบเพลง ...
ยายอิ่ม แม่ครัวได้แต่ร้อง ... ทูลหัวของบ่าว ไม่ได้ยินอย่างนี้มานานแล้ว ...
ตะนิ่นตาญี
แรกรัก
หลังจากอาหารเช้าเราเดินเล่นอยู่ภายในบ้านรอเวลาสายกว่านี้ …
เพื่อจะได้นำเอาอาหารไปฝาก พี่ตุ้ม ที่ โรงพยาบาลฯ ...
เพราะ พี่ตุ้ม ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้าไม่ทันได้กินข้าวร่วมกัน …
เต้ บอกว่า พี่ตุ้ม ชอบกินแกงเหลือง กับ ไข่เจียว มาก เลยให้แม่ครัวทอดไข่เจียวเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง ...
นอกเหนือจากกับข้าวที่เตรียมใส่ปิ่นโตไว้แล้ว ...
เต้ เล่าให้ฟังว่า … คุณพ่อ early retire มาแล้ว สอง-สามปี เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ...
ปัจจุบันนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเลแช่แข็งส่งออกต่างประเทศ
โดยมีน้าชาย เป็น หัวเรือใหญ่คอยช่วยดูแลบริษัท ...
ส่วน คุณแม่ ไม่ได้ทำงานอะไรทำหน้าที่ดูแลบ้านเพียงอย่างเดียว …
แต่ที่ เต้ แปลกใจคือ คุณพ่อ ของ เต้ รู้จัก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี … ไม่เคยคิดเลยว่าจะบังเอิญอย่างนี้ ...
********************************************
ตอนสายของวันนั้น เต้ ขับรถพา ตะนิ่นตาญี ไปโรงพยาบาล …
เอาปิ่นโตไปฝาก พี่ตุ้ม แล้วพาไปเที่ยว หาดสมิหรา ...
ที่ขาดไม่ได้คือถ่ายรูปคู่กันตรงรูปปั้น นางเงือก ...
เราเดินจูงมือกันเลียบตามชายหาดไปจนสุด ถึงเขื่อนกั้นแนวทะเลสาบสงขลา …
หาดสมิหรา เมื่อก่อนนั้นบริสุทธิ์เหลือเกินหาดทรายขาวเป็นแนวยาว …
นักท่องเที่ยวมีไม่มากยิ่งวันธรรมดาแทบไม่มีคนสัญจรผ่านไปมาเลย …
เรานั่งเล่นกันที่หาดทราย เต้ กอดแขนของ ตะนิ่นตาญี ไว้แน่น … เผยอตัวขึ้นมาจูบแผ่วๆที่แก้ม ของ ตะนิ่นตาญี …
ก่อนเอียงตัวซบลงบนบ่า พูดว่า ... เต้ รู้ว่า ต้อ เจ้าชู้ แต่ขอร้อง มี เต้ แล้วอย่ามีคนอื่นอีกนะ ... ทุกคนรู้ดีว่า เต้ ไม่เคยมีใคร …
นาทีนี้ เต้ มี ต้อ แล้ว จะมี ต้อ คนเดียวตลอดไป ...
เราสองคนอาบอิ่มกับความรู้สึกที่ได้เปิดใจให้แก่กันตลอดวัน …
จูบกันแล้ว-จูบกันอีก เรารู้ดีว่า … ทั้งชีวิตของเรา … ฝากไว้ให้แก่กันแล้ว …
แม้ว่านาทีนั้นใครใครจะดูว่าเรายังเด็กเกินไปกว่าที่จะเข้าใจในคำว่า … รัก …
แต่เราสองคนตระหนักกันดีว่า ...
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด … เราก็จะมีเราไปตลอดกาล …
********************************************
เย็นวันนั้นหลังอาหารเย็นเรานั่งคุยกัน ตะนิ่นตาญี ขอให้ เต้ เล่นระนาด ให้ฟัง ...
เต้ พยักหน้ารับ ยก ไม้ระนาดขึ้นไล่ลูกระนาด แล้วขยับตัวให้เข้าที่ ...
ยกไม้ระนาดทั้งสองชูขึ้นจบเพียงหน้าผาก สองมือพนมระลึกถึงคุณครูอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มตี เบา-เบา
ตามทำนอง บทเพลงไทยเดิมที่เริ่มต้นท่วงทำนอง ช้า-ช้า …
สายตาของ เต้ ทอดไปข้างหน้า … บ้างครั้งหันมาส่งยิ้มให้ ...
เสียงเพลงจากระนาดที่ เต้ บรรเลงนั้น เหมือนพรรณาถึงความหลังที่ผ่านไปอยากไม่หวลคืน …
บางช่วงมี ตัดพ้อ-รำพัน ... เคลือบแคลง และ สงสัย ...
ระหว่างนั้นเอง ตะนิ่นตาญี เห็น ... คุณพ่อ-คุณแม่ ของ เต้ เดินเข้ามานั่งบนโซฟาดู เต้ เล่นระนาด ...
มีเสียงพึมพำเบาเบาจาก คุณแม่ … ไม่เห็น เต้ เล่นระนาดมานานแล้ว …
เต้ หันมายิ้มให้ คุณแม่ แล้วจังหวะระนาดก็เปลี่ยนไปเร็วขึ้นอีก ...
คล้ายมีคนวิ่งเล่น คนหัวเราะ เสียงนกร้อง แดดออกยามเช้า ดอกไม้บาน ...
ไม้ระนาดที่ เต้ เหวี่ยงไปมาตามลูกระนาดเร็วขึ้นอีก …
พี่ตุ้ม ที่พึ่งกลับมาจากทำงานเดินมานั่งพับเพียบกับพื้น ข้างข้าง คุณพ่อ-คุณแม่ ที่นั่งอยู่บนโซฟา พลางพูดเบาเบากับ คุณพ่อ ว่า …
เต้ ยังเล่นเก่งเหมือนเดิม ...
ไม้ระนาดถูกเหวี่ยงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก ... จนเมื่อกระทบแสงไฟคล้ายผีเสื้อสองตัวบินไปเกาะที่ดอกไม้ …
ดอกนู้นบ้าง-ดอกนี้บ้าง เร็วขึ้นอีก ทุกคนนั่งฟังเหมือนถูกมนต์สะกด …
คนงานในบ้านร่วมร่วมยี่สิบคนซึ่งไม่รู้ว่ามาร่วมฟังหน้าประตูบ้านกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่างมีอาการเช่นเดียวกัน …
บางคนที่เคี้ยวหมากก็หยุดเคี้ยว นั่งอมหมากในปากจนชืด … จนจบเพลง ...
ยายอิ่ม แม่ครัวได้แต่ร้อง ... ทูลหัวของบ่าว ไม่ได้ยินอย่างนี้มานานแล้ว ...
ตะนิ่นตาญี